พฤษภาคม 2555

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
29
31
 
 
All Blog
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่สุพรรณบุรี กับเรื่องราวและความรู้สึกดีที่ยังไม่ลบเลือนไป

สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนัก เมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

วันนั้นเป็นอีกวันที่จิตใจผ่องใส มีโอกาสเดินทางไปเยือนสถานที่ซึ่งอยุ่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของเรามากนัก และที่สำคัญมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักหลายแห่ง รวมถึงวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย

สิ่งที่แรกที่ตั้งใจเมื่อไปถึง จ สุพรรณบุรีคือการไปนมัสการ  ไหว้พระ ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง

 ผมเดินทางถึงวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ในช่วงสายของวัน ที่นี่เป็นอารามหลวงชั้นตรีที่งดงามแห่งหนึ่งใน จ สุพรรณบุรี อยู่คู่ จ สุพรรณมาหลายศตวรรษ

วัดป่าเลไลยก์วรวิหารตั้งอยู่ห่างจาก อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ประมาณ 2 กม.  เดิมชื่อ วัดลานมะขวิด ผู้คนมากมายเดินทางมากราบนมัสการสิ่งศักดิ์กันอย่างเนืองแน่นในวัดหยุดสุดสัปดาห์

เมื่อได้เข้าไปในพระอุโบสถ ที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต องศ์พระประธาร ปางปาลิไลยกะ สันนิษฐานจากพุทธลักษณะว่า เป็นพระ พุทธรูปสมันอู่ทอง องศ์พระพุทธรูปที่งดงาม พระพักตร์และแววพระเนตร เปี่ยมด้วยความเมตตา  นำความร่มเย็นมาสู่จิตใจอย่างน่าประหลาด

เคยได้ยินเรื่องราวที่เล่าขานในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน ก็มีหลายเรื่องราวเชื่อมโยงกับวัดป่าเลไลยก์แห่งนี้ ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังของที่วัดป่าเลไลย์แห่งนี้ก็สวยงาม สื่อเรื่องราวของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดป่าเลไลย์แห่งนี้เป็นเรื่องเล่าตำนานของขุนช้างขุนแผน

ห่างจากพระอุโบสถไปไม่ไกลเป็นที่ตั้งของบ้านขุนช้าง สถาปัตยกรรม เรือนไทยที่งดงามอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางไปกราบไหว้นมัสการหลวงพ่อโตที่วัดป่าเลไลยก์แห่งนี้ ที่นี่คือสถาปัตยกรรมเรือนไทยที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น

ขึ้นไปบนอาคารเรือนไทยแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่งดงามหลายองศ์

ผมอำลาวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร  เดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของ จ สุพรรณบุรี   สถานที่ซึ่งเป็นที่อนุรักษ์สัตว์ที่อยู่คู่ชาวนาไทยมาหลายชั่วอายุคน ทำงานตรากตรำมาชั่วชีวิต ผลิตข้าวทุกเม็ดหล่อเลี้ยงผู้คน  ไปถึงที่นั่นพื้นที่กว้างขวางครับ บรรยากาศแบบไทย มีอาคารเรือนไทย อันงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยให้ได้ยล บรรยากาศร่มรื่นดี ลมพัดเย็นสบาย แดดไม่ร้อนมาก

เมื่อมาถึงจุดที่เป็นเวทีการแสดง น้องๆ ก็ออกมาร้องรำทำเพลงให้ได้ชม เรียกเสียงปรบมือดังกึกก้อง มีการบรรเลิงเครื่องดนตรีไทยประกอบจังหวะ การระเล่นแบบไทยๆ หลายๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกันเมื่อครั้งเยาว์วัย

มาถึงช่วงสำคัญของการแสดง เป็นสิ่งที่ดึงดูผู้คน โดยเฉพาะชาวต่างชาติมาที่นี่ มารู้จักสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่ชาวนาไทยมาหลายชั่วอายุคน

มีการสาธิตการใช้งานควายไถนา  การใช้ควายเทียมเกวียน เป็นพาหนะในการเดินทางในสมัยก่อน มีคำถามที่ค้างคาในใจผมว่า ทำไมต้องเปรียบคนโง่เป็นดั่งควาย ผมว่าควายไม่ใช่สัตว์ที่ไม่มีสมองนะครับ สามารถนำมาฝึกใช้งานได้เป็นอย่างดีรวมทั้งฟังคำสั่งรู้เรื่องหมดครับ คนเลี้ยงสั่งให้หมอบครับ

ลานแสดงควาย ช่วงเช้าแสดงรอบ 11.00-11.30 น. ช่วงบ่ายรอบ 16.30-17.00 น. วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ เวลา 09.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 09.30-18.30 น

หลังจากชมการแสดงแล้วก็ออกไปเดินชมสถานที่อันกว้างขวางและร่มรื่นกัน บริเวณนี้จัดเป็นเรือนพักรับรองครับ  สำหรับผู้ที่ต้องการพักแรมดื่มด่ำบรรยากาศบ้านควายไทยครับ

อำลาบ้านอนุรักษ์ควายไทย มุ่งหน้าสู่บึงฉวากครับ เข้ามาถึงบึงฉวาก ท้องฟ้าช่างงดงามอะไรปานนั้น  อดไม่ได้ต้องเก็บภาพสวยๆไว้ในความทรงจำ ก่อนย่างเท้าไปต่อ ระหว่างทางบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดจริงๆ

บริเวณกรงสัตว์น้อยใหญ่ ให้ได้ชมเพื่อความเพลิดเพลิน

จากสวนสัตว์ทีนี้ไปส่วนแสดงสัตว์น้ำบ้างดีกว่า เข้าไปดูตู้ปลาใหญ่กันเลยดีกว่าครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา มีปลามากมายออกมาอวดโฉม   หลากสีสรร แหวกว่ายไปมา อย่างน่าเอ็นดู

ผมโชคดีมากที่ไม่เจอฝนเลยในวันนั้น ได้ความสำราญใจกลับมามากมาย ได้เวลาอำลาบึกฉวากกลับ กทม

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมและทักทายเป็นแรงใจให้รีวิวนี้จบลงได้ทันเวลาครับ




Create Date : 30 พฤษภาคม 2555
Last Update : 30 พฤษภาคม 2555 11:19:13 น.
Counter : 8189 Pageviews.

2 comments
  
โดย: papisong วันที่: 30 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:39:00 น.
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 31 พฤษภาคม 2555 เวลา:10:02:01 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

3KKK
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend