Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
คิดจากความว่าง 2.............คุณดังตฤณ

โลกทั้งใบหายไปกับความตาย


ทำยังไงถึงจะได้เป็นนักบินอวกาศอย่างคุณคะ?

หนูต้องเรียนหนักนะ โดยเฉพาะวิทย์กับคณิต ต้องเอาให้เก่งระเบิดขนาดที่นาซ่าสนใจน่ะ

รู้สึกยังไงคะ กับการออกไปข้างนอกโน้น และทิ้งโลกไว้เบื้องล่าง?

เหมือนนุ่นที่ลอยได้เองน่ะจ้ะ หนูจะรู้ว่าแรงดึงดูดมีความหมายอย่างไรก็ตอนที่มันเหลือน้อยเท่าน้อยแล้วนั่นแหละ

ก่อนขึ้นสู่อวกาศ ตอนล่ำลาครอบครัวนี่รู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษ หรือผิดแผกแตกต่างจากตอนล่ำลาไปที่ไหนไกลๆบนโลกนี้ไหมคะ?

แน่นอนจ้ะ หนูล่ำลาพวกเขาไปสู่บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง และรู้ว่าหนูจะไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันกับพวกเขาชั่วคราว แต่เนื่องจากผมไม่คิดว่าจะลาไปตาย ก็อาจไม่ถึงขั้นลึกซึ้งมากมาย มันแค่เป็นการเดินทางที่แตกต่าง ไม่ใช่การสาบสูญไปไหน

ตื่นเต้นไหมคะตอนรู้สึกว่ากำลังจะออกเดินทางไปนอกโลก

ตื่นเต้นสิ! แค่รอเวลาเดินทางขึ้นยานอวกาศของจริงที่ไม่ใช่แค่เครื่องจำลอง ผมก็ใจเต้นระส่ำแล้ว มีอะไรมากมายที่ผมไม่รู้ และไม่มีทางเจอได้จากเครื่องจำลองในโรงฝึก การเผชิญหน้ากับความลึกลับที่เรายังไม่เคยสัมผัส นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอ

แล้วตอนจรวดจุดระเบิดล่ะคะ กลัวไหม?

สารภาพตามตรงเลยนะ ตอนปล่อยจรวด พอทั้งลำสั่นแรงๆ ผมก็หนาวขี้หดแล้ว ภายในครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาเรายังขึ้นอวกาศไม่มากพอ ยังมีความเสี่ยงสูง แล้วก็มีสิทธิ์ระเบิดบึ้มขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้

ตอนอยู่ในอวกาศจริงๆล่ะคะ เป็นยังไง?

ก็เป็นประสบการณ์สัมผัสกับความเคว้งคว้าง เบากว่าตอนหนูลอยตัวในน้ำเยอะนะ แล้วความเป็นเราก็เหมือนแตกต่างไป แรกๆคล้ายครึ่งฝันครึ่งตื่น แต่พอชินแล้วก็รู้สึกเป็นตัวเองตามปกติ แค่เป็นตัวเองที่ไม่มีน้ำหนัก แต่สติสัมปชัญญะยังครบถ้วน

คุณเคยออกไปนอกโลกหลายครั้ง เคยเจอมนุษย์ต่างดาว หรืออะไรที่เข้าเค้าว่าจะใช่บ้างไหมคะ?

ไม่เคยเลย แค่มหาสมุทรบนโลกก็กว้างยาวลึกเกินกว่าที่ใครจะเจอปลาแปลกๆเพียงด้วยการออกเรือสองสามหน แต่บนโน้นน่ะห้วงจักรวาลเชียวนะ ถึงมีมนุษย์ต่างดาวผมก็ไม่ทันได้เจอง่ายๆหรอก

แล้วอะไรบนอวกาศทำให้คุณรู้สึกดีที่สุดคะ?

ก็คงตอนมองย้อนกลับมาเห็นโลกสีฟ้าของพวกเรามั้ง หนูเห็นในรูปน่ะ ไม่เหมือนเห็นด้วยตาเปล่าตอนอยู่บนโน้นหรอก ความลึกของสีต่างๆบนโลกมันน่าอัศจรรย์เหมือนอัญมณีเม็ดแปลก ทั้งแดงอย่างทับทิม ทั้งเขียวอย่างมรกต และมากกว่าอะไรอื่นคือฟ้าอย่างแซฟไฟร์ อ้อ! อีกอย่างความขาวของกลุ่มเมฆนั้นจัดจ้าแสบตาจนหนูมองมันตรงๆไม่ได้หรอก การเห็นโลกทั้งใบด้วยตาเปล่าเป็นประสบการณ์เกินบรรยาย หนูต้องไปเห็นด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ

หนูรู้สึกว่าการไปถึงบนโน้นคงเหมือนได้อยู่กับพระเจ้า มีสิทธิ์มองโลกร่วมกับพระองค์ และเหมือนเห็นผ่านสายตาของพระองค์ว่าโลกนี้เป็นยังไง

อือม์… ผมไม่ได้รู้สึกว่าเห็นโลกด้วยดวงตาสวรรค์หรอก พวกเราอาจจะยังไปได้ไม่สูงพอมั้ง

แล้วคุณต้องไปไกลแค่ไหนคะถึงจะได้เห็นอย่างที่พระองค์เห็น?

