: : อมก๋อยที่ไม่มี 'อะไร' : :
ปกติเวลาเราบอกใครว่าไปอมก๋อย เป็นที่ทราบกันว่าไปทำงาน รู้กันเลยว่าเราจะหายไปในป่าในดอยไกลโพ้นโ่น่น อีกหลายวันกว่าจะลงพื้นราบและกลับเมืองกรุง มาคราวนี้พอบอกเพื่อนว่า สุดสัปดาห์นี้ (21-23 ม.ค. 53) มีธุระที่ต้องทำในเวียงพิงค์ เสร็จแล้วจะขึ้นไปอมก๋อย ... เพื่อนก็มองหน้า ถามว่าไปทำงานต่ออีกเหรอ เราก็ว่า ...เปล๊า... ไปคืนเดียวเองอมก๋อย จะไปทำงานอะไรได้ เพื่อนเลยยิ่งทำหน้างงแล้วว่า ...แล้วไปทำไม ไม่เห็นมีอะไรที่อมก๋อย ...
อ้าวๆๆๆ... ก็นี่แหละคือประเด็น เราทำธุระเสร็จเช้าวันศุกร์ บ่ายๆ ก็ว่าง ไหนๆ ก็อุตส่าห์เดินทางไกลขึ้นเหนือทั้งที เสร็จธุระแล้วก็กลับเลยนี่ไม่คุ้มค่าเครื่องบินเลยพับผ่า ... แล้วที่ว่า "อมก๋อยไม่มีอะไร" เนี่ย มันเป็นเรื่องของนานาจิตตังจริงๆ นา ทัศนคติที่ว่าบ้านไหนเมืองไหน 'มี' หรือ 'ไม่มี' อะไรเนี่ย มันขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของแต่ละคนว่า คุณต้องการอะไรจากการเดินทาง ... อย่างเราเอง มีเหตุผลตั้งหลายอย่างที่ต้องการจะไปอมก๋อย... เมืองที่แสนจะ 'ไม่มีอะไร' นี่แหละ ... ทำมั้ย ทำไมถึงว่า 'ไม่มีอะไร' :
1. ต้องการพาคนข้างๆ ไปดูแบบบ้านที่เราชอบ และแอบคิดจะลอกแบบไปปลูกบ้านแบบนี้บ้าง 2. ต้องการไปถ่ายรูป ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ป่า แม่น้ำแม่ตื่น (ในอสท. เล่มเดือนธ.ค. 52 เขียนไว้ว่า แม่น้ำที่ผ่านอมก๋อยรีสอร์ท ชื่อแม่น้ำแม่แจ่ม...ผิดนะคะ ต้อง "แม่ตื่น" จ้า) รวมทั้งสายหมอก ยอดดอย ทุ่งหญ้าและสารพัดสิ่งที่เป็นธรรมชาติรอบๆ อมก๋อย โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา (ตอนไปทำงาน จะแวะถ่ายรูปโน่นนี่ก็เกรงใจเพื่อนร่วมงาน ...อยากมีเวลาเล็งเลนส์แบบชิลล์ ชิลล์บ้างง่ะ..) 3. ต้องการไปเยี่ยม "เจเจ" และ "ครัวซองต์" สองแล็บ (ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์) ผู้น่ารักแห่งอมก๋อยรีสอร์ท 4. ต้องการไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่ง ...ในหุบเขากลางป่ากลางดอย ...ชอบๆๆ ชอบมานานแล้ว ไปทีไรก็ชอบทุกที
: : MY OMKOI MEMORY : :
...เมื่อพูดถึงอมก๋อย เราน่าจะนึกถึงอะไร...
