Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
อัมพวา โอ้ลั่น ล้า ชอบจัง

......เฮ้อเหนื่อยจัง สำหรับ long weeked นี้ หยุดเสาร์ อาทิตย์สองวัน รวมลาพักร้อนวันนี้ (วันจันทร์) เป็นสาม
วัน แต่ในความเหนื่อยก็มีความสุขมากๆ เพราะหลังจากวันเสาร์ที่ไปงาน T-shirt festival มาวันอาทิตย์ ก็คือ
เมื่อวานก็ไปเที่ยวอัมพวามา ชวนเพื่อนสาวอีกสองคนไปด้วย
เริ่มต้นกันที่เสาวรีย์ นั่งรถตู้ไปลงแม่กลอง แล้วต่อสองแถวหน้าธนาคารนครหลวงไทยอีกประมาณ 5 กิโลฯ
ไปลงที่ข้างนครหลวงไทยที่ อ.อัมพวา (ไม่เข้าใจเหมือนกันไม อำเภอนี้ธนาคารยี่นี้เยอะจัง) ป้ายแรกที่สะดุด ก็คือ
ป้ายนี้ตรงมุมถนน


จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆเข้าตลาดตอนที่ไปถึงประมาณ บ่ายสอง แดดยังร้อนร้านรวงยังไม่เยอะ เดินขึ้นสะพานแล้ว
ก็เจอกับ คุณแอ๊ด คาราบาว (อยากเรียกลุง เพราะเค้าแก่กว่าพ่อเรา หุหุ) ก็ขอแชะรูปเค้าไปเป็นที่ระทึก


เดินไปก็เริ่มหิวน้ำ แวะซื้อน้ำผัก&ผลไม้ที่ร้าน น้ำพั้นซ์ดาหลา เราลองน้ำตะลิงปิง เหอะๆเค้าบอกว่ารสชาติมันก็
เหมือนน้ำมะนาวนั่นแหละ ขอบอกว่ารสชาติดีดื่มแล้วสดชื่นหายร้อน หน้าตาของ ลูกตะลิงปิง เป็นแบบนี้



จากนั้นก็เดินไปผ่านตลาดเข้าไปในวัด แล้วก็เดินเลยไปที่ อุทยาน ร.2 จ่ายค่าบัตรผ่านคนละยี่สิบผ่าน คุ้มสุดๆ


ภายในก็มีบ้านเรือนไทยสวยมากๆ ร่มรื่นสุดๆ เดินขึ้นเรือนแล้วรู้สึกดีมากๆเพราะเป็นไม้สักทอง(น่าจะใช่นะ)
แล้วพื้นมันจะเย็นๆเท้า ชอบ




ข้างบนก็มีห้องที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ของ ร.2 ที่ห้ามถ่ายภาพเราก็เคารพกฎ เก็บบรรยากาศภายนอก ชิวๆ




จากนั้นก็เดินเรื่อยๆ ไปถึงท่าน้ำ เจอต้นไทรใหญ่มากกกก

เดินกันถึงประมาณสี่โมง ก็เริ่มหมดแรง แล้วก็หิวน้ำมากๆ กลับมาซื้อน้ำร้านเดิม แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็น น้ำเสาวรส
ผสมแครอท รสดีทีเดียว นั่งพักเหนื่อยกันที่ร้านย่าย้า เป็นร้านกาแฟ และขายของที่ระลึก, โปสการ์ด แอ๊บเนียนนั่งดูนั่นดูนี่แต่ไม่ยอมซื้อซะที(พักเหนื่อย หุหุ) พี่ผู้ชายเจ้าของร้านก็เลยเดินเข้ามาคุย เสนอตัวถ่ายรูปหมู่ให้เรา รู้สึก
ขอบคุณพี่เค้ามาก เพราะลืมไปเลยเพราผลัดกันถ่ายตลอดรูปถ่ายด้วยกันสามคน




พอถ่ายรูปเสร็จเค้าก็ชวนคุย เล่าความป็นมาของร้านเค้า เราก็แบบตอนนั้นทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ก็เลยไม่ค่อยได้ฟังเค้า
พอเราทำท่าจะลุกเพราะเริ่มรู้สึกเกร็งใจเค้า เพราะไม่ซื้ออะไร เค้าก็อัธยาศัยดีมากบอกนั่งได้ตามสบาย ไม่ต้อง
เกรงใจ ก็เลยลองสั่งกาแฟมาชิม ปรากฎว่าอร่อยมาก คุ้มสุดๆกะราคา 15 บาท แบบว่าไม่เคยกินกาแฟ
โบราณที่อร่อยขนาดนี้เลย ช่วยโปรโมทร้านเป็นการขอบคุณแล้วกันนะคะพี่เจ้าของร้าน (ไม่ร้ว่าชื่ออะไร)

เดินออกมาที่เชิงสะพาน ก็มีคนชวนให้นั่งเรือดูหิ่งห้อย ครือด้วยความที่เรามารถประจำทาง ตั้งใจจะไม่อยู่กันดึก
ยังไงก็ต้องทันรถตู้ไปเสาวรีย์เที่ยวสุดท้าย แต่คนขายทัวร์เค้าก็อธิบายใหญ่เลย ว่าถ้าเราตกรถตู้เราก้มีวิธีเข้า กทม.
ทางอื่น คือออกไปที่ถนนใหญ่โบกรถที่มาจากใต้ ไปลงที่สถานีขนส่งสายใต้ เรากับเพื่อนก็เลยโอเค เพราะไหนๆก็
มาแล้ว ซื้อตั๋วไปคนละ 60 บาทขึ้นเรือรอบแรก 6.40 น.

