|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
- 'Winter in Furano, Hokkaido' - 1
- Satou Steak House at Kichijoji, Tokyo
- Ikura Cave & Takahashi Town - Okayama
- Saijo Inari - Okayama
- บันทึกการเดินทาง Fukuyama -> Okayama -> Hokkaido -> Okayama
- บันทึกการเดินทาง Kansai Airport -> Kobe -> Kagawa -> Okayama -> Kumamoto -> Okayama
- Tottori Sand Dune (鳥取砂丘)
- Moss Pink & Tulip - Hokkaido, Japan
- Yakushima (2): Jomon sugi ตอนท้าย
- Yakushima (1): Jomon sugi ตอนต้น
- Summer in Hokkaido (2) - จบ
- Summer in Hokkaido (1)
- Kansai Trip (จบ): Houryuuji - Nara
- Kansai trip (1): Kyoto
- Japan: Shirakawago - Gifu (จบ)
- Japan: Shirakawago - Gifu (4)
- Japan: Bokka no Sato - Gifu (3)
- Japan: Takayama - Gifu (2)
- Japan: Takayama - Gifu (1)
- Tokyo (5): Shibuya & Akihabara (จบ)
- Tokyo (4): Ueno Park
- Tokyo (3): Shinjuku & Sumidakawa - Asakusa
- Tokyo (2): Asakusa
- Tokyo (1): Akihabara
- Nara (1): Japan
- Kurushima Straits Bridge, Ehime-Japan
- Hiroshima Part II (จบ): Miyajima
- Hiroshima, Japan (Part I: Hiroshima city)
- Okinawa (5): Sayo-nara...Okinawa
- Okinawa (4): Ikei-island, Glass boat and Memorial of World War II
- Okinawa (3): Manzamo, Pineapple Park and Okinawa Churaumi Aquarium
- Okinawa (2): Nagannu Island
- Okinawa (1): Shurijo Castle Park
- Sea and Sky: Amakusa, Kumamoto
- White winter in Sapporo
- White illumination - Odori Park, Sapporo
- Eki-ben
- Kouyou, Hokkaido University
- "Asahiyama Zoo" Asahigawa, Hokkaido
- พาเที่ยว "Ghibli Museum, Mitaka"
- "มาเจาะน้ำแข็งกันเถอะ"
- เส้นทางชมธรรมชาติกับบ่อโคลนเดือดริมทะเลสาบ
- Akan Natural Park: Part I มาริโมะน้อยกลอยใจ
- เริ่มแรก
|
|
|
|
|
Japan: Shirakawago - Gifu (4)
5 พฤษภาคม 2550 (ต่อ)
ก่อนอื่นขอแนะนำหมู่บ้าน Shirakawa ก่อนนะคะ หมู่บ้าน Shirakawa หรือ ในชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ Shirakawago (go = หมู่บ้านเล็กๆ ค่ะ) ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ถูกจัดเป็นมรดกโลกในแง่วัฒนธรรมในปี 1995 เป็นหมู่บ้านของชาวนาในอดีต ซึ่งรูปแบบของบ้านแต่ละหันเรียกว่า gasshozukuri ซึ่งมีความหมายว่า การปลูกสร้างในรูปทรงของการ พนมมือ ในตอนสวดมนตร์ค่ะ (สังเกตจากหลังคาบ้าน)
ซึ่งหลังคาบ้านแบบนี้จะมีประโยชน์มากในฤดูหนาว เพราะที่นี่หิมะจะตกทับถมหนามากๆ ดังนั้นหลังคาที่เป็นลักษณะนี้จะไม่ก่อให้เกิดการทับถมของหิมะค่ะ ซึ่งถ้าทำเป็นหลังคาเรียบๆ แบบบ้านเรา หลังคาอาจจะถล่มได้เพราะน้ำหนักของหิมะที่ทับถม
แผนที่ของหมู่บ้าน Shirakawa ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวค่ะ จากเวบ //www.vill.shirakawa.gifu.jp/e/