...สีเขียว..ของใบไม้... ...สีทราย..ของดินริมน้ำ... ...สีน้ำตาลอ่อน..ของเจเจและครัวซองต์... ...สีเหลืองนวล..ของลำไม้ไผ่... ...สีชมพูหวานใส ..ของกุหลาบริมทาง... ...สีเทาจางบางเบา..ของสายหมอกยามเช้า... ...สีฟ้าแจ่มแจ๋ว..ของท้องฟ้าสดใส... ...และสีอื่นๆ อีกมากมาย...ในทุ่งหญ้า ป่าเขา และเงาไม้...
...ชวนมาชมว่า อมก๋อย...น่าจะมี 'อะไร' ให้ไปชมไปชิลล์กันบ้าง ...
..ริมน้ำแม่ตื่น ภายในอมก๋อยรีสอร์ท แสงแดดยามเย็นพาดผ่านแนวไม้..ดูเย็นตาเย็นใจ.. ..เราชอบเดินเล่นริมแม่น้ำ ฟังเสียงธารน้ำไหล..ไพเราะอย่างที่ไม่มีโอกาสได้ยินในกรุงเทพฯ .. .. เสียงน้ำพุน้ำตกในเมืองหรูหราแค่ไหนก็เทียบไม่ติดเลยจริงๆ ..
บริเวณลานเอนกประสงค์ริมน้ำในอมก๋อยรีสอร์ท ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่น้อย ดอกเหลืองๆ นั่นรู้สึกว่าจะเป็น "ขี้เหล็กฝรั่ง" (เพื่อนบอก..จริงเท็จบ่ฮู้เจ้า) กินข้าว นั่งเล่น ดูทีวี นั่งทำงาน เล่นอินเตอร์เน็ต นั่งผิงรอบกองไฟ เล่นกับสองแล็บ ก็ละแวกนี้ละ ..รื่นรมย์..สบายใจ..ชีวิตดีลักส์สุดๆ..
...จากลานริมน้ำ มองไปฝั่งตรงข้าม เป็นบ้านพักหลังกะทัดรัด เรียงรายกันอยู่ริมน้ำเหมือนกัน...
...สมาชิกเจ้าประจำที่ชอบมานั่งผิงไฟยามเช้าๆ และค่ำๆ ...
...สะพานแขวนไม้ไผ่ข้ามลำน้ำแม่ตื่น ... ตอนเดิน สะพานแกว่งไปแกว่งมาเอี้ยดอ๊าดดี...
...บ้านวังธาร..หลังนี้แหละที่เราแอบหลงรัก...
...รูปทรงบ้านเป็นแบบกระท่อมปีกไม้ เพดานสูง อยู่สบายและอบอุ่นมากๆ ...
...มุมสบายนอกบ้าน เป็นลานข้างบ้านมีโต๊ะเก้าอี้ไม้สนไว้นั่งเล่น.. ..เราชอบมานั่งทำงานตรงนี้ รอบๆ ตัวมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า เบื้องล่างก็เป็นแม่น้ำ ..ลมพัดเย็นสบาย เน็ตก็เร็วปรื๊ดๆ โอ้ว..อะไรจะสุโขสโมสรขนาดนี้...
...ภายในบ้านวังธารตกแต่งแบบล็อกเฮาส์ของฝรั่งเลย มีเตาผิง...แต่เราไม่เคยจุดสักที...
...ห้องนอนบนชั้นสอง มีสองเตียงกับหนึ่งฟูก ห้องน้ำในตัว นอนฟังเสียงน้ำไหลจนหลับไปไม่อยากตื่น...
.....
แต่คิดดูอีกที ที่ใครๆ ก็ว่าอมก๋อยไม่เห็นมีอะไรก็ดีไปอย่าง นั่นคือ อมก๋อยก็จะได้คงความเป็น 'อมก๋อย' อย่างนี้ไปอีกนานๆ ไม่ต้องถูกรุกรานด้วยผับ บาร์ ร้านค้าที่ว่าสุด 'ฮิป' รวมทั้งวัฒนธรรมแปลกๆ จากต่างถิ่น ที่จะทำให้เมืองอมก๋อยไม่เหลือความเป็น 'อมก๋อย' อย่างนี้ .....
