life is a bittersweet symphony.. live it!

ปีศาจจิ้งจอกเงิน@โยโค คุราม่า@
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




just another dumb person - -"

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
7 กุมภาพันธ์ 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปีศาจจิ้งจอกเงิน@โยโค คุราม่า@'s blog to your web]
Links
 

 
2547 ปีแห่งความระทมใจ

ผมว่าผมเป็นคนเย็นชาพอสมควรเลยนะ...โดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย
ไม่ว่าผมจะคบหรือจะเลิกกับใครก็ตาม...
ผมรู้ล่ะ...ว่าขณะที่คบกันผมยกให้ทั้งใจเสมอ
(แต่อีกฝ่ายจะเห็นแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง)
แต่เมื่อมันถึงวันที่ต้องจบ...
ผมมักไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการเลิกราสักเท่าไรเลย...

จนกระทั่งคืนนั้น...

เรื่องมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่
ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น "แฟน" กันมากว่า 4 ปีได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลง
ผมไม่รู้เรื่องราวใดๆ จนกระทั่งวันที่ 4 มกราคม 2547

และมันยิ่งตอกย้ำอีกครั้งในหนึ่งคืนก่อนวันเด็ก
ผมถูกขอร้องแกมบังคับให้กลับไปตอนเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า ด้วยความแคลงใจ
ที่สุดจึงแบกเอาความแคลงใจนั้นกลับขึ้นไปที่ห้องเธออีกครั้งราวชั่วโมงต่อมา
เสียงที่ได้ยินรอดประตูออกมา กับการที่เธอปิดโทรศัพท์หนีผม...
นั่นก็เพียงพอแล้ว...

คืนนั้นผมไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย
ร่างกายผมมันกลายเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
เท้าที่เดินย่ำไปบนดินก็รู้สึกราวกับมันจะลอยออกจากพื้น
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขับรถไปถึงไหนต่อไหนบ้าง
มาถึงหอเพื่อนได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางได้อย่างไร...ผมยังหาคำตอบไม่ได้
...เข้าใจความหมายของเพลงอกหักทุกเพลงก็ครานี้เอง...

...แล้วรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะก็หายไปจากผม...
มันถูกแทนที่ด้วยการฝืนตัวเองให้ข่มตานอนอย่างยากลำบากในเวลากลางคืน
และน้ำตาในยามเช้า
นับแต่วันนั้น...

เรื่องราวมันไม่ได้จบลงตรงนั้นหรอก...
เราสามคนตกอยู่ในวงล้อมของปัญหาอีกหลายต่อหลายครั้ง...
ประโยคที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากผู้หญิงที่ผมรักมา 4 ปีอย่างเธอ
ก็หลุดมาอีกหลายต่อหลายครั้ง
"ถ้าเธอยอมไปจากชีวิตฉัน ก็จะมีเพียงคนเดียวที่เจ็บ"
"มันไม่ดีต่อเขา"
...ผมได้แต่อึ้ง...ไม่มีคำใดหลุดจากปากผมนอกจากความเงียบ

ยอมรับว่า 4 ปีที่อยู่ด้วยกันมาผมทำเรื่องผิดพลาดมากมาย
แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าบทลงโทษมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้
ผมไม่เคยนอกใจเธอด้วยซ้ำ...ให้ตายเถอะ

เราเจอกันครั้งสุดท้ายในคอนเสิร์ต Mariah Carey ที่อิมแพคฯ วันที่ 17 กุมภา
รู้สึกเหมือนเป็นการเดินทางด้วยกันครั้งสุดท้ายเพื่อไปส่งเธอให้ชายคนใหม่ยังไงยังงั้น


วันที่ 23 มีนา...
มันเป็นวันที่ผมตัดทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไปได้"ทั้งหมด"
และพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
เหมือนกับว่าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาเพื่อฝังทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง
อาจเป็นเพราะมันมีจุดเปลี่ยนหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในวันนั้นด้วยก็เป็นได้
มาคิดดู...บางทีผมอาจไม่ได้เสียใจเลยที่ต้องเลิกกับเธอ
ผมอาจจะแค่คับแค้นใจ
คนแสนเย็นชาและมั่นอกมั่นใจในตัวเองอย่างผมหรือจะคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับตัว
พอเกิดความรู้สึกว่าช่างศีรษะลูกสาวมารดามัน...
ทุกอย่างก็อันตรธานไป...ราวกับถูกพัดออกไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว

...ผมลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้ง...





ทันทีที่ผมตัดเรื่องราวเก่าๆ ทิ้งไปได้ทั้งหมดนั้น
มันเป็นวันเดียวกับที่มีการนัดประชุมสต๊าฟงานมีตติ้งเฉลิมไทยที่จะจัดขึ้นที่เชียงใหม่เป็นครั้งแรก
ผมไม่เคยสนใจเลยจนมาวันนี้นั่นแหละ
ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวออกเดินอีกครั้งหลังจากล้มลงไปคลุกฝุ่นเสียนาน

เรื่องมันจะไม่มีอะไรมากมายเลย...
หากการกลับจากการประชุมเล็กๆ ในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ผมฝันถึงใครคนหนึ่ง
เธอคือคนที่ผมเจอครั้งแรกในการประชุมครั้งนั้นนั่นแหละ
ไม่ได้ชอบตั้งแต่แรกพบ
ไม่ได้รู้สึกเป็นพิเศษในยามพูดคุยด้วย
แต่ไม่รู้ทำไมผมฝันถึงเธอซ้ำๆ กันแบบนั้นอยู่หลายวันก็ไม่รู้
ไม่เข้าใจตัวเอง

แต่ก็นั่นแหละ...ผมยังคงเป็นคนเดิมที่ทำเป็นแต่เรื่องแย่ๆ
จะจีบเค้าทั้งทีก็ไปแบบมันโต้งๆ เลย
ไม่เหมือนใครอีกคนในกลุ่มนั้น
ที่ต่อหน้าใครๆ บอกว่าเธอ "ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน" "ไม่เข้าใจว่าแย่งกันจีบทำไมนักหนา"
แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดคือ แอบไปจีบลับหลัง
ผมบังเอิญได้รู้มาจากปากคนรู้จักอีกคนว่าเค้าคนนั้นบอกกับเธอว่า "นี่แหละสเป็ค"

เอาเป็นว่าผมแพ้ในเกมนี้
ไม่ได้ร่ำร้องอะไร...ยังไงเค้าก็ไม่เลือกเรานี่
บอกแล้วว่าผมไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับสิ่งใดมากนัก
ก็ยังดีที่เราทุกคนยังเป็นเพื่อนกันได้หลังจากนั้น

ปล. เรื่องนี้ผมแอบรู้สึกดีเล็กๆ ตามประสาฝ่ายอธรรม
เพราะอย่างน้อยผมก็ทำฝ่ายหญิงสับสนว่าจะเลือกใคร
ได้เป็นเดือนๆ และก็ทำให้ฝ่ายชายไม่กล้าโผล่ออก
มาเจอกันตรงๆ (หมายถึงมาแข่งกันจีบได้ละน่ะ)
เอ...รักไม่ใช่เกมนี่นา...มันคือชีวิต...คนเราก็ต้องทำ
ทุกวิถีทางให้ตนสมหวังกันอยู่แล้วนี่หว่า





มันก็อย่างที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้
ผมปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างไม่แยแสอีกครั้ง
จากนั้นแค่ไม่กี่วัน
ผมก็ได้พบกับจุดที่น่าจะเป็นการเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่เสียที

ผมเจอกับเธอคนนี้ในพันทิปห้องเฉลิมไทยนี่แหละ
ในกระทู้โพสรูปของคุณ note-d...
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าและรู้จัก login ของเธอ
ผ่านมาเกือบเดือน...เราก็ได้พูดคุยกันผ่านทาง msn
3 วันให้หลังผมก็ได้ยินเสียงเธอ
จากการพูดคุยกันทาง msn เราสองคนเริ่มจะเบื่อและหันไปคุยกันทางโทรศัพท์แทน
ทำให้ผมได้รู้ว่าที่จริงแล้วเธอคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ เห็นกันผ่านทางหน้ากระทู้สักเท่าใดนัก
สำหรับผม...ผมว่าเธอมีปัญหา...และเป็นปัญหาที่ใหญ่มากอีกด้วย
ใหญ่มากเกินกว่าจะทำใจให้เชื่อในทีแรกได้ว่านี่มันเกิดกับเด็ก ม.ปลายได้อย่างไรกัน

