เพลงพระเจ้าตาก
คาราบาว
ยุทธศาสตร์ยิ่งใหญ่ ความตั้งใจเด็ดเดี่ยว
มื้อนี้เราจะเคี้ยวข้าว และทุบหม้อข้าว
ตีแหกฝ่าวงล้อม ลุยพม่าข้าศึก
นึกถึงความเป็นไทย ดีกว่าไปเป็นทาส
สองมือถือดาบอย่างมั่นใจ
นักรบไทยของพระเจ้าตาก
ฝากฝังกรุงอยุธยา
วันข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน
แผ่นดินไทยดาลเดือด ทัพข้าศึกรุมล้อม
มัวแต่กล่อมสตรี เริงโลกีย์เป็นหลัก
นักรบกลายเป็นศพ พบกับความปราชัย
เจ้าตากทนไม่ได้ แผ่นดินไทยเป็นหลัก
นักรบคือนักรบ นักสู้แห่งกรุงศรี
ตีฝ่าทัพตองอู ตายหรืออยู่ไม่สําคัญ
คืนนี้จันทร์หลับไหล แหกวงในวงล้อม
อ้อมออกจากกรุงศรี ไปเข้าตีเมืองจันทน์
ยึดเมืองจันทบุรี เป็นชุมนุมเจ้าตาก
ตีชุมนุมต่างๆ ตีเจ้าฝางให้แตก
ทบทวนความพ่ายแพ้ แก้ไขยุทธวิธี
รวมชุมนุมที่มี ก่อนโจมตีเจ้าฝาง
พ่ายแพ้เป็นบทเรียน ทําจากเล็กไปใหญ่
เจ้าฝางชะล่าใจ ในไม่นานก็แตก
จากอยุธยา มาเมืองจันทบุรี
มากรุงธนบุรี ไทยจึงมีเอกราช
จากอยุธยา มาเมืองจันทบุรี
มากรุงธนบุรี ตากสินมหาราช
สองมือถือดาบอย่างมั่นใจ
นักรบไทยของพระเจ้าตาก
ฝากฝังกรุงอยุธยา
วันข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน
สองมือถือดาบอย่างมั่นใจ
นักรบไทยของพระเจ้าตาก
ฝากฝังกรุงอยุธยา
วันข้างหน้าข้าจะมาทวงคืน
ลางาน 1 อาทิตย์ที่แล้วเพื่อดูแลตัวเองให้ดีกว่าเดิม ไม่สบายคราวนี้เหมือนไม่หนักเท่าไรแต่ต้องใช้เวลาในการดูแลตัวเอง ไข้หวัด(ใหญ่) พ.ศ.นี้ยืดเยื้อเหลือเกิน มีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ไม่มีน้ำมูก คอแห้ง ไอตลอดเวลา ไอจนระบมท้องในวันแรกๆ ผ่านไปสองถึงสามวันอาการไอทุเลาลงแต่ยังมีไอเป็นระยะเมื่อได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เช่น กลิ่นเขม่าควันรถ กลิ่นแกงเผ็ดต่างๆ กลิ่นน้ำพริกจะไอเป็นบ้าเป็นหลังบางครั้งไอจนอ๊วกถึงจะสาสมใจ....55555...วิธีดูแลคือจิบยาแก้ไอและดื่มน้ำอุ่นถึงร้อนตลอดเวลา ทานของอุ่นๆ ไม่ทานน้ำเย็นหรืออะไรก็ตามที่แช่เย็นก็พอทุเลาได้แต่ยังไม่หายขาด ไปหาหมอที่ทำงานก็ให้แต่ยาเม็ดมาเป็นชุด กลับมาบ้านมาโยนเก็บไว้เพราะขณะที่ไปหาหมอไม่ได้มีไข้อะไรมีแค่อาการไออยากได้ยาน้ำกลับให้ยาเม็ดซะงั้นก็เลยประท้วงเอามาทิ้ง...55555...ผลตอนนี้ก็ยังไอเป็นระยะเสียงแหบเป็นเป็ดไล่ทุ่งเลย..
มีเวลาหยิบหนังสือนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องตากสินมหาราชซึ่งแต่งด้วยคุณแรเงาเจ้าของบทประพันธ์ในรูปบทละคร และคุณบงกชเพชรเป็นผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอด ดัดแปลงและแปรรูปเพื่อให้เหมาะเป็นนวนิยายมาอ่านอีกครั้งหลังจากอ่านมาหลายปีแล้วก็นึกถึงเพลงพระเจ้าตาก
จขบ. ภาคภูมิใจที่เป็นคนวงเวียนใหญ่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และตั้งแต่เล็กจนโตทุกวันที่ผ่านอนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งแต่จำความไม่ได้จนจำความได้ก็ยกมือไหว้ทุกครั้งที่ผ่าน ด้วยจิตสำนึกว่าท่านต้องมีความสำคัญมีบุญคุณเอนกอนันต์ต่อประเทศเราและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ควรเคารพบูชา
จนโตขึ้นมาถึงได้เรียนรู้ถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ และประชาชนทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจกันถวายพระนาม มหาราช แด่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และพสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกันสร้างพระราชอนุสาวรีย์พระองค์ท่าน ประดิษฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ซึ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี คณบดีประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรขณะนั้น เป็นผู้ออกแบบ ได้ประกอบพระราชพิธีเปิดและถวายบังคมพระบรมราชอนุสาวรีย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2497 และในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2497 จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ นับแต่นั้นมาจึงได้กำหนดให้ วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันเสวยราชย์ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ไทย และในทุกปีของวันนี้จึงมีพิธีถวายบังคมพระบรมราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ส่วนพระราชประวัติต่างๆ ก็คงหาอ่านได้ตามหน้าเวปและหนังสือต่างๆ มากมาย พระองค์ท่านทรงมีพระคุณต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาประมาณมิได้ ทรงลำบากพระวรกายออกกรำศึกสงครามตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ทรงครองราชย์และเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวของราชวงศ์กรุงธนบุรี พระองค์ทรงแลกเลือดเนื้อและชีวิตของพระองค์ท่านพร้อมกับนักสู้ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่เป็นเหล่าบรรพชนของไทยที่ควรเอาเยี่ยงอย่างด้านการเสียสละและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชไม่ให้บ้านเมืองของเราตกเป็นทาสใคร เพื่อให้ลูกหลานไทยทุกคนได้มีแผ่นดินเป็นที่อาศัยและทำมาหากินอย่างร่มเย็นเป็นสุขจนถึงทุกวันนี้
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับจิตสำนึกของลูกหลานไทย ที่แก่งแย่งอำนาจชิงดีชิงเด่นกันเองถึงขนาดลุกขึ้นมาฆ่าฟันคนไทยด้วยกันเองไม่ว่าจากเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน และพฤษภาคมที่ผ่านมาที่คนไทยถึงจะเป็นคนต่างสีต่างพวกกับรัฐบาลทำไมต้องทำร้ายเค้าพวกนั้นให้ต้องตายด้วยศาลเตี้ยเหมือนไม่ใช่คนไทย แต่ด้วยฝีมือของคนไทยด้วยกันเอง ลองหันกลับไปดูบรรพบุรุษของไทยที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อเสียชีวิตกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นกี่แสนคนเพื่อให้ชาติไทยเป็นชาติไทยอยู่ทุกวันนี้...แล้วละอายใจกันบ้างไหมที่สำคัญคนที่กระทำการยิงเข่นฆ่า และคนที่สั่งฆ่ายังตากหน้า ลอยหน้า ลอยตาอยู่ในสังคมโดยไม่สำนึกผิดได้อย่างไร เพราะเรื่องทุกอย่างนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังเงียบสงบเหมือนทะเลยไร้คลื่น ทั้งที่ผู้คนอย่างเราๆ ต่างรอคอยผลว่ารัฐบาลนี้จะจัดการและมีขบวนการต่อไปอย่างไรที่จะจัดการเรื่องราวของคนที่ต้องตาย บาดเจ็บ และสูญเสียพ่อแม่พี่น้องญาติ และทรัพย์สินไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่บ้าอำนาจและสั่งการต่างๆ รู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันน่าภาคภูมิใจสักเพียงไหน ที่ได้อำนาจทุกอย่างมาด้วยการผ่านการเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองแล้วยังปกปิดหมกเม็ดทำทุกอย่างให้เหตุการณ์เหล่านั้นหายไป...แต่มันคงหายไม่ได้เพราะภาพต่างๆ ที่เกิดมันยังติดตาและติดอยู่ในหัวใจคนไทยเสมอ...และไม่มีวันลืมเลย
นอกจากนี้ภาพเด็กโรงเรียนต่างๆ ที่ยกพวกออกมาตีกันเมื่อเร็วๆ นี้ และโดยเฉพาะในวันสถาปนาสถาบัน ซึ่งดูเป็นประเพณีไปเสียแล้วที่เมื่อถึงวันนี้จะต้องมีผู้คนเสียชีวิตและบาดเจ็บไม่ว่าเป็นนักเรียนจากต่างสถาบัน หรือประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับสถาบันก็ต้องมาบาดเจ็บล้มตายเพราะความบ้าสถาบัน ที่ไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนสั่งสอนแบบนี้ว่าวันสถาปนาต้องออกไปแสดงอำนาจด้วยการไล่ตีนักเรียนต่างสถาบันที่เป็นคู่แข่ง เมื่อก่อนแค่ยึดเครื่องหมายเข็มขัด เสื้อช็อป หรืออะไรก็ได้ที่สามารถยึดมาได้แต่ปัจจุบันนี้ถึงกับไล่ฟัน ไล่ฆ่าหรือปาระเบิดยิงปืนใส่ โดยนักเรียนต่างสถาบันไม่มีโอกาสรู้ตัวเลย มันเท่ห์ตรงไหน มันแสดงอำนาจตรงไหน ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่ทำตัวเหมือนหมาลอบกัด ทำตัวเหมือนชายกระโปรงที่ไม่กล้าต่อสู้กันซึ่งๆ หน้าดีแต่แอบทำคนที่ไม่มีทางต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธสารพัด แล้วลูกหลงก็ไปตกกับประชาชนคนอื่นๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเสียชีวิตเหมือนเด็กอายุแค่ 9 ขวบที่เป็นเด็กดีและเป็นอนาคตของแม่ที่เด็กตั้งความหวังจะช่วยเหลือแม่เลี้ยงครอบครัวเพื่อให้มีชีวิตอยู่ดีกว่าปัจจุบัน ดูข่าวแล้วน่าเศร้าใจมาก...
นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ผู้คนไร้จิตสำนึก ลืมความเสียสละของบรรพบุรุษที่แลกเลือดเนื้อเพื่อให้มาเข่นฆ่ากันในปัจจุบัน อย่าว่าแต่เด็กก็ในเมื่อผู้ใหญ่ที่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ ได้เห็นภาพดีๆ ผู้ใหญ่บางคนยังทำตัวแย่ๆ นึกจะสั่งฆ่าใครก็ฆ่ากันเป็นว่าเล่น อยากได้อำนาจ อยากได้วาสนาที่บางทีตนยังไม่ถึงเวลาแต่อยากได้ก็หาทางทุกอย่างเพื่อให้ได้มาด้วยการทำทุกอย่างบางทีถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อถึงแก่ชีวิตก็มี เด็กได้เห็นภาพผู้ใหญ่เป็นอันธพาลอยู่ในสังคมผ่านสื่อต่างๆ มากมาย แล้วเด็กๆ จะเอาตัวอย่างที่ดีมาจากที่ไหนได้
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กไทยมีจิตสำนึก ก่อนอื่นควรปลูกจิตสำนึกการเป็นคนดีตั้งแต่เด็กๆ สถาบันต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือกัน ตั้งแต่สถาบันครอบครัว สถาบันรัฐที่ต้องพัฒนาหลักสูตรแบบเรียนการปลูกจิตสำนึกการเป็นคนดีเรียนรู้การเสียสละของบรรพชน หน้าที่การเป็นพลเรือนที่ดี หน้าที่ศิลธรรมที่ดี ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาประเทศ ไม่งั้นคงเห็นการตาย การเข่นฆ่ากันง่ายๆ แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และเมื่อถึงวันนั้นทุกอย่างก็คงจะสายเกินแก้ เพราะขนาดทุกวันนี้ทั้งผู้บริหาร ผู้ปกครอง ผู้คนต่างขาดจิตสำนึกความเป็นคนดี เห็นแก่ตัวขาดความรับผิดชอบแล้วประเทศจะเจริญได้อย่างไรหากใจคนยังไม่พัฒนาคะ...
และลองมาดูพระราชอาณาเขตในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ท่านทรงครองราชย์เพียงแค่ 15 ปี ว่ากว้างขวางแค่ไหนกันเล่นๆ นะคะ
ทิศเหนือ ตลอดอาณาจักรล้านนา
ทิศใต้ ตลอดเมืองไทรบุรีและตรังกานู
ทิศตะวันออก ตลอดกัมพูชาจนญวนใต้
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดนครเวียงจันทน์ หัวเมืองพวน นครหลวงพระบาง หัวพันทั้งห้าทั้งหก
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดเมืองพุทธไธมาศ
ทิศตะวันตก ตลอดเมืองมะริดและตะนาวศรีออกมหาสมุทรอินเดีย
ปล. ได้ข่าวว่า รบ. ต่อ พรก. ฉุกเฉินใน กทม. นั่งขำกลิ้ง ทีซื้อล๊อตเตอรี่ไม่ยักกะถูกแฮะค่ะ....คิดไว้ไม่มีผิดว่า รบ. ต้องต่อ นี่เล่นต่อซะ 3 เดือนถึงมกราคมปีหน้าโน่น แบบขาดเหตุผลในการต่อ เล่นกันแบบ เล่นเองชงเองตบเอง อยู่พวกเดียวคิดว่าคนอื่นเค้ารู้ไม่เท่าทันเหรอคะ...เบื่อวะค่ะ...พวกแกไม่เบื่อบ้างเหรองัยที่เดี๋ยว ชง เดี๋ยวตบ เดี๋ยวเล่นเสร็จสรรพเองทั้งหมด ถ้าพวกแกไม่เบื่อแต่ช้านเบื่อนะโว๊ยยยย...ค่ะ
ต้องคิดเยอะๆเลยครับ
โดยเฉพาะพวกนักการเมืองทั้งหลาย
อยากให้เค้าได้มาอ่านจังครับ