ปีศาจจิ้งจอกเงิน@โยโค คุราม่า@
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
2547 ปีแห่งความระทมใจ
ผมว่าผมเป็นคนเย็นชาพอสมควรเลยนะ...โดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย ไม่ว่าผมจะคบหรือจะเลิกกับใครก็ตาม... ผมรู้ล่ะ...ว่าขณะที่คบกันผมยกให้ทั้งใจเสมอ (แต่อีกฝ่ายจะเห็นแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง) แต่เมื่อมันถึงวันที่ต้องจบ... ผมมักไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการเลิกราสักเท่าไรเลย...
จนกระทั่งคืนนั้น...
เรื่องมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น "แฟน" กันมากว่า 4 ปีได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลง ผมไม่รู้เรื่องราวใดๆ จนกระทั่งวันที่ 4 มกราคม 2547
และมันยิ่งตอกย้ำอีกครั้งในหนึ่งคืนก่อนวันเด็ก ผมถูกขอร้องแกมบังคับให้กลับไปตอนเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า ด้วยความแคลงใจ ที่สุดจึงแบกเอาความแคลงใจนั้นกลับขึ้นไปที่ห้องเธออีกครั้งราวชั่วโมงต่อมา เสียงที่ได้ยินรอดประตูออกมา กับการที่เธอปิดโทรศัพท์หนีผม... นั่นก็เพียงพอแล้ว...
คืนนั้นผมไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย ร่างกายผมมันกลายเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เท้าที่เดินย่ำไปบนดินก็รู้สึกราวกับมันจะลอยออกจากพื้น ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขับรถไปถึงไหนต่อไหนบ้าง มาถึงหอเพื่อนได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางได้อย่างไร...ผมยังหาคำตอบไม่ได้ ...เข้าใจความหมายของเพลงอกหักทุกเพลงก็ครานี้เอง...
...แล้วรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะก็หายไปจากผม... มันถูกแทนที่ด้วยการฝืนตัวเองให้ข่มตานอนอย่างยากลำบากในเวลากลางคืน และน้ำตาในยามเช้า นับแต่วันนั้น...
เรื่องราวมันไม่ได้จบลงตรงนั้นหรอก... เราสามคนตกอยู่ในวงล้อมของปัญหาอีกหลายต่อหลายครั้ง... ประโยคที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากผู้หญิงที่ผมรักมา 4 ปีอย่างเธอ ก็หลุดมาอีกหลายต่อหลายครั้ง "ถ้าเธอยอมไปจากชีวิตฉัน ก็จะมีเพียงคนเดียวที่เจ็บ" "มันไม่ดีต่อเขา" ...ผมได้แต่อึ้ง...ไม่มีคำใดหลุดจากปากผมนอกจากความเงียบ
ยอมรับว่า 4 ปีที่อยู่ด้วยกันมาผมทำเรื่องผิดพลาดมากมาย แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าบทลงโทษมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ผมไม่เคยนอกใจเธอด้วยซ้ำ...ให้ตายเถอะ
เราเจอกันครั้งสุดท้ายในคอนเสิร์ต Mariah Carey ที่อิมแพคฯ วันที่ 17 กุมภา รู้สึกเหมือนเป็นการเดินทางด้วยกันครั้งสุดท้ายเพื่อไปส่งเธอให้ชายคนใหม่ยังไงยังงั้น
วันที่ 23 มีนา... มันเป็นวันที่ผมตัดทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไปได้"ทั้งหมด" และพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เหมือนกับว่าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาเพื่อฝังทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง อาจเป็นเพราะมันมีจุดเปลี่ยนหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในวันนั้นด้วยก็เป็นได้ มาคิดดู...บางทีผมอาจไม่ได้เสียใจเลยที่ต้องเลิกกับเธอ ผมอาจจะแค่คับแค้นใจ คนแสนเย็นชาและมั่นอกมั่นใจในตัวเองอย่างผมหรือจะคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับตัว พอเกิดความรู้สึกว่าช่างศีรษะลูกสาวมารดามัน... ทุกอย่างก็อันตรธานไป...ราวกับถูกพัดออกไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว
...ผมลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้ง...
