มาเล่ากันต่อครับ ครั้งนี้ยังอยู่กันที่เมืองกาญจน์เช่นเคย หลังจากเที่ยวอำเภอไทรโยคไปแล้ว ขับรถต่อไปอีกตามทางหลวงที่ 323 หรือถนนแสงชูโตราว 1 ชั่วโมงเศษก็เข้าสู่อำเภอทองผาภูมิ ผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ์ ขับเลาะเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติสวยๆ สองข้างทาง ยิ่งถ้าใครมาช่วงหน้าแล้ง ริมถนนจะเต็มไปด้วยต้นหางนกยูงที่ออกดอกสีแดงสีสันสดใส ดูรื่นรมย์ยิ่งขึ้น

วันนี้เรามีนัดออกทริป ATV เที่ยวทองผาภูมิกับภูไอยรารีสอร์ทครับ โปรแกรมเริ่มจากรับประทานอาหารกลางวันที่รีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ เช็คอินฝากกระเป๋าให้เรียบร้อย รอเวลานัดพบประมาณบ่ายสองโมง ก่อนออกเดินทางไกด์จะสอนให้เราทดลองขี่ ATV กันในรีสอร์ทกันก่อน ฝึกหัดขี่วนไปรอบๆ ให้คุ้นเคย บอกสัญญาณมือเวลาขับขี่ เพียงเท่านี้ก็พร้อมที่จะออกไปลุยกันตลอดช่วงบ่ายแล้ว

สำหรับเส้นทางในการขี่ ATV เที่ยวนึงนั้นจะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง เริ่มต้นจากที่รีสอร์ท ขับไปตามถนนลาดยางเรื่อยๆ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าถนนลูกรัง ตลอดเส้นทางนั้นมีทั้งขึ้นเขา ลงเขา ลงน้ำ ลงโคลน จะเลือกลุยหรือจะค่อยๆ หย่อนลงไปก็ได้ (ถ้ามีฝนด้วยจะเละกว่าที่เห็นในภาพเยอะเลย) ได้ออกแรงกันบ้างนิดๆ คงจะถูกใจขาออฟโรดไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ผมไม่เคยขับ ATV มาก่อน แต่ก็ไปได้แบบชิวๆ ครับ นอกจากจะได้สนุกกับการขี่ ATV แล้ว ยังได้ชมสวนยางพาราที่ปลูกกันเป็นแนวเรียงตลอดสองข้างทาง ได้เห็นวิถีของชาวมอญและชาวกะเหรี่ยงที่ส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวน และได้มาเห็นภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าในอำเภอทองผาภูมิที่รถเก๋งธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้

โชคไม่ดีที่หลังจากขับมาได้สักพัก รถของเพื่อนก็เกิดมีปัญหา สตาร์ทไม่ติด เลยต้องจอดหยุดอยู่ท่ามกลางสวนพารา รอรถขับมาเปลี่ยนจากรีสอร์ท ดีว่าบริเวณนี้ยังพอมีสัญญาณมือถืออยู่บ้าง ไกด์เลยโทรไปขอให้เอารถใหม่มาเปลี่ยน แย่ตรงที่ยุงมันชุมจริงๆ ตามกัดตามจิกไม่ยอมหยุด เหมือนกับว่ามันกระหายเลือดมานานหลายวัน กว่ารถคันใหม่จะมาถึงก็เล่นเอาหน้าบวมไปหลายจุด แม้จะเสียเวลาไปเล็กน้อย แต่ใจก็รู้สึกว่านานจนแทบถอดใจว่าจะไปกันไม่รอดซะแล้ว

จบจากปัญหาวุ่นๆ มาได้ก็ออกเดินทางต่อ ไกด์ได้พาเราแวะลงไปสำรวจหาปูราชินีที่อาศัยอยู่ในพุกัน ปูชนิดนี้แปลกตรงที่เป็นปูน้ำจืดประจำถิ่น ชอบอาศัยอยู่ตามริมลำห้วยและตามพุของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นปูที่มีสีสันสวยงาม โดยจะมีสีสันมากถึง 3 สี คือ ขาเป็นสีแดง ตรงโคนขา ก้ามหนีบ และบริเวณขอบกระดองเป็นสีขาว ตรงกลางกระดองเป็นสีน้ำเงิน ดูแล้วคล้ายกับธงชาติไทย ชาวบ้านจึงมักจะเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ปูสามสี” ต่อมาได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ พ.ศ.2535 ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากในสภาพธรรมชาติ น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ภาพสวยๆ มาให้ได้ชมกัน ถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยว น่าลองมาสำรวจกันครับ

