สิงหาคม 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog
ยามเมื่อสายลมพัดหวล สู่ แดนดินที่เรียกขาน….อัญมณีแห่งภาคตะวันออก
ในช่วงแห่งฤดูมรสุมทิ้งช่วงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมถือโอกาสเดินทางไปเยือน เมืองแห่งน้ำตกลือเลื่อง ผลไม้นานาพันธุ์ พริกไทยชั้นดี อัญมณีมากเหลือ ดินแดนที่กำเนิดสิ่งล้ำค่ามากมายจากผืนดินกับประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวการกู้ชาติ เป็นตำนานที่ยังจดจำอยู่ในใจคนไทยทุกคน จากการพยากรอากาศที่ได้ฟังมาตลอดสัปดาห์ก่อนการเดินทาง ทำให้ในวันนั้นผมไม่คาดหวังมากนักว่าสภาพฝนฟ้าจะเอื้ออำนวย แต่แล้วตลอดเส้นทางการเดินทางครั้งนี้ สภาพอากาศเอื้ออำนวย ท้องฟ้าสดใส ไร้วี่แววของเมฆฝน เป็นทางเดินทางกลับไปเยือนครั้งแรกในรอบหลายปี ทั้งๆที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ป่าเขา น้ำตก หาดทราย แต่หลายๆ คนมองข้ามเป็นทางผ่านจาก จ ระยอง ไปสู่ จ ตราดเพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังหมู่เกาะช้าง



จาก กทม ผมใช้เล้นทางบูรพาวิถี เชื่อมต่อทางหลวงสาย 344 สายบ้านบึง - แกลง มาเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ที่บริเวณสามแยก อ แกลง แวะรับทานอาหารกลางวันที่ร้านนี้ครับ เกาเหลากับข้าวเปล่า และต่อด้วยบะหมี่แห้งเกี้ยวปลา จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 3 ภาพที่พบเห็นระหว่างทาง มีรถบรรทุกผลไม้วิ่งกันไปมา บอกให้ผมทราบว่า กำลังเข้ามาสู่เขตแดนของเมืองแห่งผลไม้นานาพันธุ์ ในไม่ช้าเมื่อผมแหงนหน้ามองก็พบกับป้ายข้อความแสดงการต้อนรับอันอบอุ่นจากชาวจังหวัดจันทบุรี นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าผมได้กลับมาถึงเมืองจันท์อีกครา ด้วยความรู้สึกที่เบิกบานและหัวใจที่พองโต ผมเดินทางมาถึงแยกหนองสีงา บริเวณหลัก กม ที่ 302 เพื่อเลี้ยวขวาสู่หาดเจ้าหลาว เป็นที่หมายแรกในการกลับมาพักค้างแรมที่เมืองจันท์ครั้งนี้ของผม ระหว่างทางเห็นพ่อค้าแม่ค้า นำผลไม้มาจำหน่ายระหว่างทาง ผมจอดรถแวะสอบถามราคา จากการสอบถามบอกว่าเป็นเงาะสี มิใช่เงาะโรงเรียน แต่รสชาดก็หวานร่อนดี ผมขอซื้อแต่เค้าไม่ขาย แต่บอกว่าให้ฟรี ทราบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจที่ชาวจันทบุรีหยิบยื่นให้โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งที่ผมยืนกรานจะขอซื้อ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจขัดน้ำใจชาวจันทบุรี ผมรับเงาะสีห้ากิโลกรัมกลับมาทาน เป็นเรื่องราวเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง เป็นความประทับใจแรกที่พบเจอในการกลับมาเมื่องจันท์และน่าจดจำมาเล่าสู่กันฟัง คนเมืองจันท์ใจดีจังครับ



