แต่ละวัน...ในโลกของมนุษย์ล่องหน
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
จดหมายปรัชญา

ผมรู้ในทันทีที่ก้าวเข้าไปในที่ทำการไปรษณีย์ว่าต้องเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องเสียอารมณ์เป็นแน่ ผมเพิ่งย้ายมาใหม่ ผมมักพยายามที่จะผูกมิตรกับใครสักคนที่ที่ทำการไปรษณีย์ โดยเขียนถึงความเป็นอยู่ของตนเองบ้าง ส่งพัสดุบ้าง แต่วันนี้ผมพยามมองหา แมนนี ชายคนที่ปกติจะนั่งอยู่ตรงช่องที่ผมเพิ่งใช้บริการแบบเร่งด่วนเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่ไม่ยังเจอ ไม่มีทางเลือก ผมจึงต้องไปต่อแถวเข้าคิวยาวเหยียดรอใช้บริการสาวผมบลอนด์ผู้ซึ่งดูราวกับว่าเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก จนกระทั่งถึงตาผม มือที่ถือห่อพัสดุก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่มีทางที่เธอจะให้บริการได้ถูกต้องแน่ๆ

“ผมต้องการส่งไอ้นี่ไปอังกฤษ” ผมพยายามบอกเธออย่างกระจ่างชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ข้างในนี้เป็นหนังสือ, และผมต้องการส่งพัสดุทางอากาศแบบธรรมดา” ประโยคท้ายนี่สำคัญมาก พัสดุที่ส่งทางเรือกว่าจะถึงต้องใช้เวลากว่าสัปดาห์ อีกทั้งอัตราค่าส่งพัสดุทางอากาศแบบธรรมดานี่ถูกกว่าอัตราค่าส่งทางอากาศแบบด่วนพอดูทีเดียว---ผมไม่ได้ต้องการจ่ายถึง 15 เหรียญเพียงแค่ส่งหนังสือซึ่งมีราคาขายเพียง $18.95 หรอก

เธอฉวยเอาพัสดุไปชั่ง ลงรหัส แล้วก็หันมายิ้มให้ผม “ค่าส่ง $3.45 ค่ะ มีอย่างอื่นอีกมั๊ยค่ะ”

เยี่ยมเลย---เธอคิดเงินถูก “เออ...ครับ” ผมตอบ “แค่จดหมายอีกสองฉบับ---ส่งไปที่ แมนฮัตตัน” ผมยื่นจดหมายให้เธอ และขยับจะควักธนบัตรมูลค่า 5 เหรียญออกจากกระเป๋า

“ค่าส่ง 29 เซนต์สำหรับฉบับนี้ค่ะ ส่วนอีกฉบับหนึ่งค่าส่ง 52 เซนต์ ทั้งหมดเป็นเท่าไรน้า---ขอดูสิ---$4.26 ค่ะ”

“ฮึมม...มันเป็นเท่านั้นได้อย่างไรกันล่ะครับ”

“ขอโทษนะค่ะ คุณ เครื่องจักรมันคงไม่ผิดหรอกค่ะ” เธอชี้ไปที่หน้าจอเล็กๆ ซึ่งแสดงค่าส่งรวมให้เห็น

“เปล่าครับ ผมไม่ได้โทษเครื่องคิดเลข” ผมเอ่ยขำๆ แต่ก็รู้สึกว่าออกจะขำแบบเคืองๆ สักหน่อย “ผมเพียงแต่ประหลาดใจว่าทำไมจดหมายสองฉบับมีน้ำหนักแตกต่างกัน ทั้งๆ ที่ข้างในของแต่ละฉบับมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่---แค่กระดาษจดหมายแผ่นเดียว”

“ไม่น่าจะใช่นะค่ะ” เธอแย้ง พลางวางจดหมายฉบับหนึ่งบนตาชั่ง แล้วก็ตามด้วยอีกฉบับ “เห็นมั๊ยล่ะค่ะ ฉบับแรกหนักหนึ่งออนซ์ อีกฉบับหนึ่งหนักสองออนซ์ คุณคงเอาอะไรอย่างอื่นใส่ไว้ในจดหมายฉบับที่สองด้วยกระมัง”

“ไม่มีครับ” ผมส่ายศีรษะ “ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้---“