หลังจากที่ขับรถมาถึงหมู่บ้าน Shirakawa เราก็มองหาโรงแรมกันก่อน โรงแรมที่จองไว้เป็นลักษณะของโรงแรมสมัยเก่า (คล้ายๆ เรียวกัง แต่จะเรียกว่า มินโชคุ แทนค่ะ) ที่มีอาหารเย็นและอาหารเช้ารวมอยู่ในค่าที่พัก ลักษณะโรงแรมจะเก่าๆ ค่ะชื่อ Ribe (利兵) เป็นบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 400 ปีที่แล้ว (ระหว่างนั้นก็มีการซ่อมแซมบูรณะเป็นระยะๆ ค่ะ) ค่าที่พักคนละ 8800 เยน (รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า) เราก็เอารถไปจอดที่หน้าเรียวกังกันก่อน
ด้านข้างของที่พัก ติดกับลานจอดรถ มีบ้านชื่อโรงแรมติดอยู่ เสร็จแล้วเราก็เดินไปบอกเจ้าของที่พัก ว่าเรารถมาจอดนะ แล้วก็ไปเดินเที่ยวกัน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน (เช็กอินบ่ายสามโมง)
บรรยากาศแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน คนค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นช่วงหยุดยาว Golden Week วันนั้นอากาศร้อนมาก แดดจัดสุดๆ
ก็เดินไปที่ Tourist Information Center กันก่อน ไปขอแผ่นที่มาดู แต่เจ้าหน้าที่หน้าตูดมากๆ พูดจาแบบ...เซ็งอ่ะ ไม่เคยเจอแบบนี้ ปกติเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นจะน่ารัก แนะนำอย่างดี คาดว่าเจ้าหน้าที่คงเซ็งที่ไม่ได้หยุดไปเที่ยวกับแฟน (เจ้าหน้าที่เป็นผู้ชาย) แอบช็อกเล็กน้อย เลยเดินออกมาเที่ยวเองก็ได้ฟ่ะ
ถ่ายกับ Sarubobo ตัวยักษ์ น่ารักดี
ดอกไม้สวยมาก gassho ข้างหลังก็สวย
เพราะเป็นวันที่ 5 เดือน 5 ซึ่งเป็นเทศกาลเด็กผู้ชาย ตามบ้านเรือนจึงมีปลาคาร์ฟแขวนเอาไว้แบบนี้ (เรียกว่า Koinobori Koi = ปลาคาร์ฟ, nobori = ปีน)
เริ่มแรกก็เข้าไปดูบ้านที่เขาเปิดให้เข้าชม
หลังแรกที่ดูคือ Yamasato ซากุระยังบานอยู่เลย (เพราะเป็นหมู่บ้านในหุบเขา อากาศเลยยังค่อนข้างเยนค่ะ) ค่าเข้าชมคนละห้าร้อยเยน แต่เราไม่ได้จ่าย คนไปด้วยช่างเป็นคนญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปจริงๆ พอเห็นไม่มีคนเฝ้าก็ดึงเราเข้าไปแล้วทำเนียมไม่เสียค่าเข้าชมเลย เรารู้สึกผิดมากๆ T-T เศร้าจริงๆ
ตัวบ้านที่เข้าชม
วิวจากชั้นสอง
ที่ชั้นสองจะมีข้าวของเครื่องใช้ในอดีตวางเรียงรายให้ดู แต่ห้ามจับต้อง มีคุณป้าคอยอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง พวกเราก็ไปฟัง (ทั้งๆ ที่ไม่ได้จ่ายเงิน T-T หนูขอโทษ)
คล้ายๆ เข็มน่ะค่ะ เอาไว้ร้อยเชือกฟางที่เอามารัดพันกับเสา และมัดฟางตอนสร้างหลังคา
นี่คือชั้นบนสุดของตัวบ้าน ที่ขึ้นไปได้ทีละสามคน หลังคาของบ้านจะทำด้วยฟาง เป็นหญ้าที่ขึ้นตามข้างแม่น้ำ Shirakawa แต่ในปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ต้องไปเอามาจากจังหวัดชิสุโอกะ
คุณป้าที่อธิบายเล่าให้ฟังว่า หลังคาที่ทำด้วยฟางนั้น ในอดีตจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 60 ปี แต่ในปัจจุบันจะเปลี่ยนทุกๆ 18-20 ปี สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนเร็วกว่าในอดีตนั้น เพราะว่าปัจจุบันไม่มีการก่อไฟโดยใช้ฟืนในตัวบ้าน (หรือมีก็น้อย) ไม่เหมือนในอดีตที่จะมีการก่อไฟทำอาหารทุกวัน และหน้าหนาวจะก่อเอาไว้ทั้งวันทั้งคืนให้ความอบอุ่น ซึ่งการก่อไฟแบบนั้นจะทำให้เกิดควันไฟซึ่งใช้ไล่พวกแมลงต่างๆ ได้ ทำให้อายุการใช้งานของหลังคาฟางยาวนานกว่าในปัจจุบัน แต่บ้านบางหลังในปัจจุบันก็ยังก่อไฟด้วยฟืนอยู่นะคะ เพื่อยืดอายุการใช้งานของหลังคานั่นเอง
