ผ่าทางตัน
เมื่องานส่วนตัวที่ทำอยู่ไม่มีรายได้มาหลายวัน เงินสำรองก็ไม่มี
อาชีพเสริมที่พยายามทำมาหลายอย่างก็มีแต่ขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บางอย่างไม่ขาดทุนแต่เสมอตัว ไม่มีกำไร จนเงินทุนที่จะมาหมุนเวียน
ทำต่อหมดลง ในขณะที่ต้องกินต้องใช้ทุกวัน มีทั้งภาระในการดูแล
คนในครอบครัว ค่าใช้จ่ายภายในบ้านประจำเดือนที่ต้องรับผิดชอบ
พร้อมด้วยภาระหนี้สินจากของใช้ส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง
ชีวิตเดินมาถึงทางตัน ไม่รู้จะไปทางไหน จะเริ่มต้นใหม่ยังไง
ในวัยที่อายุได้ขึ้นเลข4แล้ว นั่งทบทวนชีวิตตัวเองในวันนี้
ไม่ต่างอะไรเลยกับชีวิตเมื่อ 10 หรือ 20 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเหมือนเดิมคือ
ไม่มีอาชีพที่ลงตัว ไม่มีเงินเก็บสำรองยามฉุกเฉิน ไม่มีฐานะมั่นคง
ไม่มีความก้าวหน้าในชีวิต และไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย
ที่ผ่านมาเคยเปลี่ยนงานไปหลายที่ ทำอาชีพเสริมหลายแบบ
ลงทุนค้าขายหลายอย่าง แต่ก็ล้มเหลว ไม่พบกับงานที่ใช่สำหรับตัวเองสักที
เราพลาดตรงไหน เรามองข้ามอะไรไป จึงได้ทบทวนและวิเคราะห์ตัวเอง
จนพบว่า . . .
การที่เปลี่ยนงานบ่อย เพราะฉันเป็นคนไม่มีความอดทนในงาน ไม่พึงพอใจ
ต่อค่าตอบแทนที่น้อยนิด มัวคิดแต่หางานใหม่ที่ให้ค่าตอบแทนมากกว่าที่เดิม
จึงเปลี่ยนงานไปเรื่อย โดยไม่คำนึงว่า หากทำงานเป็นระยะเวลานานพอ
เราจะมีทักษะและประสบการณ์ในงานเพิ่มขึ้น จนนำไปสู่ความก้าวหน้า
ในอาชีพ รวมถึงจะได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นตามอายุงานนั้น
ด้วยความที่ชอบอิสระ ไม่อยากทำงานเป็นลูกจ้างใคร จึงอยากลงทุนเปิด
กิจการเล็กๆ แต่ไม่มีการวางแผน ไม่มีการหาข้อมูล รวมถึงไม่มีเงินทุน
ที่เพียงพอ คิดเพียงแค่อยากทำ อยากมีกิจการของตนเอง
สุดท้ายจึงไปไม่รอด ต้องเลิกกิจการ แถมด้วยหนี้สินที่ต้องชดใช้
อยากค้าขาย ลงทุนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำแล้วขายไม่ดี ก็เปลี่ยนไปขายอย่างอื่น
เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ไม่ลงตัวสักที ล้มเหลวตามเคย
หาไอเดียใหม่ๆ ทำงานแฮนด์เมด ทำออกมาแล้วก็ไม่เข้าท่าเข้าที
เอาไปขายไม่ได้ ไม่เวิร์ค บางอย่างคิดได้แต่ทำเองไม่ได้ ไม่มีฝีมือ
เสียเวลาไปเปล่าๆ จนได้
เรียนรู้ทักษะหาอาชีพที่ชอบ ก็ไปไม่สุดทาง เบื่อเสียก่อน สูญเปล่าอีกแล้ว
นอกจากนี้ ยังลองทำอาชีพเสริมต่างๆ ลองมามาก แต่ไม่ชอบและไม่ใช่ตัวเรา
ฉันสูญเสียเงินทองไปกับการลองผิดลองถูกทำสิ่งต่างๆมามากมาย
สูญเสียเวลาในชีวิตไปอีกหลายปี กับการค้นหาอาชีพที่จะสามารถสร้าง
รายได้อย่างที่ต้องการ เสียเวลาเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป
แต่จับหลักสิ่งที่รักจริงๆ ไม่เจอ เส้นทางชีวิตจึงหมุนวนอยู่ที่เดิม
ฉันมัวแก้ไขปรับปรุงจุดอ่อนของตัวเอง เสียเวลาไปมาก แต่ไม่เคยคิด
ที่จะพัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่ ฉันมองข้ามสิ่งสำคัญนี้ไป
ฉันพบว่า การที่มัวแต่ไปลดจุดอ่อนนั้นไม่สามารถทำให้ก้าวหน้าได้เร็วกว่า
การเร่งพัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่ให้ดียิ่งๆขึ้นไป เพราะจุดแข็งที่มีอยู่นั้น
เราสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที แต่กับสิ่งที่เป็นจุดอ่อน กว่าเราจะพัฒนา
ไปถึงจุดนั้น เขาก็ยิ่งทิ้งห่างเราออกไปไกล ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร
ก็ตามเขาไม่ทันอยู่ดี แต่หากมุ่งพัฒนาจุดแข็ง เราจะมีทักษะและ
ความเชี่ยวชาญเพิ่มมากยิ่งๆขึ้นไป ทำให้มีหนทางใหม่
มีทางเลือกหลากหลาย และอาจนำไปสู่การมีโอกาสที่ดี
ในการสร้างรายได้อีกมากมาย ตลอดจนมีโอกาสประสบความสำเร็จ
ในชีวิตอีกด้วย
มาถึงวันนี้ ฉันรู้แล้วว่า ควรจะพัฒนาจุดแข็งอะไรในตัวเอง เพื่อให้เป็น
อาชีพที่ชอบ อาชีพที่ใช่ และอาชีพที่เหมาะสม
ชีวิตกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ฉัน ผ่าทางตัน ได้แล้วค่ะ