ผมดึงตัวเองให้ถอยออกมาครึ่งก้าว...
เฝ้าคอยให้คำปรึกษา พยายามนำเธอออกจากปัญหา หรืออย่างน้อยๆ ก็ประคับประคองเธอไปก่อน
บางเวลาเป็นอะไรไม่ได้มากนัก ผมก็ทำหน้าที่แค่เพื่อนคุยแก้เหงาให้เธอ
บางครั้งก็บ่น บางครั้งก็ดุ บางครั้งก็เฮฮา บางครั้งก็ไร้สาระ บางครั้งก็เถียงกัน
ทุกอย่างที่ทำไป ความชอบในตอนแรกที่มีต่อเธอมันก็มีส่วน
แต่เชื่อเถอะ...ว่าจริงๆ แล้วผมเป็นห่วงเธอมากกว่าอะไร

ทว่ามันก็เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
อาจเป็นเพราะเราสองคนชอบแซวกันผ่านหน้ากระทู้
แล้วจะว่าไปผมเองก็ยอมรับน่ะแหละว่าผมชอบเธอ
เพียงแต่ผมยังเห็นว่าไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่พร้อมที่จะมีความรัก ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
แต่ผมไม่เคยบอกกับเธอ...
แถมในบางเวลาผมมักจะอารมณ์เสีย เวลาเธอไปอะไรกับใคร
ไม่ใช่ว่าผมหึงหวงเลย...ผมแค่ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดซ้ำรอยเดิมแบบที่เคยเกิดกับเธออีก
ผมไม่เคยบอกกับเธอ...

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมยังไม่กล้าคิดอะไรกับเธอมากถึงขั้นจะจีบแบบตอนแรก
คือมีคนฝากเพื่อนผมมาเตือนไว้ตั้งแต่ผมรู้จักเธอได้ไม่กี่อาทิตย์
ว่าให้ระวังเด็กคนนี้เอาไว้...เค้าพูดถึงผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่
...ผมไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนี้หรอก...
เพราะผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกอะไรหากเดาจากนิสัยใจคอเท่าที่พูดคุยกันดู...

สภาพของผมตอนนั้นเหมือนเป็นที่ปรึกษาหรืออะไรสักอย่างที่ประกาศตัวว่าชอบเธอ
แต่ขอรอเวลาอีกสักหน่อย
รอให้ทั้งเธอพร้อม(ก้าวพ้นจากปัญหาสักวัน) และผมพร้อม(เรียนจบเสียที)
อย่างน้อยผมก็มองเห็นเป็นอย่างนั้น

ผมปล่อยตัวเองให้อยู่ในฐานะที่ปรึกษามานานเสียจนลืมไปว่า
ครั้งหนึ่งผมเคยชอบเธอมากแค่ไหน
ประกอบกับมีใครบางคนก้าวเข้ามาก่อกวนหัวใจผมโดยไม่ตั้งใจ
หลายๆ สิ่งจึงเปลี่ยนไปโดยที่ผมเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

จวบจนกระทั่งในวันที่ 8 ธันวา...วันเกิดผม
ผมไม่เคยขออะไรจากเธอเลย...ประกอบกับในวันนั้นผมเองมีความรักครั้งใหม่แล้ว...
คำขอสุดท้ายที่ฝากผ่านกระทู้ไป...ประหนึ่งเสมือนให้เป็นคำอำลากับเธอไปในตัว...
ผมขอให้เธอเป็นเด็กดี...เชื่อฟังพ่อแม่...ตั้งใจเรียน...
อะไรที่มันไม่ดีก็ขอให้ผ่านพ้นไป...
ความเสียใจอันเกิดจากการยึดติดกับคนรักเก่าของเธอคนนั้น
ผมเองก็อยากให้เธอละวางมันบ้าง...
เพราะสิ่งนี้แหละผมมองว่ามันทำให้เกิดเรื่องราวแย่ๆ กับเธอ
และเธอก็ใช้มันเป็นข้ออ้างสำหรับความเห็นใจมาแล้วหลายครั้ง...
ในกระทู้เดียวกันผมก็ฝากข้อความไปถึงคนที่เอาเรื่องของเราสองคนไปพูดในทำนองไม่ดี
รวมถึงบางเรื่องที่ไม่ทราบว่าไปรู้มาได้อย่างไรเกี่ยวกับเธอ
ความตั้งใจในตอนนั้นผมแค่อยากให้ทุกคนหยุดพูดกันเสียที...
ผมจึงไม่บอกใครสักคนในกระทู้นั้นเลยว่าเธอคนที่ผมเอ่ยถึงเป็นใคร
แถมยังโกหกคำโตให้กับเธอด้วยการบอกว่า มันไม่จริง
(นอกจากเรื่องของเราเท่านั้นที่ "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น" จริงๆ)