“เฮ้” เสียงแหบๆ แทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม “คุณทั้งสองคนกำลังจีบกันอยู่เหรอ ฮึ”

ผมหันไปมองต้นเสียง ก็พบชายร่างท้วมสวมเสื้อยืดกำลังจ้องมายังผม ข้างหลังเขายังมีอีกนับสิบคนในแถว

“ขอโทษครับ” ผมยกมือขึ้นด้วยท่าทีขอโทษขอโพย “มันคงใช้เวลาอีกสักไม่กี่วินาทีหรอกครับ” ผมหันไปทางสาวผมบลอนด์อีกครั้ง “ถ้ายังงั้นเดี๋ยวผมจะให้ดูนี่” ผมดึงจดหมายกลับ แล้วค่อยๆ เปิดมันออก---แย่ชะมัด ผมต้องส่งมันอีกทีด้วยซองใหม่ล่ะสิ แต่ตอนนี้ การพิสูจน์ว่าผมเป็นปกติและตาชั่งของเธอมันเสียเป็นเรื่องที่สำคัญ “นี่ไง” ผมยื่นจดหมายที่ถูกเปิดออกให้เธอดู “ไหนคุณบอกผมซิ---คุณเห็นอะไรบ้าง? ---จดหมายหนึ่งฉบับในแต่ละซอง ถูกต้องมั๊ย? แล้วทำไมมันถึงมีน้ำหนักไม่เท่ากันได้ล่ะ”

“แล้วจดหมายนั่นมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะ” เสียงดังมาจากที่ใดที่หนึ่งในแถวด้านหลัง

“อะไรน่ะ” ผมหันไปพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ผมถามว่า คุณเขียนอะไรในจดหมายแต่ละฉบับนั่น?”
ชายศีรษะล้านที่อยู่ถัดไปสองคนจากชายที่ใส่เสื้อยืดเอ่ย
เสียงของเขาทำให้ผมนึกถึงความเป็นศาสตราจารย์ที่ครั้งหนึ่งผมก็เคยเป็น

“ไม่ใช่กงการอะไรของคุณสักหน่อย” ผมตอบ “แล้วมันจะไปเกี่ยวห่าอะไรกับปัญหาที่ผมเจออยู่นี่ล่ะ---”

“ฟังนะ คุณ” สาวผมบลอนด์เริ่มพูดอีกครั้ง “ถ้าคุณไม่ต้องการจะส่งจดหมายนี่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณจะส่ง ฉันก็คงต้องคิดค่าส่งตามตาชั่ง และมันยังคงบอกว่าจดหมายฉบับแรกหนักหนึ่งออนซ์ และฉบับที่สองหนักสองออนซ์---”

“นี่คุณ คุณเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นแต่อ่านตาชั่งงั้นรึ” ตอนนี้ผมเริ่มที่จะเคืองจริงๆ ขึ้นมาแล้ว “รึคุณไม่เห็นว่าจดหมายทั้งสองฉบับนั้นเหมือนๆ กัน”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก” ศาสตราจารย์ศีรษะล้านแทรกขึ้นมาอีก “นั่นเป็นสาเหตุที่ผมต้องถามคุณยังไงว่าจดหมายแต่ละฉบับเขียนถึงเรื่องอะไร”

“วานใครสักคนช่วยเปิดช่องบริการเพิ่มทีซิ” เสียงแทรกใหม่ดังมาจากแถวทางด้านหลัง—คงสัก 20 คนแล้วมั๊ง

“ไม่จำเป็นหรอก” เสียงตอบดังจากคนที่อยู่ระหว่างศาสตราจารย์กับผู้ที่มาใหม่ “เพียงแค่ไล่ไอ้คนที่สวมแจ็คเก็ตกับจดหมายสองฉบับของเขาไปให้พ้นก็พอ”

ผมหันไปหาสาวผมบลอนด์ด้วยหน้าตาถมึงทึง จากนั้น แมนนี่และผู้จัดการที่ทำการไปรษณีย์ก็เดินออกมาจากทางด้านหลัง “คุณครับ” ผู้จัดการเอ่ยกับผม “คุณช่วยขยับมายังช่องนี้ได้มั๊ยครับ”