: : บันทึกวันพฤหัสบดี : : .. ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ๐๗.๕๐ น. ..
จขบ. จะต้องขึ้นไปทำธุระ ณ เมืองหมิงหมิงสามวัน จะขี่กำปั่นเหาะห้าโมงเย็นนี้ ไปนอนในเวียงคืนนึง วันศุกร์ก็จะขึ้นไปอมก๋อยแบบไม่มีงานจี้บั้นท้ายละคราวนี้ ... ฮ่าๆๆ.. เดี๋ยวจะเข้ามาเขียนบันทึกต่อท้ายจนกว่าวันอาทิตย์ปู๊นนะคะ...
..สุขสันต์วันสีส้มค่ะ..
: : บันทึกยามวิกาลวันสีส้ม : : .. ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ๒๑.๒๓ น. ..
มาถึงเจียงใหม่เมื่อค่ำๆ นี้เองค่ะ วันนี้อากาศดูแปลกๆ มาก ตอนออกจากกรุงเทพฯ ก็ได้เห็นหมอกสีขาวๆ เทาๆ ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าเมืองกรุงเลย ไม่รู้ว่าเป็นหมอกหรือว่าควันพิษจากมลภาวะ ... พอเครื่องใกล้ถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็ได้เห็นว่าเหนือนครพิงค์นี่ก็มีหมอกหนาทึบเช่นเดียวกัน ... สงสัยว่าจะมีอากาศร้อนกับอากาศเย็นมาเจอะเจอกันเหนือฟ้าเมืองไทยเป็นแน่แท้ ... แต่ที่แน่ๆ คือ อากาศไม่หนาวเลยค่ะ แค่พอเย็นๆ สบายๆ ... พรุ่งนี้เช้า เราจะไปทำธุระแถวๆ ชานเมืองเชียงใหม่ น่าจะเสร็จเรียบร้อยก่อนเที่ยง จะได้รีบลงไปอมก๋อย ... ต้องใช้คำว่า "ลง" เพราะว่าอมก๋อยนี่เป็นอำเภอที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองเชียงใหม่ ต้องนั่งรถไปตั้งสามชั่วโมง เพราะอยู่ใกล้ๆ กับจังหวัดตากโน่นแน่ะ... โดยปกติเวลาเรามาทำงานที่อมก๋อยกับสำนักงาน เรามารถ นั่งรถกันเป็นวันๆ เลย แล้วเราไม่ได้ขึ้นมาถึงเมืองเชียงใหม่ แต่พอเลยตากมาหน่อย รถจะแยกเข้าเส้นทางสายเลียบภูเขาสูงๆ แถวๆ อ.เถิน จ.ลำปาง ไปทาง อ. ลี้ จ. ลำพูน ทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขาเอามากๆ ครั้งล่าสุดที่มาเมื่อเดือนธันวาคมนี่เราเกือบหน้าเขียวเป็นลมเพราะเมารถ... อ้อ.. ที่เรามาตามป่าตามดอยนี่ ไม่ใช่คณะที่มาแจกผ้าห่มกันหนาวนะคะ ... ฮ่าๆๆ เราไม่ใช่พวกที่มาแจกของแล้วถ่ายรูปไปลง นสพ. หรือทำข่าวพีอาร์ อะไรทำนองนั้น งานของเราเป็นภารกิจการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยภูเขาที่อยู่ในที่สูงอย่างที่เรียกว่า "คนชายขอบ" คือด้อยโอกาสในการรับการบริการจากทางภาครัฐ เป็นงานพัฒนาอย่างครบทั้งกระบวนการ ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์ เด็กแรกเกิด เด็กวัยเตาะแตะ การศึกษาปฐมวัย ไปจนถึงเรียนจบและฝึกอาชีพโน่นเลย... เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปถึงอมก๋อยแล้วหวังว่าคงจะได้มีโอกาสเก็บภาพมุมต่างๆ ในเมืองเล็กแห่งนี้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาอย่างเวลาที่มาทำงาน ... แม้ว่าจะมีเวลาอยู่แค่วันเดียวก็เถอะ แล้วก็คงไม่มีโอกาสไป "ดอยม่อนจอง" ด้วยละ ... ไม่เป็นไร ได้แค่ไหนก็แค่นั้นละกันเนอะ.. ..สุขสันต์ค่ำคืนวันสีส้มสดใสค่ะ..
