Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
3 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
BACK BENDING เริ่มที่ตรงไหน?

คำตอบคือ........ไม่ว่าจะเป็นท่า forward bending หรือ backward bending
ก็ล้วนเริ่มที่ฐานครับ
ซึ่งรากฐานของร่างกายในที่นี้ก็คือ ===> ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ...
(แป่ว!!!! กรูยังไม่ได้เฉลยเฟ้ย)

........มันก็คือ เท้านั่นเอง บางคนอาจจะงง ว่าทำไมเริ่มที่เท้า

เพราะเท้าเป็นฐานของร่างกายที่สำคํญที่สุด (กำปั้นทุบดินมากๆ อิอิ)

.......เวลาเราทำท่า back bending ที่ดี ให้นึกถึงต้นไผ่ครับ
แม้ว่าใบหรือกิ่งส่วนบนจะโยกไหวอย่างไร รากของต้นไผ่ก็ไม่เคยไหวเอน (ยกเว้นโดนตัดเพื่อหาหนอนรถด่วน...อิอิ)

...........เพราะฉะนั้น ส่วนล่างของร่างกายต้องนิ่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวเฉพาะส่วนบนของร่างกายครับ (ดูรูปประกอบนะครับ) ......


Create Date : 03 เมษายน 2550
Last Update : 3 เมษายน 2550 11:33:33 น. 12 comments
Counter : 2197 Pageviews.

 
แวะมาให้กำลังใจ และเฝ้าบล็อคจ้า



โดย: สงครามกวี IP: 203.156.85.48 วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:11:54:47 น.  

 
thanks so much krab:-) สงครามกวี


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:05:53 น.  

 
...........ทีนี้หลายคนคิดว่า การแอ่นหลังให้ได้มาก ต้องเป็นคนตัวอ่อน
ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่

แต่จริง ๆ แล้วหลังจะแอ่นได้มากน้อย
ไม่ได้ขึ้นกับว่าเราจะ compress กระดูกหลังได้มากน้อยแค่ไหนเพียงอย่างเดียว

มันอยู่ที่ว่า ส่วนหน้าของร่างกาย ตั้งแต่เท้า จนถึงหน้าอก ไหล่ คอและศรีษะเปิดได้มากแค่ไหนด้วย
....... (ดู line ตามลูกศรสีน้ำเงินครับ)........

....... ยิ่งด้านหน้าของร่างกาย open มากเท่าไหร่ หลังก็จะแอ่นง่ายขึ้นและรับแรงกดทับน้อยลงเท่านั้น
เพราะฉะนั้นในการฝึกเบื้องต้น หากจะทำท่าแอ่นหลัง อย่าให้นึกถึงหลังครับว่าจะแอ่นได้มากแค่ไหน

แต่ให้นึกว่า เราถ่ายน้ำหนักลงพื้น firm ฐานของร่างกาย ให้พื้นเป็นตัวดันเรากลับมา
แล้วให้รู้สึกว่าตัวเรายกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับพยายามชูแขนแล้วยืดไปให้สูงที่สุดทางด้านหลัง
........ (แต่คลายหัวไหล่นะครับ อย่ายกไหล่มาก)......


ลองดูครับ ตามแนวลูกศรสีน้ำเงินในรูป แล้วจะพบว่า หลังจะแอ่นตามธรรมชาติ
และเป็นการแอ่นที่ไม่กดหลังมากเกินไปจนบาดเจ็บ
โดยเฉพาะในผู้สูงวัย.......


.........ดังนั้นสังเกตุได้ง่าย ๆ ทำไมเวลาเราอยากให้หลังแอ่นมากขึ้น
กดหลังมากขึ้น เข่าเราจะงอโดยธรรมชาติ.......

เป็นธรรมดาครับ เพราะเป็นการชดเชยกล้ามเนื้อส่วนขาด้านหน้าเรายังไม่พร้อมที่จะยืดอย่างเต็มที่
หรือบางทีเข่าไม่งอครับ ตัวตึงมาก แต่แอ่นเท่าไหร่ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งฝาผนังด้านหลัง
นั้นก็เพราะส่วนบน โดยเฉพาะอกและไหล่ยังไม่เปิดครับ
...................................................................................





โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:09:15 น.  

 
ส่วนคนที่หลัง compress ได้มาก
ไม่มีปัญหาแบบ born to be.........
การใช้เทคนิคนี้ช่วยจะทำให้แอ่นหลังได้ลึกขึ้นมากครับ แล้วก็จะไม่สร้างปัญหาจาการกดทับหลังมากเกินไปในภายหน้า

ดูตามรูป advance แบบที่สองและสามตามมา โดยเฉพาะแบบที่สาม
ให้ลองสอดส่ายตามองหาข้อเท้าตัวเอง เข่า หรือไม่ก็หาพื้นให้เจอ
ถ้าเจอแล้วจะจับข้อเท้าหรือเข่าไว้ เราก็ไม่ว่ากัน อิอิ....แต่ที่สำคัญ ห้ามงอเข่าครับ


...............ส่วนครูซาปอย วัน ๆ ถ้าอู้ก็เล่น level 1 (ซึ่งจะพบเห็นได้บ่อยมากครับ เพราะขี้เกียจ)

บางวันขี้เกียจน้อยหน่อยก็ level 2 (ต้อง open heart อย่างในรูปด้วยนะครับ คือ ให้คิดถึงการยกอกเข้าหาเพดาน) แล้วก็ยิ้ม

ฝืนยิ้มมันเข้าไป...อิอิ ล้อเล่นนะครับ


แบบที่ได้เรียกได้ว่าเป็น Phenomena จะเกิดเป็นบางครั้งกับชีวิตน้องปอยอย่างผม
และจะพบเห็นได้ในห้องร้อนเท่านั้นก็คือ level 3 ครับ 1 ทศวรรษจะทำสักที...เฮ้อๆ


แต่ผมยังจับข้อเท้าไม่ถึงนะครับ ไว้จับได้จะมาบอก
แล้วก็ไม่กล้าทำอวดประชาชี เพราะเค้าจะนึกใครว่าจับหมีที่ไหนมาเล่นกายกรรม อิอิ......

วันนี้เมื่อยแล้ว ไว้มาต่อตอนต่อไปนะครับ
ถือว่าเป็นเคล็ดลับการฝึกโยคะ มาเบรคเรื่องคั่นเวลา
(กำลังฟิต โพสใหญ่เลย แต่พอจะรู้จักตัวเองดีพอ สักพักคงแผ่วลงเรื่อย ๆ อ่ะครับ อิอิ)



โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:11:35 น.  

 
.........เคยสังเกตุไหมครับ ว่าบางที เรียนโยคะกับครูบางคน ทำไมเราทำท่าได้ แอ่นหลังได้มาก
ทำไมเรียนกับครูบางคนทำท่าอื่น ๆ ได้ดีกว่า.....

....... เพราะครูแต่ละท่าน จะต้องเตรียมท่า เพื่อสอนครับ
อย่างผม สอนคนที่มีอายุค่อนข้างมากหลายคน กว่าจะให้ทำท่าแอ่นหลังได้นี่
ต้องเตรียมร่างกายส่วนอื่นก่อนกว่าครึ่งชั่วโมง บางท่านอาจไม่เคยสังเกตุ
ว่าบางทีทำไมท่า Back bending มักจะฝึกเกือบช่วงท้ายๆ (ไม่นับรวมคลาส advance นะครับ)
และตบท้ายด้วย forward bending เพื่อปรับสมดุลย์ของสันหลัง ก่อนที่จะตามด้วย inversion pose และ ท่าบิด



.........ถ้าครูที่เตรียมมาอย่างดี ส่วนมากมักจะให้ยืดขาก่อนแอ่นหลัง
เพราะอย่างที่บอกว่า ถ้าขายืดแล้ว BACK BENDING ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
ส่วนท่ายืดขาที่ง่ายที่สุด ก็คือ warrior pose ครับ

เพราะขาจะยืดได้อย่างดี อีกทั้งยังเป็นการวอร์มหลังนิด ๆ ด้วย
ใครไม่เคยทำลองทำดูนะครับ แทรกท่า warrior ก่อนทำ back bending
แล้วลองสังเกตุดูว่าช่วยให้แอ่นได้ลึกขึ้นไหม

นี่ก็เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ




โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:13:29 น.  

