|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วันธรรมดาเพื่อชาตินี้ เสาร์อาทิตย์เพื่อชาติหน้า
วันอาทิตย์เข้าวัด บอกกับเพื่อนฝูงเสมอว่า วันธรรมดาทำมาหากินเพื่อชาตินี้ ส่วนเสาร์อาทิตย์เป็นวันทำมาหากินเพื่อชาติหน้า เพื่อนบางคนถามว่าทำมาหากินเพื่อชาติหน้าได้ด้วยหรือ ?
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทำทานเพื่อให้เกิดมามีสมบัติ รักษาศีลเพื่อป้องกันไปเกิดต่ำกว่ามนุษย์ และภาวนาเพื่อไปเกิดเป็นพระพรหม หรือไม่ก็นิพพานไปเลย
เพื่อนบอกว่าอย่าว่าแต่เข้าวัดเลย พระบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านทุกวันยังไม่เคยตื่นขึ้นมาใส่บาตร โอหนอ..ประมาทดีแท้
หลายปีก่อน ทักน้องคนหนึ่งที่ยกแบ้งค์ห้าร้อยขึ้นจบนานสองนานเพื่อร่วมทำบุญสร้างพระประธาน ถามว่า อธิษฐานอะไร น้องตอบง่ายๆ ว่าขอให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ไง ผมถามต่อว่าไปสวรรค์ชั้นไหนล่ะ น้องคนนั้นทำตาโต งง... ไม่รู้สิ สวรรค์มีหลายชั้นเหรอ แล้วห้าร้อยนี่มันไปชั้นไหนได้บ้างล่ะ
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เราไม่รู้ว่าต้องทำบุญเท่าไหร่แล้วจะได้ไปสวรรค์ชั้นไหน แต่ปัญหามันอยู่ที่เรากำลังทำตัวเป็นเรือลอยน้ำ ปล่อยให้น้ำพัดไปเรื่อย ไม่ได้คิดว่ามีฝั่งไหนให้ขึ้นบ้าง จะขึ้นฝั่งท่าไหนดี และไม่รู้ว่าเมื่ออยากขึ้นฝั่งจะต้องทำยังไง
บางคนเป็นลูกจ้างเขา ถ้าเป็นระดับบริหาร ทุกปีมีหน้าที่ต้องตั้งเป้าหมายและเขียนแผนดำเนินการของหน่วยงาน ฝ่ายขายก็ต้องมีเป้าหมายว่าปีนี้จะทำยอดขายเท่าไหร่ ด้วยกลยุทธอะไร ฝ่ายผลิตก็ต้องมีเป้าหมายว่าจะลดต้นทุนเท่าไหร่ ด้วยกลยุทธอะไร ผู้บริหารระดับบนก็ต้องมีเป้าหมายว่าปีนี้จะสร้างกำไรเท่าไหร่ ด้วยกลยุทธอะไร ส่วนบอร์ดบริหารก็ต้องมีเป้าหมายว่า 5 ปี 10 ปี เขาจะพาองค์กรไปทางไหน ด้วยกลยุทธอะไร แต่ลองถามดูว่าแล้วเป้าหมายชีวิตล่ะมีไหม ตั้งเป้ากันหรือเปล่าว่าอีกกี่ปีจะเลื่อนตำแหน่ง ตั้งเป้ากันไหมว่าอายุหกสิบจะมีอะไรบ้าง มีเป้าไหมว่าจะตายอายุเท่าไหร่ ตายแล้วไปไหน และจะไปนิพพานกันชาติไหน มีน้อยคนนักที่ผมถามแล้วเขาตอบได้ว่าเป้าหมายเขาคืออะไร แต่เกือบจะทั้งหมดทำหน้าเหรอหรา ถามว่าเรื่องแบบนี้ตั้งเป้ากันได้ด้วยหรือ
น้องคนนั้นย้อนถามผมว่าแล้วเป้าหมายผมมีอะไร ผมบอกเป้าหมายว่าชีวิตนี้ความดีต้องมาก่อน ต้องได้ทำความดี ได้ช่วยคน ได้สร้างพระ ได้สร้างวัด ได้ศึกษาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรมบ้าง ตายแล้วต้องจะไปเกิดเป็นเทวดา แวะไปเยี่ยมวิมานให้ชื่นใจว่าใหญ่ขึ้นสบายขึ้นแค่ไหน แล้วจะรีบมาเกิดอีก 3 รอบก่อนศาสนาจะอันตรธาน แล้วจะไปเกิดเป็นเทวดายาวๆ หลบช่วงที่มนุษย์อายุน้อยๆ เพราะตอนนั้นโลกนี้จะมีแต่คนชั่วมาเกิด ฯลฯ ผมย้ำว่า "ต้อง" ไม่ได้เพียงแค่ "อยาก" น้องฟังแล้วก็อ้าปากค้าง.. อู้วว...