: : บันทึกวันสีม่วง : : .. ๒๓ มกราคม ๒๕๕๓ ๑๘.๑๕ น. ..
ตอนนี้เรามาอยู่สนามบินเชียงใหม่แล้วค่ะ กำลังนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง คือ ประมาณทุ่มสิบห้านาที ยังไม่ค่อยเห็นใครมารอสักเท่าไหร่เลย แต่เราชอบมาเนิ่นๆ อย่างนี้ละ ติดนิสัยกลัวรถติดมาจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่จะไม่ค่อยมีรถติดอย่างเมืองหลวง แต่จราจรก็แออัดไม่เบา ... ตะกี้ก่อนมาสนามบิน เราแวะไปตลาดสุเทพ หรือตลาดต้นพยอม ไม่ได้ช็อปอะไรมากมาย ได้สตรอเบอรี่มาโลนึงให้ลูกสาว อ้อ... ซื้อน้ำพริกหนุ่ม ผักต้ม กับปลาทอดของเรา ไก่ทอดของคนข้างๆ มาหน่อยนึง เอามานั่งกินในรถก่อนถึงสนามบิน ... เป็นอันจบทริปมาธุระกับถ่ายรูปต้นไม่ใบหญ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็คงประมาณสองทุ่มกว่า เราเอารถมาจอดทิ้งไว้ที่สนามบินตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตอนเย็น ก็เลยจะไม่ต้องเรียกรถแท็กซี่ให้เสียวไส้ ... เราน่ะไม่กล้าขึ้นแท็กซี่อีกเลยตั้งแต่ได้รู้เรื่องเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศสองคน ขึ้นแท็กซี่แล้วเจอกิล่นคล้ายยาสลบพ่นออกมาจากช่องแอร์ โชคดีที่เธอทั้งสองรีบเปิดประตูลงจากรถได้ทันการ ... ยุคสมัยนี้ ดูเหมือนว่ามีคนคิดไม่ดีที่จ้องแต่จะทำในสิ่งที่แย่ๆ เยอะกว่าเดิม ... ไม่ได้อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่เราก็ต้องระวังตัวไว้หน่อยก็ดีเนอะ ... ..เดี๋ยวกลับไปกรุงเทพฯ คงจะได้ค่อยๆ เอารูปมาลง มีรูป "นางพญาเสือโคร่ง" หรือซากุระเมืองไทยเสียด้วย ... มาคราวนี้คุ้มมากๆ เราได้มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติออบหลวงเป็นครั้งแรก ได้เห็นซากุระเป็นครั้งแรก ได้พักบ้านสวย "กาสะลอง" ในอมก๋อยรีสอร์ทเป็นครั้งแรก ได้มาทำธุระเรื่องต้นหมากรากไม้ในเมืองเชียงใหม่ ได้รู้จักต้นไม้ทรงสวยที่คนเมืองชอบกันคือต้น "ผักเฮียก" เป็นครั้งแรก ... เสียอย่างเดียวคือไม่มีโอกาสได้ไปดอยม่อนจอง ซึ่งคงต้องหลบไปฟิตซ้อมร่างกายอีกซักพักเพราะต้องเดินตั้งห้ากิโล (ขึ้นเขาซะด้วย)... ...See You in Bangkok Jao...
