LIFE จากการ์ตูนสู่ละคร ความเหมือนที่แตกต่าง (บทความ(บ่น)พิเศษ)
ความจริงวันนี้กะจะอัพ Life ep.2 part 2.2 จากที่ได้ค้างไว้ซะนาน แต่เมื่อวาน หลังจากที่ได้ดูตอนที่ 8 จบ ด้วยอารมณ์ที่ อธิบายไม่ถูก -*-แต่ก็ปล่อยอารมณ์นั้นทิ้งไป โดยคิดว่า เอ่อ...ก็มันละครนี่นา อ่ะนะ จะให้มันเหมือนการ์ตูนได้ไง (ทั้งที่เอามาจากการ์ตูนอ่ะแหละ) เช้ามานี้ นั่งคิดต่ออีก (ตกลงจะไม่คิดเรื่องอื่นบ้างรึ) ก็นะ มันยังติดใจ ถ้าไม่ได้มาบ่น มาเล่าในบลอค ก็คง นอนไม่หลับ (เป็นเอามาก) +LIFE จากการ์ตูน สู่ละคร ความเหมือนที่แตกต่าง+
ถามว่า ทำไมกล้าออกมาวิเคราะห์เอาตอนนี้ แค่ตอนที่ 8 เอง ไม่รอให้จบก่อนละ? แล้วค่อยวิเคราะห์ ติติง ก็ขอบอกว่า นี่แค่เริ่มต้นน่า ละครก็ไม่ได้รอให้การ์ตูนจบซะหน่อย แล้วค่อยสร้าง เพราะฉะนั้น ส่วนต่างมันมีเยอะ เลยแบ่งมาบ้าง ตอนจบ ก็จะมาอีกที LIFE เป็นผลงานของ อ.Keiko Suenobu ผู้เขียนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากๆ ทั้งลายเส้น เนื้อเรื่องต่างๆ ส่วนหนึ่งล้วนนำมาจากชีวิตจริง รอบๆตัว สังคมของญี่ปุ่น นำมาเขียน ถ่ายทอดในการ์ตูน ซึ่งเรื่องก่อนๆของอาจารย์ ก็จะมี วิตามิน ซึ่งเนื้อหาคล้ายๆกับไลฟ์ ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี ต่อมาเป็นเรื่องรวมสั้นๆ Happy tomorrow เรื่องแรกจะมีการกลั่งแกล้งกันนิดหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน แล้วเรื่องอื่นๆที่เหลือก็จะเป็นแนวรัก กุ๊กกิ๊ก แต่ไม่หวานจ๋า กลางๆ ซึ่งอ่านได้สนุกๆ ส่วนเรื่องไลฟ์ คือการ์ตูนที่สุดยอดจริงๆ เพราะครบรส จนออกแนวจะจิตอยู่แล้ว 555+ จนอาจารย์ได้รับรางวัลจากการ์ตูนเรื่องนี้โดยทีเดียว ในที่สุด ไลฟ์ในฉบับการ์ตูนก็ดำเนินมาถึงเล่มที่ 14 ในไทย เล่มที่ 15 ในญี่ปุ่น เล่นเอาแฟนๆใจจดใจจ่อกับการรอคอยของเล่มที่ 15 ในไทยกันเลยทีเดียว แบบว่า เราเล่นพันทิป ก็จะมีแฟนของไลฟ์หลากหลาย มีผู้ชายด้วย ซึ่งก็อ่าน แปลว่า งานของอาจารย์เข้าถึงกลุ่มบุคคล ไม่ว่าเพศชาย หรือ หญิง แต่เด็กไม่ควรอ่านนะ 55+ เพราะมันก็มีเนื้อหาบางส่วนรุนแรงเหมือนกัน สำหรับเด็กตัวเล็กๆ ถ้า 16 ขึ้นไปค่อยอ่าน รู้สึกว่าจะเริ่มยาวไปแระ เข้าเรื่องดีกว่า ข้อแนะนำเล็กๆสำหรับผู้ที่เคยอ่านการ์ตูนก่อนที่จะดูละคร เราแนะนำให้ท่าน เก็บหนังสือการ์ตูนเข้ากรุ เข้าตู้ไปเลย อย่ายึดติด เนื้อเรื่อง มันคนละเรื่องเดียวกัน เดี๋ยวค่อยบอกว่าเป็นไง ก็มีบางส่วนเหมือนการ์ตูน แต่ขอร้องย้อนกลับไปคำแนะนำแรก
ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน แต่อยากดูละคร ควรดูละครก่อนที่จะหาการ์ตูนมาอ่าน คุณจะสนุกกับมัน โดยที่ไม่ซีเรียสเหมือนคนที่อ่านการ์ตูนมา พอดูจบ(ในที่นี้หมายถึง ดูจนละครจบ ลาจอไปเลย) ค่อยหาการ์ตูนมาอ่าน อ้อ ถ้าจะดูให้เข้าใจ รอเค้ามีซับก่อนนะ จะได้เข้าใจ
ส่วนถ้าใครไม่เห็นด้วย มีข้อแตกต่าง ข้อคิดเห็นอื่นๆก็ ติเตียน ให้ข้อมูลเสริมมาได้ ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จากนี้ (สปอยได้มั้ง) คือความคิดเห็นส่วนตัวของเรา เน้น ของเรา ของคนอื่นไม่รู้ ไม่อ้างอิง และ เราเองก็ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นมากมาย ละครที่ดูก็ดันเป็นSoundtack ไม่มีซับ ซึ่งต้องใช้การเดาล้วนๆและอาศัยจากที่อ่านการ์ตูนมาก่อน ซึ่งมันก็ ไม่ช่วยอะไรได้มากนัก แค่รู้ว่าใครเป็นใคร แค่นั้น ซึ่ง ตั้งแต่ ตอนที่ 1- 8 เมื่อเราดูจบ เห็นได้หลายอย่างที่ ขัดใจ ซึ่ง ในการ์ตูน ความลึกซึ้ง ลายละเอียดมันจะเยอะกว่า มันบิ๊วอารมณ์ได้มากกว่าเห็นๆ ทั้งที่ ผู้อ่านไลฟ์คงจะรู้ ว่าอาจารย์น่ะ คำพูดในการ์ตูน โคตรจะน้อย ส่วนมากจะเป็นภาพ เน้นอารมณ์ ความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ แต่มัน ทำให้เข้าใจและอินไปกับมันได้ไม่ยาก แต่ในละคร มีอะไรปลีกย่อยอีกเยอะในตัวของอายูมุ แต่ ไม่เด่น และบทของฮาโตริ ที่ในการ์ตูน เธอนี่เป็นยอดหญิงขัวญใจของใครหลายคน เธอทั้งเท่ห์ หัวดี มีความคิด เป็นตัวของตัวเอง เรียกได้ว่า ในการ์ตูนเธอนี่ สุดๆเลย แต่ในละคร แทบจะไม่เห็นซีนอารมณ์ที่มันพีคๆของฮาโตริ อ้อ มีตอนที่ 5-6 นี้มั้ง แต่ มันธรรมดาไป นั้นพีคแล้วเหรอ? จะเป็นตอนที่อายูมุ ถูกพวกอากิระจับตัวไปที่ตึกร้าง ในละคร ทำไมจะต้องให้ฮาโตริวิ่งตามหาอยูมุให้พล่านทั่วเมืองขนาดนั้น เหนื่อยเปล่าๆ ทำไมต้องให้อากิระคุยโทรศัพท์กับโซนาดะ แล้วบอกว่าเป็นคนจับอายูมุมาเสียเอง แถมบอกที่อยู่เสร็จสรรพ์ ซึ่งในการ์ตูน หลังจากที่อายูมุโดนจับขัง พวกนั้นก็ตระเวนหาฮาโตริ พอดีเจอเธอที่ ตู้โทรศัพท์ ซึ่งฮาโตริสงสัยว่าอายูมุหายไปไหน เลยโทรเชคกะโซนาดะ พอดีพวกอากิระ ก็จับตัวเธอไปอีกคน เอาน่า กะว่าไม่ยึดในการ์ตูนแล้วแท้ๆ แต่ก็ขัดใจ สิ่งต่อมา ขัดใจยิ่งกว่า ฉากที่ซึ้งๆในการ์ตูน การต่อสู้กับความกล้าของโซโนดะ มัน ไม่ได้อารมณ์เท่าไหร่ และทุกอย่างดู ปุ๊บปัปมากเกินไป แล้วใครที่ชอบฉากวายๆ ที่ว่า อายูมุป้อนน้ำฮาโตริทางปาก อย่าหวังจะได้เห็นในละคร ซึ้ง มันไม่มี 5555+ อีกอย่าง อากิระ มันไม่ตกตึกครับท่าน มันแค่ได้ยินเสียงรถตำรวจ มันก็วิ่งหนีไปเลย -*- ที่สำคัญคนแสดงเป็นอากิระนี่ ขัดใจชะมัด หน้าเหมือนพี่อ้างเถิดเทิง -*- ล่าสุด ข้ามมาตอนที่ 8 ที่ดูจบเมื่อวาน จะเป็นตอนที่ ฮิโระโดนกดดันสุดๆจากมานามิ ก็เลยโดดตึก ความจริงแล้ว อายูมุ เป็นคนวิ่งตามฮิโระ เพื่อที่จะพูดกับเธอ แต่เธอก็ชิงกระโดดทะลุหน้าต่าง ตกลงไปข้างล่าง คิดว่าในการ์ตูนก็ประมาณ ชั้น 2 แต่ในละคร พอฮิโระวิ่งมาบนดาดฟ้า เจอกับฮาโตริและอายูมุเข้า ก็ตกใจ ทั้ง 2 คนก็ตกใจไม่แพ้กัน อายูมุ เหมือนรู้ว่าฮิโระจะทำอะไร ก็พูดเกลี้ยกล่อมเป็นนาน พอจับมือมาได้ แต่ก็โดนฮิโระสะบัด พร้อมทั้งเธอก็กระโดดลงไปทันที ซึ่ง ดาดดฟ้ามัน โคตรสูง จะรอดมั้ยนี่ ต้องรอดสิ ในการ์ตูนยังรอด ถ้าไม่รอด เรื่องมันจะพลิกไปอีกอย่างเลย และ มานามิ เห็นเหตุการณ์พอดี เธอหลบมุมตึก ทำหน้า งอนๆ เซ็งๆ บอกอารมณ์ไม่ถูก ซึ่งมันต่างจากมานามิในการ์ตูนที่จิตๆไปเลย คือ อารมณ์ไม่ถึงจริงๆ คนแสดงเป็น มานามิ เนี้ย เธอน่ารักนะ แต่ว่า บทนี้มันยากไปสำหรับเธอจริงๆ ฉากชวนจิ้น555+
แค่นี้พอเบาะๆ สำหรับละคร ซึ่งตอนต่อไปจะมีอะไรที่ เหลือเชื่อ และ ทำไปได้นะ อีกเยอะเชียวแหละ ก็เลยมานั่งบอกกับตัวเอง อย่ายึดติดๆ ถ้ารักที่จะดูกันแล้ว ก็จง ลบความทรงจำในการ์ตูนไปซะ จะได้ดูละครอย่างสบายๆ ก็นึกซะว่า ได้ดูอีกเวอร์ชั่นหนึ่งละกัน เหอๆ ซึ่ง มันก็อยากเหมือนกันนะเนี้ย ให้คิดแบบนั้น จะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ เราว่า มันขึ้นอยู่กับคนเขียนบท และ ผู้กำกับนี่แหละ จะสรรค์สร้างให้มันเป็นยังไง แต่บทเสริมแทรกมาใหม่นี่ เยอะเหมือนกันนะ เหอๆ เพราะฉะนั้นเห็นในการ์ตูนว่า แรง แต่ในละคร เฉยๆนะ ไม่แรง ซึ้งอาจมี ฉากกุ๊กกิ๊กมีแน่นอน แต่จะเป็นแบบไหน ก็คอยดูต่อไป แต่ ไม่วาย (ยูริ) รับรอง ในละครจะมีฉากแบบนี้มั้ยเนี้ย ตอนหน้ามีลุ้น
+นักแสดง+ อ่ะ เรื่องสุดท้ายที่จะบ่น + ชม คือเรื่องของนักแสดงที่สวมบทต่างๆในละคร Shiiba Ayumu รับบทโดย Kii Kitano
บทนี้ ก็เหมาะกับเธอดี หาคนมาเป็นอายูมุได้ดี อารมณ์ที่เธอส่งผ่านมา ก็โอเค กับฉากสำคัญๆ เราชอบแววตาของเธอ บทจะใสซื่อ ก็ทำได้น่ารัก ไม่เคอะเขิน บทส่งผ่านอารมณ์ทางสายตา ก็ทำได้ดี ชอบตอนร้องไห้ น้ำตาร่วงเป็นเม็ดๆเลย ก็ถือว่าผ่านกับบทของอายูมุ 2. Manami Anzai รับบทโดย Saki Fukuda