จริงๆ ทุกคนเกิดมามีเป้าหมายทั้งนั้นว่าจะมาทำอะไร แต่พอเกิดมาแล้วกลับโดนสิ่งล่อตาล่อใจลากไปจนเสียความตั้งใจนั้นไป ความตั้งใจที่ว่านี้มันเป็นอนุสัย มันฝังอยู่ภายใน ลึกกว่าสันดาน ทุกคนมี และทุกคนก็รู้ตัวอยู่ลางๆ เพียงแต่ไม่พยายามต่อยอดมันเท่านั้น
วันหนึ่ง พระอาจารย์ถามว่าเข้าวัดทำบุญบ่อย หนังสือธรรมะก็อ่านเยอะแยะ ทำไมไม่บวช ผมตอบท่านไปว่าหน้าที่บวชเป็นของอาจารย์ ส่วนหน้าที่ผมคือเป็นฆราวาส อาจารย์ท่านก็มองหน้า ผมต้องขยายต่อว่า มีอะไรเยอะแยะที่อาจารย์ทำไม่ได้ อย่างเช่นแค่ตัดต้นไม้หรือถอนหญ้าอาจารย์ก็ทำไม่ได้แล้วเพราะอาบัติ แต่ผมทำได้ หน้าที่ใครหน้าที่มัน ที่ผมตอบไปนี้ก็เป็นการตอบตามอนุสัย
สรุปแล้วคนเราเกิดมา ควรรู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม มีอนุสัยอะไรติดตัวมา ค้นให้พบ แล้วพยายามทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจ นี่เป็นที่มาว่าวันธรรมดาหากินเพื่อชาตินี้ เสาร์อาทิตย์หากินเพื่อชาติหน้า เพราะคนเราเกิดมาเพื่อต่อบุญ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อใช้บุญให้หมดไป
และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปทำมาหากินเพื่อชาติหน้าตามปกติ
เห็นบาง blog ชอบโชว์รูปอาหาร วันนี้เลยเอารูปอาหารมาโชว์บ้าง อาทิตย์นี้มีข้าวหม้อแกงหม้อไปวัด ข้าวหม้อก็เหมือนทั่วๆ ไปคงไม่ต้องโชว์ แต่ไม่ได้ยกไปวัดทั้งหม้อ แต่ตักใส่กล่องไปใส่บาตร (มีบางคนยกเอาไปทั้งหม้อจริงๆ) ส่วนแกงยกไปทั้งหม้อเพราะไม่มีอะไรจะใส่ วันนี้เป็นต้มยำไก่สูตรชายหนุ่มที่ใส่สารพัดให้รสชาดออกป่าๆ มีทั้งไก่ เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอม มะเขือเทศ พริกแห้ง พริกสด ใบกระเพรา ใบผักชีฝรั่ง เรียกว่าเอามาใส่กันทั้งสวนเลยแล้วกัน แซ่บจัง..