ภาพหลังคา อันนี้ออกมาถ่ายข้างนอกแล้ว
ขอเล่าเวลาเปลี่ยนหรือซ่อมแซมหลังคาหน่อยนะคะ ปกติเวลาทำนี่เขาจะไม่ต้องเสียเงินจ้างนะคะ แต่จะใช้ในลักษณะที่เรียกว่า ลงแขก มากกว่า เหมือนเวลา ลงแขกเกี่ยวข้าว ของบ้านเราในสมัยก่อนนั่นล่ะค่ะ คือจะเกณฑ์คนมาช่วยกันลงมือทำ ใช้จำนวนคนเกือบร้อยคนเลยล่ะค่ะ
ตัวอย่างภาพการซ่อมแซม (ภาพจากเวปข้างบนค่ะ)
เห็นแล้วก็รู้สึกดีนะคะ ที่ทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกัน
บ้านหลังนี้ที่เข้ามาดูอายุประมาณ 200 กว่าปีค่ะ จุดสำคัญอีกอย่างของบ้านลักษณะนี้ก็คือ เขาจะปลูกสร้างโดยไม่ใช้ตะปูเลยสักตัว จะเป็นการใช้สลัก คือวางให้ได้มุมต่างๆ (หลังคากับตัวบ้าน) ซึ่งการปลูกสร้างแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากเวลาเกิดแผ่นดินไหว คือบ้านจะเขย่า แต่ไม่พังทลาย และจะมีประโยชน์ในตอนย้ายบ้าน คือสามารถใช้รถเครนยกด้านบนขึ้นไปเลย มันจะคงรูปเอาไว้น่ะค่ะ
ฟังแล้วนึกถึงบ้านเรือนไทยสมัยก่อนค่ะ ที่เวลาปลูกบ้านก็ไม่ต้องใช้ตะปู และเวลาย้ายบ้านก็สามารถย้ายได้ทั้งหลังเลย เห็นของญี่ปุ่นได้เป็นมรดกโลก ก็เสียดายบ้านเรือนไทยว่าทำไมไม่ได้เป็นบ้าง แต่นะ ก็ปลง ไทยเรามีของดีๆ หลายอย่าง แต่ไม่ยอมอนุรักษ์เอาไว้ ทั้งยังความรู้ต่างๆ ก็สูญหายไปกับการเวลา ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่เขาจะมีวิทยาลัยโดยเฉพาะสำหรับการสืบทอดความรู้ในอดีตแบบนี้ เพราะเคยถามคนญี่ปุ่นว่าเวลาซ่อมแซม (ไม่เฉพาะ gassho ของที่นี่อย่างเดียวนะคะ พวกบ้านเก่าๆ สมัยเอโดะ วัดวาอารามที่นาราก็ด้วย) จะไปเอาช่างฝีมือมาจากไหน เขาก็บอกว่ามันมีวิทยาลัยสำหรับเรียนรู้ศิลปะต่างๆ แบบนี้ ฟังแล้วก็ให้สะท้อนใจ ทำไมบ้านเราไม่สนับสนุนอะไรแบบนี้บ้างหนอ
บ่นยาว มาต่อกันดีกว่า ออกจากบ้านหลังนั้น เราก็เดินไปตามทาง บ้านเรือนของเขาน่ารัก ข้างทางก็น่ารักมากค่ะ
ปลาไนแอบอยู่ในเงาใต้สะพาน ร่องน้ำของที่นี่น้ำไหลแรง และสะอาดด้วย
เห็ดหอมข้างทาง ดอกใหญ่มากๆ ปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวชมจริงๆ
ที่นี่อยู่กลางหุบเขา ซากุระเพิ่งจะบาน (กำลังบานเต็มที่) สวยมากๆ ต้นนี้แปลกกว่าใคร เพราะว่ามีสองสีอยู่ในต้นเดียวกัน
Snowflake เป็นกอเลย สวยมากๆ
บ้านเรือนแถวนี้ผู้คนยังอาศัยตามปกตินะคะ ถ้าไม่ใช่บ้านที่เปิดให้คนเข้าชม ก็จะเป็นร้านค้า หรือไม่ก็ที่พักให้นักท่องเที่ยว และด้านบนของตัวบ้าน เจ้าของบ้านก็จะอาศัยหลับนอนดำเนินชีวิตตามปกติ
ภาพนี้คือร้านขายของที่ระลึกค่ะ มุมสวยดี
เดินๆ วนๆ สักพักก็ตัดสินใจเข้าไปดูวัดค่ะ (อืม หรือศาลเจ้าหว่า คือของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนเราน่ะค่ะ จะแยกเป็นวัดของศาสนาพุทธ กับศาลเจ้าที่บูชาเทพเจ้า) ชื่อ Myozenji