จะด้วยความเข้าใจผิดหรืออย่างไรก็แล้วแต่...
หนึ่งวันให้หลัง...เธอก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างที่ผมตั้งใจเอาไว้พังลง
ชื่อบุคคลในกระทู้ที่อุตส่าห์ปิดเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเธอ
ข้อความที่อุตส่าห์เขียนเอาไว้แบบไม่ให้ใครรู้ว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร
นอกจากคนที่รู้เรื่องจริงๆ ไม่กี่คนเท่านั้น
กลับถูกเธอเอาออกมาพูดเองเสียทั้งหมด
ไม่พอ...เธอพูดในทำนองไม่ดีกับผมเสียอีก...
จะไม่ฟังกัน ไม่ทำตามคำขอที่มาจากความหวังดีก็บอกกันดีๆ ก็ได้นี่นา...
จำเป็นด้วยหรือกับการดิสเครดิตคนอื่นเนี่ย
คนที่จุดเดือดต่ำกว่าเมทานอลย่างผมมีหรือจะทนได้
แค่ผมประชดกลับไปไม่กี่บรรทัด...
ทุกอย่างก็ร้อนขึ้นมาทันตาเห็น

วันนั้นเธอมาในภาพพจน์นางเอกละครหลังข่าว...พร้อมด้วยเหล่าองครักษ์ปากหมาที่พูดจากักขฬะเหมือนพวกกุ๊ยข้างถนน
ผมไม่ได้สนใจอะไรอีกหรอก...ช่างศีรษะลูกสาวคุณยายลูกชายคุณตามัน(วะ)
จะหงุดหงิดอีกนิดหน่อยก็ตรงที่หนึ่งในกระบือดี้เกือกของเธอนั้นทำเป็นสู่รู้เหลือประมาณ
เรียบเรียงคำพูดได้ดังนี้
"ไม่ใช่แฟนกันเสียหน่อย จะเพ้ออะไรนักหนา......
"ผมคุยกับน้องเค้ามาตั้งหลายทีแล้ว ไม่เห็นว่าเค้าจะเป็นอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด
"บางทีเราก็เล่นเป็นแฟนกันออกจะบ่อย แต่ผมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร.....(ต่อด้วยข้อความปากหมาอีกพอควร)"

...อืม...
ไอ้บ้านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

ส่วนหนึ่งผมก็โล่งใจนะที่อย่างน้อยๆ เรื่องราวที่แสนจะคาราคาซังของผมกับเธอจบลงได้เสียที...
ถึงมันจะจบแบบไม่ดีเอาเสียเลย...
แต่ผมก็เรียกมันว่า "จบ" ได้เต็มปากเต็มคำนั่นแหละครับ...

แล้วผมก็ปล่อยให้เรื่องนี้ปลิวไปกับสายลมอย่างไม่แยแสอีกครั้ง...
และขอให้รับรู้เอาไว้ว่า...
ทันทีที่ผมมีแฟน ผมก็พร้อมที่จะเข้าสู่โหมด"คนอื่นใสหัวไปให้หมด"

ปล. 20 วันผ่านไปมีข้อความหลังไมค์มาถึงผมจากกระบือดี้เกือกคนข้างบน

ผมกับแฟนเห็นข้อความนี้พร้อมๆ กัน...
แล้วก็เห็นตรงกันว่าไม่ต้องลบ เก็บมันไว้ดูให้สะใจเล่นอย่างนั้นแหละ
วะฮะฮ่าๆๆ

ปปล. เห็นไหมละว่าจริงๆ แล้วผมไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องอะไร
ที่มันเกิดขึ้นมามากนักหรอก ขึ้นต้นว่าจะเศร้าเสียหน่อย...
ลงท้ายกลายเป็นระบายอารมณ์ไปซะงั้น


Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2548 17:28:54 น. 1 comments
Counter : 334 Pageviews.

 
ยิ้มให้ที่รัก1ที..

:)




ปล่อยมันผ่านไปให้หมดน่ะดีแล้ว..

ไม่มีใครอยากพูดถึงอดีตที่ไม่ดีหรอก..

ช่างศีรษะมารดามันนะคะ..

งืมๆ


โดย: แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว วันที่: 13 มีนาคม 2548 เวลา:2:06:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.