อาหารน้ำๆ แบบนี้พระป่าท่านฉันยาก ถ้าตักใส่บาตรไปเลย อาหารในบาตรก็จะแฉะไปหมด ใครทำไปถวายวัดแล้วไม่เห็นพระท่านตักจะใจเสียว่าอุตส่าห์ตื่นแต่มืดแต่ดึก พระท่านไม่ได้ตักสักช้อนเดียว วิธีแก้ไขคือให้ตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆ ด้วยตอนประเคน พระท่านจะได้ยกถ้วยไปได้เลย ที่เหลือก็ใส่ชามใหญ่หรือยกถวายทั้งหม้อก็ได้ พระท่านไม่ตักหรอก แต่พราหมณีและญาติโยมคนกันเองตักครับ
ถวายอาหารนี่จะได้อานิสงส์แค่โภคทรัพย์ในชาติหน้า ไหนๆ ไปวัดทั้งทีต้องหาบุญอย่างอื่นทำด้วย ขึ้นไปไหว้พระประธานชั้นสอง มองดูองค์พระประธานสวยๆ จารึกเป็นพุทธานุสติลงในอนุสัย ไหว้บ่อยๆ ดูบ่อยๆ มันค่อยๆ ฝังลงไปเอง เมื่อถึงคราววาสนาบารมีพอดีจะสามารถนำพุทธานุสติมาเป็นบาทฐานการภาวนาได้ง่ายขึ้น บูชาพระพุทธรูปเสร็จก็เดินจงกรมต่อ ที่ประจำคือไม้กระดานแผ่นที่ ๔ ด้านซ้ายมือพระประธานถัดจากอาสนสงฆ์ ใครไปวัดป่ามณีกาญจน์วันอาทิตย์เจอผู้ชายเดินจงกรมที่ไม้กระดานแผ่นนี้ก็คือผมเอง เหตุที่เป็นด้านนี้เพราะจะได้หลบคนที่มาไหว้พระ ไม่เดินสวนกันให้เกะกะ และที่เลือกไม้กระดานแผ่นที่สี่เพราะไม้แผ่นนี้แคบหน่อย พอดีเท้า จะได้ไม่เดินเป๋ไปเป๋มา
บางคนไม่รู้ว่าเดินจงกรมเขาเดินกันยังไง บางวัดสอนให้เดินแบบช้าๆ อย่างวัดรำเปิงที่เชียงใหม่ ที่นั่นเขาเดินช้าๆ ค่อยๆ ยก ค่อยๆ ย่าง วัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญก็เดินช้าๆ เหมือนกัน ผมเคยลองดูแล้วไม่ถูกจริต มันช้า เกร็ง และบังคับกาย นั่งสมาธิส่วนใหญ่ติดเพ่ง ติดข่มบังคับจิต พอมาเดินจงกรมก็มาติดข่มบังคับกายอีก พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ ไม่ได้สอนให้บังคับ
การเดินจงกรมตามแนวของวัดป่า ให้เดินตามปกติ มือมุมอยู่ด้านหน้า ก้มหน้ามองพื้นชั่วระยะ ๓ ก้าวเดิน เดินด้วยความเร็วต่ำกว่าการเดินในชีวิตประจำวันนิดหนึ่ง และควรเดินให้ได้ ๒๕-๓๐ ก้าว ก่อนจะกลับตัว เหตุที่ต้องกลับตัว เพราะเมื่อเดินไปจิตมันจะเผลอ ไม่มีสติอยู่กับการเดินจงกรม แต่จิตมันลอยฟุ้งไปไหนต่อไหน จึงต้องกลับตัวเพื่อให้มีสติกลับมา บางคนเถียงว่าในชีวิตประจำวันไม่เคยขาดสติ รู้ตัวตลอด ผมก็เป็นอย่างนั้น ไม่งั้นจะเรียนหนังสือเก่งหรือ ว่าเข้าไปนั่น แต่พอมาเดินจงกรมแล้วรู้ตัวเลย เดินได้แค่ ๓ ก้าวจิตลอยอีกแล้ว บางทีแค่ก้าวแรกก็ลอยแล้ว เขาถึงว่าจิตมนุษย์นี้ไวนัก ตามกันไม่ทัน เดินจงกรมครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วสมัยก่อนต้องต่อด้วยนั่งสมาธิ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้นั่งเพราะปวดหลัง อาจารย์ท่านว่าก็เป็นแบบนี้แหละ ข้ออ้างมันมีเยอะ เดินจงกรมก็ปวดขา นั่งสมาธิก็ปวดหลัง ข้ออ้างของคนขี้เกียจ การเดินจงกรมนี้ทำให้มีสติ และทำให้เกิดปัญญารู้เท่าทันสภาวะ แม้วันนี้จะยังไม่เกิดผลแบบนั้น แต่ก็เป็นการสร้างนิสัยฝังลึกลงไปเป็นอนุสัยเหมือนกัน เรียกว่าทำเพื่อชาติหน้าทั้งนั้น