ในไม่ช้าผมก็เดินทางผ่านรอยต่อของ อ นายายอาม สู่ อ ท่าใหม่ มาถึงวงเวียนพยูนเล่นน้ำ ตรงนี้ ผมทราบดีว่าการเดินทางในวันนี้ ใกล้ถึงที่หมาย เลี้ยวขวาจากถนนสายนี้เข้าที่พัก ที่หาดเจ้าหลาว ในคืนนี้ เลี้ยวเข้าไปตามเส้นทางไม่ไกลก็ถึง โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช พอเลี้ยวผ่านประตูโรงแรมเข้าไป ก็มีลานจอดรถกว้างขวางไว้บริการแขก ตรงข้ามลานจอดรถเป็นอาคารห้องพักแบบโรงแรม จากลานจอดรถเดินมาไม่ไกลก็ถึงส่วนต้อนรับ หลังจากจอดรถ เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า เข้าไปด้านในอาคารต้อนรับ ก็มีมุมนั่งเล่นพร้อมบริการอินเตอร์เน็ทที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมง ติดต่อห้องพักด้านนี้ รับกุญแจบ้านส่องตะวัน ชำระค่ามัดจำกุญแจ เป็นเงิน 500 บาท



จัดสัมภาระเข้าบ้านส่องตะวัน อยู่ติดชายหาดเจ้าหลาว ด้านหน้ามีที่นั่งพักผ่อนอิริยาบถชมวิวชายหาดจากด้านหน้าห้องพัก ภายใต้ร่มเงาจากต้นไม้น้อยใหญ่ในสวนหย่อมที่อยู่ระหว้างบ้านกับชายหาด เมื่อเข้าไปด้านในบ้านพัก เตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและ เครื่องปรับอากาศ ทีวี มินิบาร์ และตู้เก็บสัมภาระ ภายในห้องน้ำแยกส่วนระหว่างอ่างล้างหน้าและห้องอาบน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น อีกด้านเป็นห้องน้ำ ด้านบนเป็นหลังคาเปิดโล่ง





ผมจัดเก็บสัมภาระ จากนั้นก็เดินสำรวจไปรอบๆ สิ่งแรกที่ทำคือการเดินไปที่ชายหาดชาวหลาวในวันที่ท้องฟ้าเปิดกว้างสดใสและเป็นใจอีกวันหนึ่ง ภาพที่คุ้นตาที่เคยเห็นเมื่อครั้งอดีต หลายๆ สิ่งรอบๆ เปลี่ยนแปลงไป แต่ผืนทรายกับทะเลยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หาดทรายที่ค่อยๆลาดเอียงลงสู่ท้องทะเลทีละน้อยและทอดตัวออกไปยาวไกลทั้งสองด้าน ประกอบกับเกลี่ยวคลื่นสวยงามที่ยังคงม้วนกลับคืนสู่ฝั่งผืนทราย คือภาพที่ไม่ผิดเพี้ยนจากเมื่อคราวก่อนที่ผมมาเยือน บริเวณสวนหย่อมริมชายหาดให้ความร่มรื่นกับสถานที่ สนามหญ้าเขียวขจีรอบๆ บ้านพัก ให้ความรู้สึกสบายตาเมื่อมองผ่านสนามออกไปเห็นท้องฟ้าที่ไร้เมฆฝนและแมกไม้เขียวขจีบนภูเขา ห้องอาหารทอแสง เป็นห้องอาหารเพียงแห่งเดียวของที่นี่



ผมใช้เวลาในช่วงบ่ายพักผ่อนอิริยาบถคลายร้อนด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ที่สระว่ายน้ำซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีผู้คนมีใช้บริการยังไม่มาก คงเป็นเพราะอากาศช่วงบ่ายที่มีแสงแดดค่อนข้างจัด ในยามแดดร่มลมตก ผมมานั่งพักผ่อนที่ชายหาด ฟังเสียงคลื่นและสำเนียงแห่งท้องทะเลที่พัดพาความสุขกลับมาสู่จิตใจผมอีกครา เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่ง เป็นฟองขาวเมื่อสัมผัสกับหาดทราย เมื่อมองออกไปสุดขอบฟ้าที่บรรจบกับผืนน้ำอันกว้างใหญ่ พาให้ใจล่องลอยไปอย่างไร้ขอบเขต เสียงคลื่นและสายลมที่พัดกลับเข้าหาฝั่งนำพาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนๆหนึ่งกลับเข้ามาในห้วงคำนึง ชีวิตทีมีทั้งสุขและทุกข์ผสมปนเปกันไป และไม่มีอะไรที่แน่นอน มันเป็นความจริงที่ผมพาลพบประสบกับตัวเอง



ตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ที่ยังคงสดใส ไร้วี่แววของเมฆฝน ผู้คนออกมาสนุกสนานกับกิจกรรมที่ชายหาดกันเช่นเดียวกับผมที่ใช้เวลายามเช้าวันนี้ เดินเล่นไปตามชายหาดที่ทอดตัวยาว สายลมทะเลยามเช้ายังคงพัดพาเรื่องราวของท้องทะเลเข้ามาในใจผมทุกชั่วขณะ เมื่อก้มมองลงบนผืนทราย ทุกย่างก้าวที่เราเดินเต็มไปด้วยเรื่องราว ภาพสิ่งต่างที่พบเห็น สะท้อนวิถีของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล สิ่งมีชีวิตที่ล่องลอยมากับกระแสน้ำที่ขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลา เป็นภาพที่พบเห็นทุกคราที่ได้มาเหยียบผืนทรายที่โอบท้องทะเลไว้ ผมอำลาเจ้าหลาวทอแสงบีชในช่วงใกล้เที่ยงของวันนั้น ยามใดที่วันเวลาที่สวยงามหวลคืนมา ผมสัญญาจะกลับมาเยือนหาดเจ้าหลาวอีก



ผมใช้เวลาช่วงใกล้ๆเที่ยว ออกไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ ผมทราบมาว่าที่อ่าวคุ้งกระเบนมีสถานที่ที่น่าสนใจ และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติชายฝั่ง ออกจากโรงแรมเจ้าหลาวทอแสง บีช ผมผ่านวงเวียนพะยูนเล่นน้ำ เดินทางไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสุ่แหลมเสด็จ ผมมาถึงที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ อ่าวคุ้งกระเบน ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่างคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและเรียนรู้ถึงการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บริเวณป่าชายเลน ที่มีการปรับตัวและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ผมเดินไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในป่าชายเลน ระยะทางกว่าหนึ่งกิโลเมตร ตลอดสองข้างทางมีป้ายสื่อความหมายของธรรมชาติบริเวณพื้นที่แห่งนี้ให้เราได้รับรู้ถึงการดำรงชีวิต การอยู่ร่วมกัน ตลอดเส้นทางจะมีศาลาแวะพักเป็นระยะ พร้อมแผ่นป้ายให้ข้อมูล ความรุ้เกี่ยวกับป่าชายเลนที่นับวันจะลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย อีกหน่อยสัตว์ที่อาศัยป่าแห่งนี้เป็นที่พำนัก ก็คงจะหมดลมหายใจตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้นโกงกางใบใหญ่ ผมสังเกตุว่าสภาพใบไม้ของต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บริเวณนี้จะมีใบหนากว่าต้นไม้ทั่วไป เนื่องจากพันธุ์ไม้ที่ป่าชายเลน ใช้รากดูดน้ำเค็มเข้ามาหล่อเลี้ยงลำต้นและขับเกลือที่ปนมากับน้ำออกทางอนุภาคที่ท้องใบ เป็นอนุภาคเล็กๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น นี่เป็นสาเหตุให้ใบไม้มีความหนามากกว่าใบไม้ทั่วๆไปนั่นเอง