เธอน่ารักดี ตอนที่ได้เห็นครั้งแรก ยังไม่ได้ชมการแสดงของเธอ จะรอดูว่าเธอจะส่งผ่านอารมณ์ของมานามิได้ดีแค่ไหน ตอนแรกๆ เธอก็ทำได้ดีนะ เป็นมานะที่น่ารักดี แต่พอเธอร้ายนี่ มันดู ง้องแง้ง จัง มันไม่จิตอ่ะ และหลายฉาก ที่มานะต้องจิตสุดๆ มันไม่มี มีเพียงเธอแค่ยิ้มมุมปาก ทำตาโต จ้องคนอื่นแค่นั้น สำหรับเรา ถ้าเป็นฮิโระ ก็คงจะไม่กลัวเธอมากเท่าไหร่ แต่เรื่องตอแหลของมานะนี่ ยังมีเช่นเคย 555+ 3. Miki Hatori รับบทโดย Megumi Seki เธอคนนี้ รูปร่าง หน้าตา ก็ถือว่าผ่าน แต่ สวยเป็นพักๆ ถามว่าเหมาะกับบทมั้ย? มันก็ได้อยู่ แต่เคืองผู้กำกับนี่สิ บทของฮาโตริ ที่ว่าเด่นๆ มันไม่ค่อยจะมีเลย เหมือนกลายเป็นว่า ฮาโตริ ตาม อายูมุ แทนที่อายูมุ จะตามติดฮาโตริซะงั้นอ่ะ แต่ตอนที่ 3 ชอบเธอมาก ฉากยกถังน้ำมาสาดพวกมานามิ แจ่มจริงๆ ได้ใจ 4. Katsumi Ssko รับบทโดย Yoshihiko Hosoda ทั้งเรื่อง หมอนี่ได้ใจเราสุดๆ เพราะอะไร? เพราะมันจิตได้ใจไง เหมือนในการ์ตูนมากที่สุดแล้ว กับตัวของคาสึมิ โยชิฮิโกะ ทำได้ดี กล้าเล่น และ เข้าถึงตัวละครมากที่สุดแล้ว เท่าที่ดูมา และ ในละคร ดูเหมือนว่า คาสึมิ ได้ออกตัวเยอะกว่าในการ์ตูนอีก ซึ่งพักหลังๆ จะไม่ค่อยเห็นคาสึมิโผล่มาเลย แต่ก็ต้องดูต่อไป มันคงไม่หายไปเฉยๆหรอก หึๆ 5. Sonoda Yuki รับบทโดย Takahiro Hojyo แหม...จะไม่พูดถึงหนุ่มแว่นขวัญใจเราก็กะไรอยู่ ตอนแรกที่ลุ้นว่าใครจะมาแสดงเป็นโซโนดะของเรานั้น ใจก็คิดว่า มันต้องหล่อน่า เหมือนในการ์ตูนแหละ แต่พอรู้ว่าเป็นใคร โอ้....แม่เจ้า อืม....พูดไม่ออกกันไปเลยทีเดียว 555+ ก็เลยปลอบตัวเอง เอาน่า รอดูต่อไปละกัน เห็นฝีไม้ลายมือแล้ว กับบทของโซโนดะ มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ซีนอารมณ์ก็ทำได้ แล้วยิ่งดูๆไป หมอนี่ก็มีเสน่ห์ดีนะ เวลาแอบยิ้มอ่ะ น่ารักเชียว แต่แอบเคือง ที่เราจะไม่ได้เห็นหนุ่มแว่นอีกต่อไป (รึเปล่า?) ก็นะ โซโนดะ พอถูกเหยียบแว่นแตก พี่แกก็ไม่มีแว่นสำรอง ไม่ไปตัดเอาใหม่ พอตอนหลังๆ ก็จะเห็นไม่ใส่แว่นอีก เซ็งอ่ะ ทั้งที่ในการ์ตูน เล่ม 10 ฉากแว่นเนี้ย น่ารัก กรี๊ดสุดๆเลย แสดงว่า ในละคร จะไม่มีใช่มั้ย? (ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ) 6. Toda sensei รับบทโดย Seto Asaka ไม่พูดถึง อ.โทดะ ก็ไม่ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวละคร ที่หาคนมารับบทได้เหมือนที่สุด แล้วเชื่อขนมกินได้เลย ว่า เซโตะซัง นักแสดงรุ่นเก๋า มากฝีมือคนนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
พอแค่นี้ดีกว่า เอาไว้รอชมต่อไป บางทีเรื่องอาจจะพลิกพลันมากกว่านี้ก็เป็นได้ นี่แหละ ความเหมือนที่แตกต่าง จริงๆ 555+
Create Date : 07 กันยายน 2550 |
|
8 comments |
Last Update : 7 กันยายน 2550 16:49:11 น. |
Counter : 988 Pageviews. |
|
|
|