 


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:16:11 น.  

 
...........ส่วนมาก ถ้าเรียนกับอาจารย์ที่เป็นฝรั่ง ไม่ใช่อาจารย์ชาวอินเดีย ...
ขอย้ำว่าโดยมากนะครับ ไม่ใช่ทั้งหมด.....

ฝรั่งจะสอน Detail อย่างที่ผมบอก กล้ามเนื้อนี้ ต้องบิดอย่างนี้.....
น้ำหนักถ่ายกันอย่างนี้ ซึ่งผมอยากเรียกโยคะแบบนี้ว่า โยคะแบบใคร ๆ ก็ทำได้
(ไม่ได้เลียนแบบ ใคร ๆ ก็บินได้เหมือนสายการบินแห่งหนึ่งนะครับ..อิอิ)


.............อาจารย์จะสอนเทคนิคและรายละเอียดของร่างกายเยอะมาก
ให้ลองสังเกตุคนที่ทำท่านั้น ๆ ได้ดี ว่าเค้าทำได้แบบนี้ เพราะอะไร
ยูลองดูดิ เพราะเค้าเปิดสะโพกขวาขึ้นก่อน ถ้าสะโพกไม่เปิด ตัวก็เปิดด้านข้างไม่ได้

อะไรอย่างนี้เป็นต้น....
ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเล่นได้ หนู...ทามได้ค่ะครู
เล่นแล้วมีกำลังใจ

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามีรายละเอียดมากไป ใจก็จะจับจด และปลดปล่อยไม่ได้เช่นกัน

คอยบิดอยู่นั่นแล้วสะโพกเรา (เหมือนผมเป็นต้น)


แต่ถ้าหากเป็นโยคะแบบอินเดีย ตามแบบดังเดิมที่สอนกันมาแต่โบราณ......
ครูจะไม่บอกหมดครับ ครูจะทำท่าที่งดงามให้ดู
ไม่บอกนะว่าเท้าต้องเอียง 45 องศา หน้าขาขนานพื้น
(ลองเปรียบเทียบดูว่าแค่ผมเขียนสอนท่า back bending ท่าเดียว ยังเขียนยาวซ้า ขนาดนี้)

ดังนั้นการสอนโยคะของครูอินเดีย
.....ศิษย์ต้องคอยสังเกตุ จดจำ ฝึกตาม......
และที่สำคัญ ครูจะให้นักเรียนค้นพบท่า ๆ นั้นด้วยตัวเอง หัดปรับสมดุลย์เอง
เมื่อศิษย์ทำได้ก็จะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าหากฝึกหลายปี
ยังค้นหาไม่เจอนี่อาจจะต้องบอกกันบ้างแหละครับ



โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:24:20 น.  

 
ผมมีประโยคที่กล่าวถึง back bending ได้อย่างสวยงาม เป็นโยคะในเชิงปรัญญา........

เพราะฉะนั้น หากใครไม่อยากฝึกโยคะแบบข้างต้น ที่ต้องคอยมาดูว่า.......

เฮ้ ขาชั้นมันตั้งฉากยัง เท้าหัน 45 องศาหรือเปล่า
ลองมาฝึกโยคะแบบนี้ดู
เป็นการเข้าถึงท่าคนละแบบ ฝึกได้แม้กระทั้งจินตนาการว่าเราทำท่า ทั้ง ๆ ที่เรานอนหลับอยู่
(ขอตัดมาเฉพาะส่วนของ back bending ในสุริยะนมัสการนะครับ)

Ref. From Philosophy of Hatha Yoga (Pandit Usharbudh Arya, D. Litt., page 19)

...........Relax your shoulder…Relax your cardiac center…
Breath Slowly and easily and think of yourself standing
with feet slightly apart. Think of yrself joining yr hands in front of yr cadiac center
and pressing cardiac center with the bony ridges of yr thumbs…..


Watch yr breath. Be aware of the position of yr spine as u are standing.
Raise up yr arms..so that yr ears are between yr arms…
Stretch up and look up to the sun.
All beautiful energy of whole universe is flowing into you,
for the energy and light in you is the same as the light in the sun,
and u think; I AM THE SUN……..