ด้านหน้าของตัววัดค่ะ ไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่ว่าบ้านที่ติดกับวัด เปิดให้เข้าชมนะคะ เป็น Myozenji Museum ค่าเข้าห้าร้อยเยนอีกแล้ว คราวนี้จ่ายเงินค่ะ เพราะมีคนเฝ้า (ฮา)
เข้าไปเดินชมข้าวของเครื่องใช้เหมือนเดิม คนเยอะมาก ก็ขึ้นไปชั้นสอง เห็นอะไรน่าสนใจ เลยถ่ายรูปมา
ซุ้มประตูที่วัด เป็นรูปช้างค่ะ งงกันไม่น้อย เพราะปกติญี่ปุ่นไม่มีช้าง ทำไมที่นี่ถึงแกะสลักเป็นช้างก็ไม่รู้
ชมตัวหลักของบ้านเสร็จ เขาก็ให้เราเดินเข้าไปชมในอาคารวัดได้ค่ะ เสร็จแล้วก็ออกมาเดินข้างนอกต่อ
แวบไปถ่ายรูปแม่น้ำ Shirakawa
เสร็จก็ตัดสินใจไปดู Wadake ซึ่งเป็นบ้านของคล้ายๆ หัวหน้าหมู่บ้านในอดีตน่ะค่ะ
ร้านค้าระหว่างทางดอกไม้สวยดี (moss pink ค่ะ)
เสียค่าเข้าอีกแล้ว ฮา 500 เยน (แต่เราเต็มใจให้นะ เพราะมันต้องมีค่าซ่อมบำรุงอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ) คนเยอะมาก เพราะที่นี่เหมือนเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาดู เขาเลยแบ่งเป็นช่วงๆ กำหนดจำนวนคนให้ขึ้นชั้นสอง คงเพราะกลัวบ้านถล่ม
ชั้นสองของตัวบ้านค่ะ มีข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนวางให้ดู ไม้ที่เห็นเป็นสีดำ เพราะว่าถูกควันจากฟืนรมนะคะ เลยเป็นสีดำสวยเลย (แต่ไม่เลอะนะคะ คาดว่าเพราะรมมาตั้งแต่อดีต จากกลายเป็นเนื้อไม้เป็นแล้ว)
ถ่ายคู่ซะหน่อย
ตรงนี้คือไม้ที่ตีเป็นระแนง เดินไปไม่ได้ เราห้ามเดิม จะมีช่องให้ควันไฟขึ้นมาด้านบน ด้านล่างจะเป็นเตาถ่านค่ะ
ฝักบัวที่ประดับไว้ในห้องโถงรับแขก สวยดี ชอบมาก
ขอตัดครึ่งแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะว่าภาพเยอะแล้ว เดี๋ยวโหลดไม่หมด ^^ ติดตามบล็อกต่อไปได้เลย
เด็กทะเล 07.6.2
Create Date : 02 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 13:16:11 น. |
|
9 comments
|
Counter : 2477 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตัว Z IP: 125.27.19.141 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:14:58:14 น. |
|
|
|
โดย: waidhaya IP: 125.27.19.52 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:17:28:00 น. |
|
|
|
โดย: Jira IP: 43.244.194.80 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:19:42:42 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:21:32:37 น. |
|
|
|
โดย: DAN_KRAB วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:11:29:41 น. |
|
|
|
โดย: lily (lovekalo ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:23:01:56 น. |
|
|
|
โดย: Yasmin วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:07 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:10:57:06 น. |
|
|
|
โดย: อาร์ม IP: 118.172.39.44 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:12:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ตอนใต้ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
จ๋วยๆ