เสร็จแล้วก็ช่วยเก็ยถ้วยจานชาม ขนขึ้นรถไปส่งให้โรงครัว มีขาประจำช่วยกันทำอยู่หลายคน ทำกันเหมือนเป็นเด็กวัด งานแบบนี้เป็นงานดัดนิสัย อยู่นอกวัดไม่เคยสร้างจาน แต่อยู่ในวัดกลับต้องมากวาดเศษอาหาร เก็บจานเก็บชาม ขนขยะไปทิ้ง อยู่นอกวัดเคยแต่ใช้เขา แต่อยู่ในวัดต้องออกแรงยกเข่งใบโตๆ ประโยชน์ที่ได้นอกจากจะเป็นการสร้างบุญโดยการขวนขวายในการงานที่ควรแล้ว ยังช่วยขัดเกลาให้รู้จักเสียสละ ปล่อยวาง และให้มีอุเบกขา
ญาติโยมคนอื่นๆ กลับบ้านไปกันหมดแล้ว บางครั้งก็เข้าไปสนทนากับพระภิกษุ พระพุทธองค์ตรัสว่าการเข้าหาผู้ทรงศีลทำให้เกิดปัญญา แต่เข้าหาบ่อยๆ ก็หมดเรื่องคุยเหมือนกัน จึงต้องไปหาหนังสือธรรมะมาอ่าน เป็นการทำบุญที่อยู่ในข่ายของการฟังธรรม เพียงแต่ไม่ได้ฟัง แต่ใช้อ่านเอา วันนี้เลือกหนังสือมาอ่าน ๒ เล่ม พระอาจารย์ท่านเดินเอา CD หลวงปู่เหรียญมาให้ ๓๐ แผ่น บอกว่าเป็นเรื่องบารมี ๓๐ ทัศ จะเป็น CD หรือหนังสือ ท่านมักจะหยิบมาให้เยอะๆ แบบนี้เสมอ บอกว่าเอาไปแจกผู้ติดตาม แล้วท่านก็ถามยิ้มๆ ว่า "ได้กี่ทัศแล้ว" ไม่ได้ตอบท่านครับ แต่ในใจคิดว่าคงได้ ๒๐ แล้ว กำลังตั้งใจสร้างอีก ๑๐
ออกจากวัด ๑๑ โมงเช้า บางคนคิดว่าถ้าใส่บาตรหน้าบ้าน แค่คอยพระแค่ ๑๐ นาทีก็เรียบร้อย แถมไม่เหนื่อยด้วย จะต้องเข้าวัดให้เหนื่อยทำ และยังเสียเวลามากอีกด้วย แต่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลยที่ได้มาง่ายๆ ลงทุนร้อยจะให้ได้ผลตอบแทนเหมือนลงทุนล้านย่อมเป็นไปไม่ได้ อยากรวยมากก็ต้องทำงานหนัก อยากได้บุญมากก็ต้องทำงานให้หนักเหมือนกัน
วันนี้ เพื่อนคนที่ไม่เคยใส่บาตรเลยเริ่มใส่บาตรตอนเช้า เริ่มเข้าวัดไปถวายสังฆทาน บอกว่าต้องเริ่มทำไว้ชาติหน้าบ้างเหมือนกัน อายุ ๕๐ กว่าแล้วเพิ่งจะเริ่มทำถือว่าไม่สาย แต่ถ้าไม่ยอมทำ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สายเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะได้เข้าวัดเพราะมีคนหามไปหรือเปล่า
Create Date : 13 ธันวาคม 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 13 ธันวาคม 2553 12:22:50 น. |
Counter : 2238 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Aorn_N 10 มีนาคม 2554 11:45:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
บางครั้ง เธอเข้าใจไหม ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้ เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...
[เพลงจาก http://www.fileden.com]
[ stat since Sep24, 2009 ]
|
|
|
|
|
|
|
ฝากไว้ก่อนนะคะ ... เราเข้าบล็อกไม่ได้