เห็นไหมครับพ่อแม่พี่น้อง ช่างเป็นคำพูดที่สวยงามเหลือเกิน.....
มีใครสักกี่คน ที่ทำ back bending ในท่าสุริยะนมัสการแล้วนึกถึงพระอาทิตย์จริง ๆ


เราแอ่นหลัง กดหลัง แต่เราเปิดส่วนหน้าของร่างกาย โดยเฉพาะใจ หัวใจ
รับพลังงานจากพระอาทิตย์ เพื่อแสดงความเคารพธรรมชาติ..........


....ในพระอาทิตย์.....


ต้นกำเนิดแห่งความสว่าง และพลังงาน
แหล่งแห่งปราณะ
ต้นไม้จะโตได้อย่างไรหากปราศจากพระอาทิตย์
สัตว์จะอยู่ได้อย่างไร
หากขาดต้นไม้
แล้วมนุษย์เราจะอยู่อย่างไร หากไม่มีพืชและสัตว์เป็นอาหาร


สิ่งที่เรามี เราเป็น ต่างมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น
LIFE FORCE อันยิ่งใหญ่แห่ง THE SUN….

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงนมัสการพระอาทิตย์
สังเกตุประโยคสุดท้ายให้ดีนะครับ

.............“I AM THE SUN……..”

กินความหมายลึกซึ้งเหลือเกิน ผมไม่ขอแปลนะครับ



โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:27:20 น.  

 
.........จากประโยคข้างต้น จะเห็นได้ชัดว่า HATHA โยคะ
พยายามเน้นที่ลมหายใจกับร่างกายไปด้วยกัน
Realization เกิดกับร่างกายของตัวเอง ไม่มาก ไม่น้อย

ไม่ต้องขนาดรู้ว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนยก อันไหนหด
เอาความคิดที่จะไปกังวลกับตรงนั้น เชื่อมต่อกับพลังที่สูงกว่า
.....พลังแห่งปราณะ ต้นกำเนิดแห่งชิวิต........
แล้ว FEEL it ครับ ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอย่างไร

ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น หากทำได้ตามที่ประโยคข้างต้นกล่าว เราจะไม่รู้สึกเลยครับ
ว่าการแอ่นหลังมันยากเย็น มันจะสบาย เบา อย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่อาจเปรียบเทียบว่าการฝึก การสอนแบบอินเดียหรือฝรั่งจะดีกว่ากัน
แต่ผม เอามันทั้งคู่แหละครับ (ด้วยความซาปอย)


ฝึกแบบแรกให้ร่างกายชิน เหมือนให้ร่างกายกำหนดการใช้กล้ามเนื่อเองจนติดเป็นธรรมชาติ

จากนั้นปล่อยมันไปครับ
สัมผัสภายในมากขึ้น สัมผัสพลังงานที่มากขึ้น
ให้เหมาะสมกับที่เรากำลังฝึก .....
...........สุริยะนมัสการ......



โดย: เด็กซาปอย วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:12:28:48 น.  

 
ครูปอย

ช่ายเลยยยยยยยยยยยยยย

ครูของวี เป็นแบบนี้ล่ะ

เธอจะทำท่าสวยมากกกกกกกให้เราดู

แล้วเธอก็จะเดินมา คอยจัดท่าให้เราที่หลัง


ขอบคุณเทคนิคดีๆ คร้าบ

เอิ่ม ว่าแต่ครูปอย ช่วยเอา เทคนิคการก้ม มาลงอีกทีจิ น่ะน่ะน่ะ


โดย: สงครามกวี IP: 203.156.85.14 วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:17:35:25 น.  

