|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
ในวงการวิชาการมีการพูดถึงความฉลาดนอกเหนือจาก 2 ด้านที่รู้จักกันดีคือ IQ และ EQ เป็น 4 ด้านบ้าง 5 ด้านบ้าง โดยด้านที่ 3 4 และ 5 ได้แก่ 3. AQ (Adversity Quotient) ความสามารถในการแก้ปัญหาและการเผชิญกับวิกฤติ 4. MQ (Moral Quotient) ความฉลาดทางจริยธรรม คุณธรรม หรือ ระดับสติปัญญาทางด้านศีลธรรม โดยนิยามคำว่า คุณธรรมในที่นี้หมายถึง ระดับความเห็นแก่ตัว และ 5 SQ (Social Quotient) ความฉลาดทางสังคม แต่ทั้งหมดนี้ โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า ยังขาดอีกด้านหนึ่ง ที่ผมมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งของปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่ในที่สุดนำไปสู่ปัญหาสังคม และปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม คือ ความฉลาดทางการเงิน ซึ่งผมจะขอเรียกในเบื้องต้นว่า Financial Quotient (FQ) ในประเทศพัฒนาแล้ว การเรียนรู้เรื่องการจัดการการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่รัฐต้องมอบให้กับทุกคนตั้งแต่ระดับประถมยันมัธยม แต่ในบ้านเรา ถ้าไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการเงิน บัญชี เศรษฐศาสตร์ แม้จบปริญญาตรีก็ไม่มีโอกาสได้รู้เรื่องนี้เว้นแต่ว่าสนใจศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ทำให้คนเกือบทั้งหมดจัดการการเงินของตัวเองตามเหตุผลและอารมณ์ที่ตนมีอยู่ ผมได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับข้าราชการระดับปฎิบัติการของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และได้พบว่าเค้ามีความคิดทำนองเดียวกัน ก็เลยยุให้เค้าทำโครงการเพิ่มความฉลาดทางการเงินให้กับรากหญ้า โดยการสร้างหมอเงินประจำหมู่บ้าน เค้าก็เลยคิดว่าจะทำโครงการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมฯ ประจำหมู่บ้านให้มีความรู้ด้านการจัดการทางการเงินและเป็นที่ปรึกษาให้กับคนในหมู่บ้านที่มีปัญหาทางการเงิน แม้ว่าการดำเนินการทำนองนี้ อาจจะแก้ปัญหาได้เพียงน้อยนิด เพราะเมื่อลงไปปฏิบัติจริงอาจจะเจออุปสรรคมากมาย และปัญหาใหญ่ขนาดนี้ คงต้องร่วมมือกันหลายแรงจากหลายหน่วยงาน อีกทั้งต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน แต่ถ้าไม่เริ่มต้นนับหนึ่ง ก็จะไม่มีนับสอง
Create Date : 31 ธันวาคม 2562 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2562 13:31:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 616 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|