ไม่รู้สิ อาจต้องออกไปนอกจักรวาลเลยก็ได้ ถึงจะเห็นทั้งหมดที่พระองค์เห็น เพราะเท่าที่ผมรู้แน่ๆคือพระองค์ไม่ได้สร้างแค่โลกนี้ใบเดียว แล้วก็ไม่ได้สร้างจักรวาลมาเพียงเพื่อให้โลกนี้ดำรงอยู่ โลกเราเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่ใช่ศูนย์กลาง และน่าจะไม่ใช่สิ่งสำคัญมากมายกับงานสร้างจักรวาลของใคร เพราะมันเล็กจนเหมือนเม็ดทรายเม็ดหนึ่งบนหาดกว้างเท่านั้น

ถึงจะไม่ได้เห็นทั้งหมด แต่อย่างน้อยมนุษย์ทุกคนก็ต้องอิจฉา หนูจะตั้งใจเรียนเพียงเพื่อให้ได้เห็นอย่างคุณ และไม่ต้องอิจฉาคุณอีก

ผมไม่เห็นจุดที่น่าอิจฉาชัดเจนเท่าไหร่นะ กับแค่การพบว่ายิ่งออกห่างโลกออกไปมากขึ้นเท่าไร กายเราก็ยิ่งเบาและเคว้งคว้างไร้หลักยืนมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดถึงพื้นดินที่เท้าเคยยืน คิดถึงครอบครัวที่ใจรัก นั่นอาจเป็นการค้นพบว่าคนเราไม่ได้ถูกออกแบบให้จากโลกนี้ไปไหน ให้อยู่บนโน้นคงไม่มีใครเอา และการได้อยู่ในที่ที่ไม่มีใครเอา ก็ไม่น่าอิจฉามากกว่าเห็นใครได้เที่ยวเกาะร้าง อาจมีปะการังสวยให้ดำน้ำดูสักครู่หนึ่ง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมีชีวิตอยู่อย่างถาวร

นั่นคือความจริงที่คุณค้นพบหรือคะ?

ความจริงในจักรวาลเหมือนมหาสมุทร มนุษย์เราก็เพิ่งแค่สร้างห่วงยางไว้พยุงตัวเล่นแถวชายฝั่ง ยังสร้างเรือไม้ไม่เป็น อย่าต้องพูดถึงเรือเดินสมุทรหรือเรือดำน้ำกัน ผมไปเบื้องนอกโน้นเพื่อพบว่าเราถูกห่อหุ้มไว้ด้วยห้วงความมืดที่ยิ่งใหญ่ ผมยังไม่ได้รู้อะไรมากกว่าหนูเท่าใด แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำแทนหนูและเพื่อนมนุษย์อื่นๆ ไม่อย่างนั้นมนุษย์เราจะติดอยู่กับความเชื่อที่ก้นถ้ำตลอดไป เช่นถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาว่าโลกกลม ก็ยังมีคนอีกมากที่ปักใจเชื่อตามๆกันว่าโลกแบน

แล้วข้อสรุปที่คุณค้นพบมากกว่าที่สามารถค้นพบบนโลกคืออะไรคะ?

อย่าเพิ่งเรียกว่าเป็นการค้นพบเลย เป็นข้อสังเกตเฉพาะตัวดีกว่านะ ตอนว่างจากภารกิจ ผมมักมองไกลไปสุดห้วงความมืดของจักรวาล แล้วถามตัวเองว่าผมมีตัวตนเพื่ออะไรกันแน่ ระหว่างการศึกษาจักรวาลข้างนอกโน้น กับการทำความรู้จักตนเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

แล้วคำตอบสำหรับคุณคืออะไรคะ?

คำตอบมันมากับเหตุการณ์สำคัญตอนกลับลงโลกนะ คอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด ส่งผมร่อนลงผิดจากที่หมาย และมีช่วงหนึ่งที่วิถีการดิ่งลงมันชันเสียจนผมรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่จะตาย…

แต่คุณก็ไม่ได้ตระหนกตกใจใช่ไหมคะ?

ผมถูกฝึกให้พร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และคิดเสียว่าชีวิตอุทิศให้กับงานแล้ว จะตายก็ไม่สำคัญกว่าได้ไปศึกษาเรื่องนอกโลกให้มนุษยชาติ แต่ชั่วขณะเข้าด้ายเข้าเข็มจริงๆ ผมก็ลืมอุดมการณ์ทั้งหมด นาทีที่นึกออกว่าความตายหน้าตาเป็นอย่างไร ผมได้คำตอบบางอย่างที่ชัดเจนมาก

คำตอบอะไรคะ?

สำหรับหนูและคนอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ โลกและจักรวาลดูเหมือนจะยังดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แต่สำหรับผม โลกทั้งใบจะหายไปพร้อมกับความตาย การมีชีวิตหนึ่งน่าจะได้อะไรมากกว่าการได้สืบทอดความรู้เรื่องโลกและจักรวาลให้คนรุ่นหลัง เพราะคนรุ่นหลังจะตายตามเรา รุ่นต่อรุ่น นั่นหมายความว่าโลกของคนทุกรุ่นก็จะหายไปเหมือนๆกันหมด… พอจะนึกออกไหม? ถ้าเราเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นไปทุกสิ่ง แต่กลับไม่รู้เรื่องชีวิตของตัวเองดีพอ ไม่รู้กระทั่งว่าความตายหมายถึงอะไร เราจะตายตาไม่หลับ เพราะที่สุดของการมีชีวิตจะเป็นความตายอย่างไม่รู้อะไรเลย เตรียมใจไม่ถูกเลย


รู้แบบออกอ่าว
คือมองข้างนอกฟังข้างนอก
รู้ให้ถึงแก่น
คือมองข้างในฟังข้างใน

ขอขอบพระคุณในธรรมะทานของ คุณดังตฤณ ค่ะ
//www.dungtrin.com









Create Date : 18 ธันวาคม 2551
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 16:55:00 น. 0 comments
Counter : 453 Pageviews.

diamon
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จ๊ะเอ๋
สวัสดีจ้า
Friends' blogs
[Add diamon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.