จุดแวะสำรวจอีกหนึ่งจุดที่ไกด์พาไปคือถ้ำยี่สิบแปด เป็นถ้ำโปร่ง ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและยังเป็นถ้ำที่ค้างคาวกิตติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าค้างคาวชนิดนี้จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดของโลก มีการกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะทางตะวันตกของประเทศไทยบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมามีการพบค้างคาวนี้ทางภาคตะวันออกของประเทศพม่าด้วยเช่นกัน ใบหน้ามีจุดเด่นที่จมูกขนาดใหญ่มองดูคล้ายจมูกหมู ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Hog-nosed Bat” ขนตามลำตัวค่อนข้างยาว สีขนมีทั้งที่เป็นสีเทา และสีน้ำตาล กินแมลงเป็นอาหาร โดยจะออกไปหากินนอกถ้ำเพียงวันละ 2 ครั้งคือในตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง และตอนเย็นหลังพระอาทิตย์ตกประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง และใช้เวลาถึงวันละประมาณ 23 ชั่วโมงอาศัยอยู่ในถ้ำ กองมูลของพวกมันได้ถูกชาวบ้านขูดนำไปขายจนกระทั่งทางอุทยานแห่งชาติได้เข้ามาดูแลเพื่อเป็นการป้องกันการถูกคุกคาม และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป การเข้าไปชมต้องมีไฟฉายและต้องมีไกด์ท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่พาชมข้างในด้วยครับ

จบจากการเที่ยวถ้ำแล้วก็ขี่รถกลับรีสอร์ท แวะพักทานน้ำที่ร้านค้าเล็กๆ ในหมู่บ้านห้วยเขย่ง (ค่าเครื่องดื่มรวมอยู่ในแพคเกจ) แล้วปิดท้ายทริปวันนี้ด้วยอาหารค่ำที่รีสอร์ทจัดเต็มไว้ให้อร่อยกันสองคน จานเด่นเห็นจะเป็นปลาจาระเม็ดดำราดพริก ที่นี่ปลาจะสดและอร่อยเพราะเจ้าของบอกว่าส่วนใหญ่เอามาจากทะเลฝั่งอันดามันของพม่า มาพร้อมกับข้าวอื่นๆ อีก 2 อย่าง และของหวานเมนูพิเศษคืนนี้คือทองโย๊ะ อาหารพื้นบ้านที่ทำจากข้าวเหนียวคลุกงาดำทอด จิ้มกับนมข้นหวานไว้ตบท้ายอย่างเอร็ดอร่อย

สำหรับที่พักของที่นี่จะมีอยู่ 2 แบบครับคือ บ้านเชิงเขา (คืนละ 1,500 บาท) จะตั้งอยู่ใกล้กับล็อบบี้มองเห็นวิวด้านบน และบ้านไม้ไผ่ (คืนละ 1,000 บาท) ตั้งอยู่ด้านในใกล้กับร้านอาหาร ติดธารน้ำ ส่วนแพคเกจเที่ยวของที่นี่นั้นจะรวมทริปขับ ATV อาหาร 3 มื้อและที่พัก 1 คืนแบบบ้านเชิงเขา (2,350 บาทต่อคน) นอกจากนี้ยังมีแพคเกจกิจกรรมอื่นๆ สำหรับคนชอบผจญภัย ตื่นเต้นเร้าใจอีกมากมาย ลองคลิ๊กเข้าไปดูในเว็บไซต์ของรีสอร์ทได้ (คลิ๊กที่นี่) ไม่จำเป็นต้องมาเป็นหมู่คณะ มากันแค่ 2 คนแบบผม ทางรีสอร์ทก็จัดทริปให้ได้ แถมยังได้แบบส่วนตัวสุดๆ โดยไม่มีค่าบริการเพิ่ม สำหรับคนที่สนใจขับ ATV อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับลุยได้ไปด้วยนะครับ

ปิดท้ายสำหรับตอนนี้มาดูภาพบรรยากาศภายในรีสอร์ทตอนเช้าๆ ตรงล็อบบี้กันดีกว่า ล็อบบี้ตั้งอยู่บนเขาครับ มองเห็นวิวสวยๆ เบื้องล่าง มีเจ้าแมวพันธุ์เปอร์เซียน่ารักๆ ที่เจ้าของรีสอร์ทเลี้ยงไว้ถึง 7 ตัว ออกมาคอยต้อนรับแขกทุกๆ คนที่มาทานอาหารเช้า รู้สึกประทับใจกับการบริการของที่นี่ครับ เจ้าของและพนักงานทุกคนอัธยาศัยดี ยังได้แนะนำสถานที่ให้เราลองขับรถไปเที่ยวอีกด้วย มาทองผาภูมิครั้งต่อไปคงจะมาใช้บริการที่นี่อีกแน่นอนครับ :) .-