ในวันนั้นมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินศึกษาธรรมชาติกันอย่างหนาตา ระหว่างทางก็จะมีศาลาแวะพักพร้อมถ่ายทอดสาระความรู้เป็นระยะ จนถึงทางออกที่จุดนี้ ห่างออกไปไม่ไกลนักจากศูนย์ฯ เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางลัดเลาะเลียบชายหาด ผมเดินทางต่อไปยังสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ที่ตั้งอยู่บริเวณแหลมเสด็จ เปิดให้เข้าชมโดยไม่คิดค่าผ่านประตู ภายในมีห้องแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลากหลายชนิด มีทั้งที่จัดไว้ในตู้กระจก มีปลาที่เป็นและอยุ่ภายในอุโมงขนาดใหญ่ มีป้ายข้อความที่เป็นสาระความรุ้เกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ที่พบหาได้ในท้องทะเลไทยบริเวณอ่างคุ้งกระเบนและบริเวณใกล้เคียงมีทั้งประเภทสวยงาม และสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจที่พบตามแนวปะการังและโขดหินตามแนวชายฝั่ง
ชายหาดแหลมเสด็จ-ชายหาด บ้านเจ้าหลาว ผมใช้เวลาเดินชมอยุ่ภายในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ นานพอสมควร จนได้เวลาอาหารกลางวัน ผมเดินเลยจากอาคารมาไม่ไกล เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ตามข้างทางมีแม่ค้านำของกินมาขายอยู่ดาดดื่น



ที่บริเวณชายหาดแหลมเสด็จมีผู้คนมานั่งพักผ่อนรับลมเย็นกันอยู่พอสมควรภายใต้เงาสน เมื่อมองไปอีกด้านหนึ่งจะเป็นที่ตั้งของวัดแหลมเสด็จ เป็นสถานที่ผู้คนมาปฎิบัติธรรม เป็นสาขาของวัดเขาสุกิม เมื่อเดินไปตามเส้นที่จะไปยังหน้าวัด ตลอดทางจะมีร้านอาหารทะเลตั้งอยู่รอบริการนักท่องเที่ยว ผมแนะนำร้านนี้ครับ แหลมเสด็จซีฟู๊ด อาหารรสชาดดี โดยเฉพาะปลากระพงราดพริก หลังอาหาร ผมเดินไปที่หน้าวัดแหลมเสด็จ ทางด้านซ้ายของวัดมีเส้นทางเดินศักษาธรรมชาติระยะสั้น จากตรงนี้มองกลับมาเห็นชายหาดแหลมเสด็จได้เต็มตา ตรงนี้มีร้านอาหารชื่อแหลมเสด็จ ซีฟู๊ด ผมลองเข้าไปนั่งรับทานอาหารกลางวัน รสชาดดีครับ



หลังอาหารออกเดินทางตะเวนหาที่พักอีกแห่งสำหรับคืนนี้ ผมเดินทางย้อนเส้นทางเดิมกลับมาถึงวงเวียนพะยูน แล้ววิ่งไปตามเส้นทางไปยังที่พักอีกแห่งที่อยู่เลยหาดเจ้าหลาวออกไปราว 1 กม ข้ามเขาไปไม่ไกลนัก มองเห็นทะเลอยู่เบื้องหน้า และแล้วก็เดินทางมาถึงทางเลี้ยวขวาลงไปยังชายหาดเบื่องล่าง เข้าที่พัก ตั้งอยู่หาดซีเชล บ้านพัก อยู่ติดชายหาด มีระเบียงชมวิว บริเวณนี้เป็นส่วนต้อนรับ ติดต่อห้องพักและรับกุญแจบ้านพัก และร้านอาหารที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน มีสะพานเดินออกไปชมวิวที่บริเวณหน้าอ่าว มองกลับเข้ามายังอ่าวที่เป็นที่ตั้งของที่พัก