“ถ้าหากว่าตาชั่งใช้ได้ล่ะก็, ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ผมฉวยคืนจดหมายรวมทั้งพัสดุที่จะส่งไปอังกฤษ และเดินตรงไปยังอีกช่องหนึ่ง---ช่างน่าพึงใจที่พบว่าแมนนี่อยู่ที่ช่องนั้น เขายิ้มแปลกๆ ให้กับผม ผมจึงยื่นพัสดุและจดหมายให้

“ตกลงเป็น $3.45 สำหรับพัสดุ และ 29 เซ็นต์ สำหรับจดหมายแต่ละฉบับ รวมทั้งหมดก็เป็น $4.03” เขาบอก

“ขอบคุณพระเจ้า สำหรับที่ยังมีใครสักคนปกติดีอยู่แถวนี้บ้าง” ผมส่งธนบัตรใบละห้าดอลล์ให้กับเขาไป

“นี่ ตาชั่งคุณพังรึเปล่า” ผมได้ยินเสียงแหบๆ ถามสาวผมบลอนด์ ผมช่างรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงคนอื่นๆ อยู่ในภาวะเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เคยทำให้ผมหงุดหงิดก็ตามที

“ฉันยืนยันได้ค่ะ ว่ามันใช้การได้ดี” เธอตอบ “ตกลงเป็น 29 เซนต์สำหรับฉบับนี้ และอีก 29 เซนต์สำหรับอีกฉบับ ทั้งหมด 58 เซนต์”

“ไม่น่าเชื่อ” ผมเอ่ยกับตัวเอง ในขณะที่แมนนี่กำลังทอนเงินให้

“มันไม่ใช่หรอก” ศาสตราจารย์ศีรษะล้านเอ่ยขึ้น เมื่อผมเดินผ่านเขาไป “มันขึ้นอยู่กับประเด็นที่ว่าจดหมายนั่นเขียนถึงอะไรตะหาก---“

ผมถอนหายใจ และก้าวออกไป
* * * *



ร้านขายผลไม้ที่อยู่ท้ายบล็อกคงจะเป็นที่น่าพึงใจหลังออกจากที่ทำการไปรษณีย์ที่อบอ้าว ผมให้สาวชาวเกาหลีซึ่งอยู่หลังที่เก็บเงินคิดราคาแตงโมชิ้นใหญ่ที่ผมหยิบมา

“ขอให้คุณโชคดีกับแตงโมนี่นะ” เสียงที่คล้ายๆ กับเสียงของศาสตราจารย์เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง

ผมหันกลับไปมองและต้องหัวร่อ เป็นศาสตราจารย์ที่พบในที่ทำการไปรษณีย์นั่นเอง

“คุณรู้มั๊ย” เขาเอ่ยต่อ “คุณไม่ควรที่จะค้านต่อความคิดที่ไม่ปกติ---เมื่อปีที่แล้ว ที่ไปรษณีย์ ผมก็เจอเข้ากับตัวเองเป็นบางคราว---ตั้งแต่พวกเขาเปลี่ยนตาชั่งใหม่ แต่พวกเขาไม่ได้บอกใครๆ ถึงเรื่องนี้”

“แล้วทำไมพวกเขาไม่ซ่อมมันซะล่ะ”

“ก็เพราะว่ามันไม่ได้เสียน่ะสิ---” เขาเกริ่น

“ว่าต่อไปซิ”

“ไหนคุณช่วยบอกผมสิ” เขาต่อ “ว่าเนื้อหาในจดหมายทั้งสองฉบับของคุณมีความแตกต่างกันอย่างไง”

ผมยักไหล่ “ก็ได้ ผมเป็นนักเขียน จดหมายทั้งสองนั่นเป็นข้อซักถามย่อๆ สำหรับเขียนบทความหน่ะ”

“แล้วไงต่อ”

“แล้วไงต่อรึ...ก็ ฉบับหนึ่งก็สำหรับบทความแนะนำรายการทีวีใหม่ ส่วนอีกฉบับสำหรับบทความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของปรัชญาพลาโตกับ---“

“อะ ฮ้า” เขาร้อง “คุณยืนยันได้ว่าผมคิดถูก”

“อะไรกัน”