: : บันทึกวันสีแดง : : .. ๒๔ มกราคม ๒๕๕๓ ๑๑.๐๕ น. ..
เรากลับมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อคืนด้วยความสวัสดิภาพ เครื่องมาถึงช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย แต่รอกระเป๋านานเป็นชั่วโมง ... ไฟลท์ที่เรามานี่คนเยอะมากๆ เพราะเขาใช้เครื่องจัมโบ้ คนเกือบเต็มลำเลยละ ... วันนี้วันอาทิตย์ ตื่นเช้าขึ้นมารู้สึกมึนๆ หัว อ่อนเพลียและไม่ค่อยสดชื่นเลย คงเป็นเพราะกลับมาจากที่อากาศบริสุทธิ์ กลับมาเจอดินแดนแห่งควันพิษก็เลยน็อค ... แถมยังปะปนกับการปวดกล้ามเนื้อน่อง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินไปไหนมากมาย เดาเอาว่านั่งรถนานกระมัง ... อย่างนี้ละ เรื่องของสังขาร ถ้าไม่ค่อยได้ออกกำลังก็ปวดนู่นปวดนี่อยู่เรื่อย ... เราสังเกตตัวเองหลายครั้งแล้วละ เวลากลับมาจากทริป ตจว. จะมีอาการมึนแผ่นดินอย่างนี้ โดยเฉพาะเวลาลงมาจากดอยสูงๆ ถ้าเป็นการไปต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนเวลาเนี่ยไม่ต้องพูดถึง เราต้องใช้เวลาในการปรับร่างกายปรับเวลานานมาก ปวดหัวเป็นอาทิตย์ ... ถึงได้เฉยๆ ไม่ค่อยอยากไปไหน ไม่อยากเดินทางไกล ยกเว้นมีของมาล่อเป็นวิวสวยๆ ธรรมชาติงามๆ ให้ถ่ายรูป อันนี้ก็ต้องยอมเหนื่อยกันหน่อย ... เอาเป็นว่าวันนี้ขอนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านไปก่อน เมื่อหายมึนก็คงได้มีสติสตังทำรูปและเล่าเรื่องในบล็อกใหม่นะคะ.. ..... ..สุขสันต์วันสีแดงสดใสซาบซ่าค่ะ..
: : บันทึกวันสีเหลือง : : .. ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ ๐๙.๒๕ น. ..
ได้นอนพักเต็มที่หนึ่งคืน ทำให้อาการปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้และปวดเมื่อยตามร่างกายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ... ทำอย่างที่น้องหมาน้อยฟงแตนโบลว่าคือดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ พักมากๆ นี่ละเวิร์คสุดๆ ไม่ต้องกินยาซักเม็ดเดียว ... เดี๋ยวขอไปโม่งานก่อน เย็นนี้กลับไปจะเลือกรูปจากทริปสุดสัปดาห์มาลงให้ชมกัน ที่เราชอบทีสุดคือซากุระอมก๋อย แปลกตาตื่นใจมากไม่เคยเห็นดอกไม้นี้ใกล้ๆ มาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมาจนใกล้ลงโลงเนี่ย... (เคยเห็นแต่ เชอรี่บลอสซัม ซึ่งคล้ายๆ ซากุระเหมือนกัน ที่อังกฤษโน่น... ตอนนั้นเรายังถ่ายรูปมาโครไม่เป็น ถ่ายแบบเรื่อยเปื่อย เห็นรวมๆ ไกลๆ เลยไม่สวยไม่งามอะไร..) ... ..สุขสันต์วันทำงานแรกของสัปดาห์ค่ะ..
Create Date : 21 มกราคม 2553 |
Last Update : 25 มกราคม 2553 9:32:58 น. |
|
32 comments
|
Counter : 4814 Pageviews. |
|
|
ไปยังไงค่ะ รบกวนหน่อย
ขอบคุณค่ะ