ผมใช้เวลาในช่องตะวันบ่ายคล้อยของวันนั้น ออกไปเที่ยวบริเวณปากน้ำแขมหนู ห่างออกไปจากที่พักไม่ไกล เส้นทางลัดเลาะสันเขา จนถึงสะพานข้ามเฉลิมพระเกียรติ ข้ามสะพานแห่งนี้ไปยังชุมชนวัดแขมหนู ภาพที่ประกฎงดงามเกินคำบรรยาย ท้องน้ำอันกว้างใหญ่ สะท้อนเรื่องราว วิถีชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ที่อาศัยเรือเป็นเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพ ภาพชุมชนกับวัดเป็นสิ่งที่อยุ่คู่กันมาตั้งแต่โบราณกาล เป็นวิถีชนบทของไทยที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ในตัวเอง สองด้านของสะพานเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ มีทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งนัก เป็นจุดที่แม่น้ำวังโตนด ทั้งสองสาขาที่มีถิ่นกำเนิดจากเขาสีเสียดและเขา ชะมูน เขาชะอม และเขาลำปลายพระเทศ ใหลมาบรรจบกันและออกสู่ทะเลที่อีกด้านหนึ่งของสะพาน กลายเป็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ที่สวยงาม เป็นกฎแห่งธรรมชาติของสายนทีที่ไม่มีวันใหลย้อนกลับ ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติของป่าเขาเขียวขจี สายน้ำใสราวแผ่นกระจกและแผ่นฟ้ากว้างเบื้องบน อยู่บนสะพานแห่งนี้นานจนมองเห็นภาพสายน้ำในช่วงแห่งฤดูน้ำหลาก น้ำเอ่อนองเต็มตลิ่ง สะท้อนภาพเรื่องราว วิถีชาวบ้านที่งดงามของชุมชนขนาดเล็กในระแวกนั้นที่มีอาชีพทำประมงพื้นบ้านเป็นหลัก



ตลอดสองข้างทางจะพบเห็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ยังชีพด้วยการประมง เป็นภาพที่พบเห็นได้เมื่อไปเยือนชุมชนแห่งนี้ ที่เห็นในภาพเป็นอุปกรณ์ตากอาหารแห้ง การทำประมงพื้นบ้านเพื่อหาเลี้ยงชีพ ควบคู่กับธุรกิจรีสอร์ทที่พักที่เกิดขึ้นมากมายตามมาในปัจจุบันเมื่อเทียบกับสมัยก่อน บ้านพักศรีไฟลิน และ นวลจันทร์ รีสอร์ท เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของธุรกิจท่องเที่ยวที่คืบคลานเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้ ก่อนกลับที่พัก ผมแวะตลาดบริเวณเชิงสะพาน มีตลาดนัดขายสินค้าต่างๆ มากมาย อาหารทะเลสดและอาหารแห้งขายกันดาดดื่น ผมเดินขึ้นไปชมวิวบนสะพาน มองออกไปเห็นสายน้ำอันกว้างไกลสุดสายตา สายน้ำแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงชุมชนสองฝากผั่ง ตลอดเส้นทางที่สายน้ำที่ใหลออกสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่อีกด้านหนึ่งของสะพาน เป็นภาพที่สวยงามที่เกิดขึ้นที่นี่



หลังอาหารเช้าผมเดินทางกลับ ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดคลึ้ม ระหว่างทางกลับ แวะหาซื้ออาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้ง กลับมาเป็นของฝาก มีให้เลือกมากมายหลายร้าน ตั้งอยู่ใกล้ๆ วงเวียนปลาพะยูนว่ายน้ำครับ มีทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง ราคาก็พอสมควรไม่แพงมาก พอให้เลือกหาซื้อกันได้ ผมเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดเส้นทางออกจากเขตจังหวัดจันทบุรีไปจนถึง อ แกลง



เป็นสายฝนที่ส่งท้ายการเดินทางมาเยือนดินแดน น้ำตกสวย หาดทรายงาม พลอยล้ำค่า วันหน้าเมื่อเวลาที่สวยงามหวลมาอีกครา เมืองจันทบุรี จะไม่เป็นเพียงทางผ่านอีกต่อไป ผมจะเฝ้ารอวันเวลาที่จะได้กลับมาเยือนถิ่นแดนดิน อัญมณีแห่งภาคตะวันออกอีกคราให้จงได้...



Create Date : 06 สิงหาคม 2551
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 14:38:34 น.
Counter : 2959 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

3KKK
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend