Group Blog All Blog |
สวนสัตว์และอควอเลี่ยมเชียงใหม่ เข้าไปถึง อันดับแรก ถ้าเอารถยนต์ไปด้วย ณ วันที่เราไป เค้าไม่ให้เรารถเข้าค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่า ปิดเทอม เด็กนักเรียนเยอะ หากอนุญาตให้นำรถเข้าไป อาจเกิดอันตรายแก่ผู้เดินเท้าได้ เพราะฉะนั้น เราต้องเสียค่าจอดรถก่อนเลยค่ะ ถ้าเป็นรถยนต์ 50 บาท รถจักรยานยนต์ 10 บาท รถจักรยาน 1 บาท จากนั้น ก็นำรถขึ้นอาคารจอดรถ เตรียมสัมภาระที่ต้องนำติดตัวไป เช่น อาหาร นม เครื่องดื่ม ของเล่นหลาน _ _' หมวก แว่น กล้อง ถ่าน เรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาซื้อตั๋วเข้าสวนสัตว์ที่ห้องขายตั๋วด้านล่างกันเลย  ห้องขายตั๋ว จะแบ่งออกเป็นสองห้อง คือ 1. ตั๋วที่ขายเฉพาะบัตรค่าเข้าสวนสัตว์ (บัตรผ่านประตูเข้าชมสวนสัตว์เชียงใหม่ปกติ) บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) ๕๐ บาท บัตรเด็ก สูงไม่เกิน ๑๓๕ เซนติเมตร (ชาวไทย) ๑๐ บาท ชาวต่างชาติ Adult 100 Baht ชาวต่างชาติ Child (Under 135 cm.) 50 Baht 2. ตั๋วที่ขายรวมกับอควอเลี่ยม (บัตรเข้าชมศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม"รวมบัตรผ่านประตูหน้าสวนสัตว์และรถบริการเข้าชม) บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) ๒๙๐ บาท บัตรเด็ก สูง 90 -135 เซนติเมตร (ชาวไทย) ๑๙๐ บาท ชาวต่างชาติ Adult 520 Baht ชาวต่างชาติ Child (Under 135 cm.) 390 Baht ขอแนะนำว่า ถ้าคิดจะเข้าไปดูอควอเลี่ยมแล้ว ให้ซื้อจากที่นี่ไปเลย เพราะหากต้องไปซื้อแยกด้านใน จะกลายเป็นเสีย 50 บาทค่าเข้าสวนสัตว์ และ 290 บาทค่าเข้าอควอเลี่ยม ในตั๋วนี้ จะรวมรถรับส่งโดยตรงจากทางเข้าสวนสัตว์ รับ-ส่งที่อควอเลี่ยมเลย แต่หากไปก่อน 10.00 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาเปิดของอควอเลี่ยม แนะนำว่าให้เดินเที่ยวแถว ๆ นั้นก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับไปขึ้นรถนะคะ  จากที่ตรวจตั๋ว เข้ามา ซ้ายมือจะเป็นบ่อน้ำพุ และเริ่มมีส้ตว์ตั้งแต่ทางขวามือเลยทีเดียว เป็นนกฟลามิงโก้ค่ะ เยอะมาก เราสามารถให้อาหารมันได้ด้วยนะคะ เป็นเม็ดอาหารสีเขียว เราต้องตักใส่ขันที่ทางสวนสัตว์เตรียมไว้ให้ เติมน้ำนิดหน่อยให้มันนิ่ม ๆ แล้วก็ไปวางให้มันกินได้เลยค่ะ นกฟลามิงโก้ไม่จิกนะคะ แล้วก็บริจาคค่าอาหารตามอัยาศัย เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็ยังคงเป็นนกค่ะ เป็นนกแก้วมาคลอ อยู่กันเป็นคู่ ๆ เชียว จากนั้นก็เดินตรงขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง เป็นลานถ่ายรูป แล้วเราก็จะเห็นป้ายให้ไปขึ้นรถรับ-ส่ง อควอเลี่ยม แต่เราเลยไปก่อน เพราะพึ่ง 9.00 ไปเดินเล่นก่อนค่ะ ไปเจอฮิปโป (กำลังแสดงอาณาเขตโดยการอึ แล้วก็เอาหางปัด ๆ ๆ สะบัด ๆ ๆ พอดี คิดดูสิค่ะว่า แสง สี เสียง และกลิ่นจะขนาดไหน 5555+) หนูยักษ์ ยีราฟ นกกระจอกเทศ ม้าลาย ตรงนี้มีที่ให้อาหารช้าง ขี่ม้าแคระด้วย   เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ จำได้ว่า ที่นี่ จะมีช้างตัวใหญ่มาก ๆ (หรืออาจเป็นเพราะเราเด็ก เลยเห็นว่าช้างตัวใหญ่) อยู่หลายตัว และรวมถึงช้างมาจากแอฟริกาด้วย เพราะเค้าให้สังเกตุกันที่ใบหูใช่หรือป่าว...ไม่แน่ใจ แต่มาวันนี้ ไม่มีช้างตัวใหญ่ ๆ เหล่านั้นเดินเล่นอยู่ในลานเดียวกับยีราฟแล้ว แต่กลับมีช้างจากสุรินทร์ ตัวกลาง ๆ 1 ตัว ล่ามโซ่ไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นลูกช้างที่ถูกล่ามโซ่ไว้เช่นกัน ที่จริง อยากให้สวนสัตว์ มีที่ให้เค้าได้เดินเล่นเหมือนเมื่อก่อน ไม่อยากจะบอกว่า พอเทียบกับสัตว์บางตัว... ช้าง ที่ในอดีตเคยร่วมกันกู้ประเทศมา จะถูกให้จำกัดอยู่ในสถานที่แค่นั้น ว่าแล้วเราก็เลยซื้ออาหารป้อนทั้งช้างใหญ่และช้างเล็กไปเยอะอยู่เหมือนกัน พอได้เวลา 10 โมงกว่า ๆ ก็เดินย้อนขึ้นไปนั่งรถบริการของทางอควอเลี่ยม ตรงดิ่งไปลงยังจุดหมายปลายทาง เพื่อให้ทันดูการให้อาหารปลารอบ 11 โมง ตั้งแต่ปากทางเข้าก็มีชีวิตสัตว์มากมายให้น่าศึกษา ตั้งแต่ปลาตีนตัวเบ้ง เต่า ปลาคาร์ฟ ด้านในอควอเลี่ยม จัดตู้ปลานา ๆชนิด ไว้เรียงรายสองข้างทาง รวมทั้งยังมีสัตว์ชนิดต่าง ๆ ให้ได้ดูกันด้วย ระหว่างทางมีตู้ปลากระเบนที่นี่ เราได้ลองให้อาหารปลาเค้าด้วย โดยความที่ปากปลากระเบนจะอยู่ค่อนข้างลึกลงไปกลางลำตัว เวลาที่เราให้อาหารเค้า เราต้องใช้นิ้วชี้กับนิ้วนางหนีบอาหารนั้นไว้ แล้วค่อย ๆ ไหลมือลงไปในน้ำ โดยที่มือต้องติดกับกระจก สักพัก ปลาจะว่ายมาหา แล้วเอาตัวนาบกับกระจก แล้วปากก็จะค่อ ยๆ ไหลมาหาอาหารในมือเรา...น่ารักอ่ะ ทางเดิน วนลงไปสู่ด้านล่างของแท้งคเป็นเวลาให้อาหารปลาพอดี ฝูงปลามากมายว่ายมาหานักประดาน้ำ กินอาหารกันอย่างอิ่มหมีพีมัน...ตามเคย ปลาประเบน กว่าจะได้สักตัว..เหนื่อยแทนเลย 555+ แวะถ่ายรูป ออกมาเอารูป พวงกุญแจ กะ รูป เดินออกมาซื้อตั๋วรถ นั่งไปลงเพนกวิน ดูโชว์แมวน้ำ นั่งรถไฟ ไปดูแพนด้า เดินออกกลับ เจอ สิงโต เสือ อูฐ และเดิม ๆ
|
เด็กนิมมาน
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog Link |
||||||||||||