ทันทีที่ผมตัดเรื่องราวเก่าๆ ทิ้งไปได้ทั้งหมดนั้น มันเป็นวันเดียวกับที่มีการนัดประชุมสต๊าฟงานมีตติ้งเฉลิมไทยที่จะจัดขึ้นที่เชียงใหม่เป็นครั้งแรก ผมไม่เคยสนใจเลยจนมาวันนี้นั่นแหละ ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวออกเดินอีกครั้งหลังจากล้มลงไปคลุกฝุ่นเสียนาน
เรื่องมันจะไม่มีอะไรมากมายเลย... หากการกลับจากการประชุมเล็กๆ ในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ผมฝันถึงใครคนหนึ่ง เธอคือคนที่ผมเจอครั้งแรกในการประชุมครั้งนั้นนั่นแหละ ไม่ได้ชอบตั้งแต่แรกพบ ไม่ได้รู้สึกเป็นพิเศษในยามพูดคุยด้วย แต่ไม่รู้ทำไมผมฝันถึงเธอซ้ำๆ กันแบบนั้นอยู่หลายวันก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
แต่ก็นั่นแหละ...ผมยังคงเป็นคนเดิมที่ทำเป็นแต่เรื่องแย่ๆ จะจีบเค้าทั้งทีก็ไปแบบมันโต้งๆ เลย ไม่เหมือนใครอีกคนในกลุ่มนั้น ที่ต่อหน้าใครๆ บอกว่าเธอ "ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน" "ไม่เข้าใจว่าแย่งกันจีบทำไมนักหนา" แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดคือ แอบไปจีบลับหลัง ผมบังเอิญได้รู้มาจากปากคนรู้จักอีกคนว่าเค้าคนนั้นบอกกับเธอว่า "นี่แหละสเป็ค"
เอาเป็นว่าผมแพ้ในเกมนี้ ไม่ได้ร่ำร้องอะไร...ยังไงเค้าก็ไม่เลือกเรานี่ บอกแล้วว่าผมไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับสิ่งใดมากนัก ก็ยังดีที่เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกันได้หลังจากนั้น
ปล. เรื่องนี้ผมแอบรู้สึกดีเล็กๆ ตามประสาฝ่ายอธรรม เพราะอย่างน้อยผมก็ทำฝ่ายหญิงสับสนว่าจะเลือกใคร ได้เป็นเดือนๆ และก็ทำให้ฝ่ายชายไม่กล้าโผล่ออก มาเจอกันตรงๆ (หมายถึงมาแข่งกันจีบได้ละน่ะ) เอ...รักไม่ใช่เกมนี่นา...มันคือชีวิต...คนเราก็ต้องทำ ทุกวิถีทางให้ตนสมหวังกันอยู่แล้วนี่หว่า
มันก็อย่างที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ ผมปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างไม่แยแสอีกครั้ง จากนั้นแค่ไม่กี่วัน ผมก็ได้พบกับจุดที่น่าจะเป็นการเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่เสียที
ผมเจอกับเธอคนนี้ในพันทิปห้องเฉลิมไทยนี่แหละ ในกระทู้โพสรูปของคุณ note-d... เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าและรู้จัก login ของเธอ ผ่านมาเกือบเดือน...เราก็ได้พูดคุยกันผ่านทาง msn 3 วันให้หลังผมก็ได้ยินเสียงเธอ จากการพูดคุยกันทาง msn เราสองคนเริ่มจะเบื่อและหันไปคุยกันทางโทรศัพท์แทน ทำให้ผมได้รู้ว่าที่จริงแล้วเธอคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ เห็นกันผ่านทางหน้ากระทู้สักเท่าใดนัก สำหรับผม...ผมว่าเธอมีปัญหา...และเป็นปัญหาที่ใหญ่มากอีกด้วย ใหญ่มากเกินกว่าจะทำใจให้เชื่อในทีแรกได้ว่านี่มันเกิดกับเด็ก ม.ปลายได้อย่างไรกัน
ผมดึงตัวเองให้ถอยออกมาครึ่งก้าว... เฝ้าคอยให้คำปรึกษา พยายามนำเธอออกจากปัญหา หรืออย่างน้อยๆ ก็ประคับประคองเธอไปก่อน บางเวลาเป็นอะไรไม่ได้มากนัก ผมก็ทำหน้าที่แค่เพื่อนคุยแก้เหงาให้เธอ บางครั้งก็บ่น บางครั้งก็ดุ บางครั้งก็เฮฮา บางครั้งก็ไร้สาระ บางครั้งก็เถียงกัน ทุกอย่างที่ทำไป ความชอบในตอนแรกที่มีต่อเธอมันก็มีส่วน แต่เชื่อเถอะ...ว่าจริงๆ แล้วผมเป็นห่วงเธอมากกว่าอะไร
ทว่ามันก็เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะเราสองคนชอบแซวกันผ่านหน้ากระทู้ แล้วจะว่าไปผมเองก็ยอมรับน่ะแหละว่าผมชอบเธอ เพียงแต่ผมยังเห็นว่าไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่พร้อมที่จะมีความรัก ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม แต่ผมไม่เคยบอกกับเธอ... แถมในบางเวลาผมมักจะอารมณ์เสีย เวลาเธอไปอะไรกับใคร ไม่ใช่ว่าผมหึงหวงเลย...ผมแค่ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดซ้ำรอยเดิมแบบที่เคยเกิดกับเธออีก ผมไม่เคยบอกกับเธอ...