“เอาละ” เขาเอ่ย “คุณก็ค่อนข้างจะเป็นคนฉลาด---จากที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปรัชญาของพลาโต แน่ใจได้เลยว่าคุณคงรู้ว่าทำไมจดหมายที่เอ่ยถึงพลาโตถึงได้มีน้ำหนักมากกว่าจดหมายเกี่ยวกับรายการทีวี

“นั่นสิ---ในจักรวาลไหนล่ะ”

“ทำไมล่ะ, แน่นอน ก็จักรวาลนี้นะสิ” เขาตอบ “พลาโตเองมิใช่รึ ที่เอ่ยว่า ถ้อยคำเป็นเครื่องหมายแห่งความถาวรของความคิด แสดงให้เห็นด้วยรูปแบบซึ่งมีอยู่ในความเป็นจริง”

“ใช่ เขาพูด” ผมยอมรับว่าศาสตราจารย์ผู้นี้มีความรู้ในเรื่องปรัชญา “แต่มันจะเกี่ยวยังไงกัน”

“ก็บริการไปรษณีย์ของเราได้พัฒนาตาชั่งซึ่งสามารถวัดน้ำหนักของคำเชิงปรัชญาบนกระดาษ---เป็นหนทางใหม่ที่พวกเขานำมาใช้คิดราคาค่าส่งเพิ่ม---แต่ก่อนที่เขาจะประกาศใช้—มันคงสามารถเว้นการคิดน้ำหนักเชิงปรัชญาได้ แต่แม่สาวที่มาใหม่คงจะเผลอไปปรับอะไรเข้า อย่างที่ผมบอกนะแหล่ะ ผมเคยเจอปัญหานี้เป็นบางคราว---มักจะเจอตอนที่มีพนักงานเข้ามาทำงานใหม่”

ผมส่ายศีรษะอย่างไม่ค่อยจะเชื่อนัก “แล้วทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตาชั่งนี่ล่ะ”

“ผมได้ยินว่าพวกเขาได้เครื่องต้นแบบมาจากทางรัสเซียโดยข้อตกลงทางการค้าอย่างลับๆ” ศาสตราจารย์ตอบ “คุณก็รู้ พวกโซเวียต ก่อนที่จะล่มสลายมักจะทำอะไรๆ อยู่เหนือเหตุผลและ ESP---”

“แตงโมนี่เป็นเงิน $3.19 ค่ะ” สาวน้อยที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เอ่ย

“ชิบ...” ผมแทบชะงัก “ผมสาบานได้ว่าเมื่อวานผมก็ซื้อชิ้นเท่านี้ มันถูกกว่านี่ตั้งหนึ่งดอลลาร์”

“ของมันเปลี่ยนกันได้ค่ะ” หญิงสาวบอก

ผมหันไปมองศาสตราจารย์ซึ่งกำลังยิ้ม ด้านหลังของเขาเป็นแถวลูกค้าที่กำลังเกือบๆ จะโมโหรออยู่

“ขอให้โชคดีมากๆ กับแครอทของคุณก็แล้วกัน” ผมเอ่ยกับเขา และยื่นธนบัตรใบละห้าดอลล์ให้กับหญิงสาวเป็นค่าแตงโม

ยังดีนะที่วันนี้ผมไม่ได้ซื้อเต้าหู้ หรืออาหารบำรุงสมอง●



จากเรื่อง “Post Plato”
แต่งโดย Paul Levinson







Create Date : 11 ธันวาคม 2549
Last Update : 16 ธันวาคม 2549 21:19:14 น. 2 comments
Counter : 421 Pageviews.

 
อ่านจนจบคิดว่าเป็นเรื่องของจขบ อ่ะ


สวัสดียามดึกอ่ะ
ฝ้นดีนะจ๊า


โดย: บ้านโคกโจด (my_oom ) วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:23:13:47 น.  

 
ขอโทษครับที่ทำให้เข้าใจผิด
ส่วนใหญ่จะแปลครับ ไม่ได้แต่งเอง ถึงจัดอยู่ในหมวดงานเขียน: เรื่องแปล

ถ้าลอกมาก็จะระบุชื่อผู้แปลด้วยครับ ถ้าไม่ระบุก็คือแปลเอง


โดย: demerzel (demerzel ) วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:1:10:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

demerzel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add demerzel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.