 
An interesting question...from K.Amiyumi
I hope this can help na krab:)
=================================
Question......พอดีวันนี้มีโอกาสอ่านกระทู้ค่ะ ก็เลยตามลิงค์ไปเรื่อยๆ จนเจอ Back Bend ตอนนี้ฝึกอยู่ค่ะ ทำไมบางวันเราทำได้ดี บางวันหลังก็แข็งทื่อเป็นกระดาน มีทางแก้ไม่ให้หลังเป็นกระดานไม้ค่ะ แล้วก็อีกนิดนึงนะคะ ถ้าสามารถเอามือจับข้อเท้าได้ แต่ว่ายังรู้สึกว่ายังหายใจขัด แบบว่าไม่ค่อยสะดวกเนี่ย ทำยังไงดีคะ ตอนนั้นอาการแบบนี่จะทำให้ไม่อยากฝึก เนี่ยห่างจากเสื่อมาสองสามวันแล้วค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

=================================

ตอบคุณ Amiyumi

เรื่อง Back bending เป็นอะไรที่ประหลาดและอัศจรรย์มากสำหรับผม
อย่างที่บอกครับ ว่าหากเราฝึกโยคะเป็นประจำ จะรู้ว่าใจเราเปลี่ยนตลอดเวลา
ร่างกายมันก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกันสักวัน
ผมเล่นโยคะมา 6 ปี ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่เล่นโยคะแล้วจะรู้สึกว่าเหมือนวันไหน
ธรรมชาติของกายคือความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
วันนี้แอ่นหลังได้น้อย
วันนี้แอ่นหลังได้มาก
สิ่งที่เราควรจะทำ คือทำความเข้าใจในร่างกายครับ
ว่ามันก็เป็นอย่างนี้.....
แต่หากผู้ฝึกมีใจที่เข้มแข็ง
ใจนี่และครับที่จะเป็นตัว force ให้หลังเราแอ่นได้มากขึ้นทีละนิด….”Just enough”
หลังอาจตึง อาจเกร็งบ้างเป็นบางวัน....
แค่สังเกตุแล้วปล่อยมันผ่านไปครับ

อย่าเปรียบเทียบท่าในแต่ละวัน ให้เราใช้ความรู้สึกจะดีกว่า
แต่ผมเชื่อ ว่าแนวโน้มโดยรวม หลังจะค่อย ๆ แอ่นมากขึ้นได้เองครับ
โดยเฉพาะหากอายุยังไม่ขึ้นเลขสาม การเปลี่ยนแปลงจะเร็วมาก
(โยคะเรียกคนที่มีอายุยังไม่ถึง 30 ว่า Boy and Girl ครับ
ดังนั้นหากทำท่าได้ดี มาสเตอร์จะชมบ่อย ๆ ว่า Good boy หรือ Good girl ^ ^
หากมากกว่าเลขสาม ไม่ต้องน้อยใจ เรายังเป็น Teenager ครับ...อิอิ)

ส่วนเทคนิคที่จะทำให้หลังไม่เป็นไม้กระดาน
อย่างที่เคยกล่าว ว่า Back bending ไม่ใช่แค่หลัง ส่วนหน้า ตั้งแต่เท้า ขา อก ยันไปถึงแขนและศรีษะต้องเปิดครับ
อย่างที่แนะนำอยู่บ่อย ๆ เปิดใจครับ แล้วทุกอย่างจะมาเอง
แทนที่คิดจะอยากแอ่นหลังให้ได้มาก
ให้ส่งความรู้สึกไปที่ใจ หายใจให้ลึก แล้วยิ้ม :)

ส่วนที่บอกว่าจับเท้าแล้วหายใจไม่ออก
ผมว่า แอ่นลึกไปครับ ถอยกลับมาอีกนิกจะดีกว่า
ค่อย ๆ ทำไปทีละนิด
ปกติท่า Back bending จะใช้การหายใจแบบ 80:20
คือ หายใจเข้าให้เต็มร้อยก่อน จากนั้นหายใจออกแค่ 20% แล้วก็หายใจเข้าใหม่ให้เต็มร้อย
เพราะปกติในการแอ่นหลัง เราจะหายใจไม่ได้ลึกครับ
อกจะเปิด แต่ช่วงหน้าท้องต้องมีกำลังพยุงหลังไว้
แต่ถ้าสามารถหายใจให้ได้ลึกขึ้นจะดีมากครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:43:56 น.  

 
คุณวี เทคนิคท่าก้มอยู่ในตอย YIN-YANG ครับ
เอามาลงไว้แล้วครับ:)


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:44:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กซาปอย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add เด็กซาปอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.