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมยังไม่กล้าคิดอะไรกับเธอมากถึงขั้นจะจีบแบบตอนแรก คือมีคนฝากเพื่อนผมมาเตือนไว้ตั้งแต่ผมรู้จักเธอได้ไม่กี่อาทิตย์ ว่าให้ระวังเด็กคนนี้เอาไว้...เค้าพูดถึงผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ...ผมไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนี้หรอก... เพราะผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกอะไรหากเดาจากนิสัยใจคอเท่าที่พูดคุยกันดู...
สภาพของผมตอนนั้นเหมือนเป็นที่ปรึกษาหรืออะไรสักอย่างที่ประกาศตัวว่าชอบเธอ แต่ขอรอเวลาอีกสักหน่อย รอให้ทั้งเธอพร้อม(ก้าวพ้นจากปัญหาสักวัน) และผมพร้อม(เรียนจบเสียที) อย่างน้อยผมก็มองเห็นเป็นอย่างนั้น
ผมปล่อยตัวเองให้อยู่ในฐานะที่ปรึกษามานานเสียจนลืมไปว่า ครั้งหนึ่งผมเคยชอบเธอมากแค่ไหน ประกอบกับมีใครบางคนก้าวเข้ามาก่อกวนหัวใจผมโดยไม่ตั้งใจ หลายๆ สิ่งจึงเปลี่ยนไปโดยที่ผมเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
จวบจนกระทั่งในวันที่ 8 ธันวา...วันเกิดผม ผมไม่เคยขออะไรจากเธอเลย...ประกอบกับในวันนั้นผมเองมีความรักครั้งใหม่แล้ว... คำขอสุดท้ายที่ฝากผ่านกระทู้ไป...ประหนึ่งเสมือนให้เป็นคำอำลากับเธอไปในตัว... ผมขอให้เธอเป็นเด็กดี...เชื่อฟังพ่อแม่...ตั้งใจเรียน... อะไรที่มันไม่ดีก็ขอให้ผ่านพ้นไป... ความเสียใจอันเกิดจากการยึดติดกับคนรักเก่าของเธอคนนั้น ผมเองก็อยากให้เธอละวางมันบ้าง... เพราะสิ่งนี้แหละผมมองว่ามันทำให้เกิดเรื่องราวแย่ๆ กับเธอ และเธอก็ใช้มันเป็นข้ออ้างสำหรับความเห็นใจมาแล้วหลายครั้ง... ในกระทู้เดียวกันผมก็ฝากข้อความไปถึงคนที่เอาเรื่องของเราสองคนไปพูดในทำนองไม่ดี รวมถึงบางเรื่องที่ไม่ทราบว่าไปรู้มาได้อย่างไรเกี่ยวกับเธอ ความตั้งใจในตอนนั้นผมแค่อยากให้ทุกคนหยุดพูดกันเสียที... ผมจึงไม่บอกใครสักคนในกระทู้นั้นเลยว่าเธอคนที่ผมเอ่ยถึงเป็นใคร แถมยังโกหกคำโตให้กับเธอด้วยการบอกว่า มันไม่จริง (นอกจากเรื่องของเราเท่านั้นที่ "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น" จริงๆ)
