|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หัวใจแห่งการปฏิบัติสมาธิ (คำสั่งสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี)
หัวใจแห่งการปฏิบัติสมาธิ.. ประการแรก คือ ศีล ที่จะต้องปฏิบัติ เมื่อเจ้ารักษาศีลให้ได้ครบ ไม่ด่างพร้อย ไม่ทะลุ ไม่ขาดวิ่นแล้ว การกระทำสมาธิย่อมสำเร็จโดยเร็ว ศีลที่จะให้เจ้าปฏิบัติในขั้นแรกก็มีเพียง ๕ ประการเท่านั้น ถ้าเจ้าสามารถรักษาศีลทั้ง ๕ ให้บริสุทธิ์คงอยู่เสมอไป แล้วการทำสมาธิของเจ้าก็ไม่เป็นเรื่องยากเย็นอะไร ข้อสำคัญเจ้าจึงจำไว้ว่า การที่เจ้ารักษาศีลนั้น เจ้าจะมีวิธีกระทำการละเว้น ไม่ปฏิบัติในทางที่ผิดศีล และประพฤติปฏิบัติที่จะรักษาศีล ด้วยเหตุ๓ประการ เจ้าพึงกำหนดจดจำไว้ให้ดี
๑. เจตนาวิรัติ ได้แก่ การตั้งเจตนาที่จะละเว้นการกระทำอันเป็นการผิดศีลของตัวเจ้าเองโดยไม่ต้องไปกล่าวคำให้ผู้อื่นฟัง คือหมายความว่า โดยไม่ต้องมีการสมาทานศีลนั้น ให้เจ้าตั้งจิตเจตนาภายในของเจ้าอย่างมั่นคง เจ้าจะรักษาศีล๕นี้ไว้ให้บริสุทธิ์ อย่างน้อยก็พึงกระทำในสิ่งที่เพียรที่ได้ตั้งใจ หรือมิได้เจตนา
๒. สมาทานวิรัติ หมายความว่า การที่เจ้าจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ด้วยวิธีที่เจ้ากล่าวคำขอศีลจากพระภิกษุ เป็นต้น การขอศีลจากพระภิกษุนั้น เมื่อได้รับศีลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระภิกษุสงฆ์จะอนุโมทนาศีล และให้พรแก่เจ้า เจ้าจงรับทั้งศีลและพรนั้น มิใช่ตั้งใจรับแต่พร แต่ศีลนั้นปล่อยไป หาประโยชน์อันใดมิได้ เมื่อเจ้าสมาทานศีลนั้นแล้ว ก็พึงประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามสิ่งที่ได้กล่าวปฏิญาณว่าเจ้าจะรักษาศีลนั้นให้บริสุทธิ์
๓. สมุทเฉทวิรัติ คือ การละเว้นโดยสิ้นเชิง มิให้มีสิ่งใดเหลืออยู่อีก เป็นการกระทำขั้นสูงสุด พยายามที่จะกระทำจิตและกายวาจาให้บริสุทธิ์อย่างสูง
ศีลเป็นสิ่งที่รักษากาย วาจาให้เป็นปกติอยู่ อันเมื่อกายวาจาเป็นปกติแล้ว จิตย่อมเข้าสู่ความสงบเป็นปกติด้วย กิเลสที่พอกพูนอยู่ในดวงจิตก็ดี อาสวะ คือเครื่องดองอันดวงจิตได้ตกลงไปหมักอยู่ก็ดี ย่อมจะลดน้อยถอยลง และเสื่อมสูญไป ทำให้ดวงจิตผ่องใสปราศจากธุลีเศร้าหมอง เป็นจิตที่มีความรุ่งโรจน์ เป็นจิตที่มีการอบรมเนืองๆจากศีลนี้ การประพฤติปฏิบัติ ด้วยการตั้งจิตเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติในทางที่ผิดศีล ทั้ง๓ประการที่กล่าวนี้ หากเกิดแก่ผู้ใด ผู้นั้นย่อมจักได้สมความมุ่งมาดปรารถนา ดังที่มีคำอนุโมทนาและอวยพรว่า อิมานิ ปัญจ สิกขาปทานิ สีเลน สุคติง ยันติ สีเลน โภคสัมปทา สีเลน นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลีง วิโสธเย แปลว่า อันศีลทั้งหลายที่ยึดถือ และรักษาไว้นี้ ศีลย่อมจักรักษาผู้มีศีลให้มีความสุข ศีลย่อมจักอำนวยให้ผู้มีศีลประสบซึ่งความมั่งคั่งสมบูรณ์ ศีลย่อมจักทำให้ผู้มีศีลให้นำจิตเข้าสู่ที่อันสงบสุข คือนิพพาน ได้ดังนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ทำตนให้เป็นผู้มีศีลไว้เถิดดังนี้ เป็นต้น
ศีลย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะทำจิตให้เกิดสมาธิ ถ้าจิตปราศจากศีลแล้ว สมาธิจักไม่มีหวังจะเกิดได้แน่
ประการที่สอง นอกจากจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้วยังจะต้องประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ มีการแผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ได้กระทำมาแล้วด้วยดีไปให้แก่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้นทั้งหลาย ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็นสัตว์ที่มี ๒เท้า ๔เท้า มากเท้า หรือปราศจากเท้า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่ไปในน้ำ บนบก ไปในอากาศ หรือไปได้ทั้ง ๒ทาง ๓ทาง ดังนี้เป็นต้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใกล้เรา หรืออยู่ที่ไกล ไม่ว่าที่เราจะมองเห็นหรือมองไม่เห็นดังนี้ ควรจักแผ่ไปให้ทั่ว เรียกว่า เป็นอัปมัญญา หมายความว่า การแผ่ไปทั่วในหมู่สัตว์ไม่มีละเว้น
ด้วยเหตุนี้จึงจะถือได้ว่า การปฏิบัติในทางที่จะประพฤติซึ่งพรหมวิหารธรรมนั้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะกระทำดวงจิตให้เป็นสมาธิได้โดยแน่นอน เรื่องเพียงเท่าที่กล่าวมานี้ การกระทำสมาธิก็ไม่มีอุปสรรคอันใด........
คัดย่อ จากหนังสือ คำสั่งสอนอบรมของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)
Create Date : 04 สิงหาคม 2551 |
|
18 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 16:09:52 น. |
Counter : 2106 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: hs_olj 4 สิงหาคม 2551 18:04:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตั้งสติ 4 สิงหาคม 2551 18:51:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: นกหรรษา 4 สิงหาคม 2551 21:27:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 5 สิงหาคม 2551 8:17:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: pumpond 5 สิงหาคม 2551 13:35:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลาบปลา 6 สิงหาคม 2551 18:42:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 7 สิงหาคม 2551 8:28:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: bowkavi 3 กันยายน 2551 20:11:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: จากหอแต๋วแตก(แต๋วเองฮะ) IP: 113.53.209.63 6 ตุลาคม 2552 13:42:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ศีล สมาธิ ปัญญา ตามสเตป
ขอบคุณที่นำธรรมมาฝาก จ๊ะ