ตอนนี้คนเยอะมากๆ เรือขายอาหหารก็เริ่มเยอะ แต่จะชุมที่สุดคือตรงเชิงสะพาน ด้วยความที่ยังไม่หิวก็เลยขอเดิน
กันก่อนเดินไปก็เห็นร้านรวงขายของ Hand made แนวๆมากมาย คนก็เดินเบี่ยดกันเพราะถนนแคบ เดินแวะ
ร้านนั้นร้านนี้ แต่ไม่ซื้ออะไร เพราะขี้เกียจถือ กะมาหาของกินกันอย่างเดียว






เดินไปเรื่อยจนสุดท้างเดินท่บ้านชมวิว เห็นคนมองบนท้องฟ้ากันเราก็มองบ้าง ปรากฎว่าวันนี้เกิดปรากฎการ
ธรรมชาติ มีแสงสีรุ้งโผล่ออกมาจากกลีบเมฆ แต่ไม่ใช่รุ้งกินน้ำนะ เป็นริ้วๆสวยมาก

จากนั้นก็เดินกลับทางเดิม เริ่มหิวกันแระ แวะเข้าร้านนึงสวย น่านั่งเพราะไม่ติดกะทางเดิน กะจะกินก๋วยจั๊บกันแต่
เค้าไม่มี ก็เลยนั่งกินลอดช่องกันเย็นๆ รองท้อง


เดินมาเรื่อยๆไม่มีร้านไหนว่าง หิวๆๆๆๆ เจอแล้วๆๆๆ ร้านนี้

มีโต๊ะว่างสองโต๊ะ รีบติดเกียร์หมาฝ่าผู้คนเข้าไป จองโต๊ะ แต่ด้วยความที่ร้านเป็นแบบร้านนม ขายเฉพาะของ
หวานและเครื่องดื่ม ก็เลยสั่งของเค้ามาสองสามอย่าง แล้วก็วื้ออาหารที่เรือมานั่งกิน ตอนนั้นฝนเริ่มตั้งเค้าแล้วก็เท
ลงมาอย่างหนัก เรากะเพื่อนก็ออกไปซื้อ หมึกย่าง ส้มตำ ผัดไทย ก๋วยจั๊บมานั่งโซ้ย โดยไม่เกรงใจเจ้าของร้าน (แต่
ส่วนใหญ่เค้าก็ทำกันอย่างนั้น)

หลังจากหลังท้องตึง มีแรงกันแระ ก็ถึงเวลาไปดูหิ้งห้อย ฝนก็หยุดพอดี เจ้าของเรือเค้าก็บอก บรรยากาศแบบนี้
แหละหิ้งห้อยเยอะ เพราะมันชอบอกากาศเย็นมันก็จะออกมาให้เราเห็นเยอะ ระหว่างที่นั่งเรือก็จะเห็นสองข้างทาง
เป็น Home Stay น่าอยู่มั่กๆ คุยกะเพื่อว่าคราวหน้าต้องมาค้างให้ได้







พอถึงจุดดูหิ่งห้อย คนขับเรือพาไปดูหลายจุดมากๆ หิ้งห้อยเยอะสุด รู้สึกแบบอิ่มเอ็มกะบรรยากาศมากๆ นั่งเรือ
หัวค่ำ ลมเย็นมีหิ้งห้อยออกมากะพริบแสงให้ดูเหมือน แสงไฟจากต้นคริสมาสต์ ใครที่ไปแล้วบอกไม่เห็นหิ้งห้อย
เพราะคุณไปไม่ถูกฤดู ช่วงหน้าฝนนี้เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด

กลับจากดูหิ้งห้อยก็ราวๆสองทุ่ม คิดว่ายังไงก็ไปขึ้นรถตู้ไม่ทัน เลยเดินเล่นซื้อของฝากกัน

สุดท้าย ท้ายสุดขาดไม่ได้เขียนโปสการ์ดกันหน่อยเด๋วเค้าจะว่ามาไม่ถึงอัมพวา กลับบ้านด้วยความสุขแม้จะตกรถ
และเหนื่อยมากๆๆ ^_^



Create Date : 02 มิถุนายน 2551
Last Update : 8 มิถุนายน 2551 17:19:57 น. 2 comments
Counter : 499 Pageviews.

 
น่าเที่ยวจังอยากไปแถวนี้ม่างจังเลย แต่ไม่รู้จะไปยังไงอ่ะ


โดย: เสียงซึง วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:0:01:17 น.  

 
เริ่ดค่ะ สวยทั้งคน สวยทั้งภาพเลยนะ



โดย: ไอรีนแฟนพี่ยุทธจ้า IP: 203.144.139.230 วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:8:36:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pittsburgh
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำอย่างที่อยากทำ

ThIs'S mY WaY

.

To love is to risk not being loved in return. To hope is to risk pain. To try is to risk failure, but risk must be taken, because the greatest hazard in life is to risk nothing.

 
Friends' blogs
[Add pittsburgh's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.