จะด้วยความเข้าใจผิดหรืออย่างไรก็แล้วแต่... หนึ่งวันให้หลัง...เธอก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างที่ผมตั้งใจเอาไว้พังลง ชื่อบุคคลในกระทู้ที่อุตส่าห์ปิดเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเธอ ข้อความที่อุตส่าห์เขียนเอาไว้แบบไม่ให้ใครรู้ว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร นอกจากคนที่รู้เรื่องจริงๆ ไม่กี่คนเท่านั้น กลับถูกเธอเอาออกมาพูดเองเสียทั้งหมด ไม่พอ...เธอพูดในทำนองไม่ดีกับผมเสียอีก... จะไม่ฟังกัน ไม่ทำตามคำขอที่มาจากความหวังดีก็บอกกันดีๆ ก็ได้นี่นา... จำเป็นด้วยหรือกับการดิสเครดิตคนอื่นเนี่ย คนที่จุดเดือดต่ำกว่าเมทานอลย่างผมมีหรือจะทนได้ แค่ผมประชดกลับไปไม่กี่บรรทัด... ทุกอย่างก็ร้อนขึ้นมาทันตาเห็น
วันนั้นเธอมาในภาพพจน์นางเอกละครหลังข่าว...พร้อมด้วยเหล่าองครักษ์ปากหมาที่พูดจากักขฬะเหมือนพวกกุ๊ยข้างถนน ผมไม่ได้สนใจอะไรอีกหรอก...ช่างศีรษะลูกสาวคุณยายลูกชายคุณตามัน(วะ) จะหงุดหงิดอีกนิดหน่อยก็ตรงที่หนึ่งในกระบือดี้เกือกของเธอนั้นทำเป็นสู่รู้เหลือประมาณ เรียบเรียงคำพูดได้ดังนี้ "ไม่ใช่แฟนกันเสียหน่อย จะเพ้ออะไรนักหนา...... "ผมคุยกับน้องเค้ามาตั้งหลายทีแล้ว ไม่เห็นว่าเค้าจะเป็นอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด "บางทีเราก็เล่นเป็นแฟนกันออกจะบ่อย แต่ผมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร.....(ต่อด้วยข้อความปากหมาอีกพอควร)"
...อืม... ไอ้บ้านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
ส่วนหนึ่งผมก็โล่งใจนะที่อย่างน้อยๆ เรื่องราวที่แสนจะคาราคาซังของผมกับเธอจบลงได้เสียที... ถึงมันจะจบแบบไม่ดีเอาเสียเลย... แต่ผมก็เรียกมันว่า "จบ" ได้เต็มปากเต็มคำนั่นแหละครับ...
แล้วผมก็ปล่อยให้เรื่องนี้ปลิวไปกับสายลมอย่างไม่แยแสอีกครั้ง... และขอให้รับรู้เอาไว้ว่า... ทันทีที่ผมมีแฟน ผมก็พร้อมที่จะเข้าสู่โหมด"คนอื่นใสหัวไปให้หมด"
ปล. 20 วันผ่านไปมีข้อความหลังไมค์มาถึงผมจากกระบือดี้เกือกคนข้างบน
ผมกับแฟนเห็นข้อความนี้พร้อมๆ กัน... แล้วก็เห็นตรงกันว่าไม่ต้องลบ เก็บมันไว้ดูให้สะใจเล่นอย่างนั้นแหละ วะฮะฮ่าๆๆ
ปปล. เห็นไหมละว่าจริงๆ แล้วผมไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องอะไร ที่มันเกิดขึ้นมามากนักหรอก ขึ้นต้นว่าจะเศร้าเสียหน่อย... ลงท้ายกลายเป็นระบายอารมณ์ไปซะงั้น
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2548 |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2548 17:28:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 334 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
:)
ปล่อยมันผ่านไปให้หมดน่ะดีแล้ว..
ไม่มีใครอยากพูดถึงอดีตที่ไม่ดีหรอก..
ช่างศีรษะมารดามันนะคะ..
งืมๆ