เมื่อเช้าตื่นเช้าแบบปกติทุกวัน...เปิดข่าวดูเห็นข่าวนายกประชาธิปปัตย์ เอ๊ย นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปบุรีรัมย์ ข่าวนำเสนอว่าทุกอย่างเป็นอย่างเรียบร้อย มีผู้คนมากมายให้การต้อนรับ แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนช่างสังเกตก็เห็นผู้คนที่ไปต้อนรับส่วนมากใส่เสื้อสีน้ำเงินเต็มไปหมด....55555...ไม่คิดมากค่ะ ใส่เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงิน และใส่สูทสีดำผูกเนคไทกันโก้หรูเต็มไปหมด ถ้าจะมองสีอื่นๆ ก็มีสีเขียว สีต่างๆ ยืนรวมกันเป็นกลุ่มก้อนแบบพวกใครพวกมัน ความรู้สึกที่ดูภาพนั้นเหมือนถูกกะเกณฑ์ให้มาต้อนรับยังไงยังงั้น ผู้คนก็ดูหรอมแหรมที่ยืนต้อนรับระหว่างที่รถอีแต๋นค่อยๆ แล่นผ่านไป แล้วเนื้อข่าวก็ค่อยๆ มีภาพนายกเดินให้ชาวบ้านสีน้ำเงิน เอ๊ย..!!..ไม่ใช่ แหมผิดบ่อยจังเลยเรา...ให้ชาวบ้านต่างๆ ผูกผ้าขาวม้าที่เอว...ที่เริ่มกลมหลังจากรับตำแหน่งของนายกคนนี้ พร้อมคนคุ้มกันที่มากกว่าชาวบ้านซะอีก...55555....ดูแล้ว..นะ..ไม่ได้แล้วต้องหาข่าวซะหน่อย...ก็เลยเก็บข่าวจากในเนทมาฝากเผื่อใครขี้เกลียดหาอ่านค่ะ


ข่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้นำคณะลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์เพื่อเปิดโครงการห้องสมุดรถไฟ เป็นประธานเปิดถนนไร้ฝุ่น เยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำลำตะโคงของกรมชลประทานเพราะมี รมต.กระทรวงเกษตรฯ ที่เคยเป็นอดีตอธิบดีกรมชลฯ ร่วมไปด้วย เคยอ่านเนื้อข่าวนี้มาหลายวันแล้วเรื่องที่นายกจะเดินทางไปบุรีรัมย์โดยแอบนัดหมายกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่มีคนให้ฉายาว่า "นายกรัฐมนตรีเงา" ตัวจริง แถมยังเป็นเงาที่มีอำนาจเหมือนรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริงเสียด้วย เรื่องราวนี้ตอนที่เป็นข่าวกลายเป็นโจ๊กการเมือง ตรงที่นายเนวิน ชิดชอบปฏิเสธนักข่าวว่าไม่ได้เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีที่บ้านพิษณุโลกแต่อย่างใด โดยระบุว่าสื่อเข้าใจผิดไปเอง แต่นายกกลับให้ข่าวว่ากินข้าวหารือร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่บ้านพิษณุโลกจริง....55555....ตกลงในตอนนั้นทำให้คนสงสัยว่าคนไหนชอบโกหกมากกว่ากัน ปัจจุบันได้คำตอบว่า นายเนวิน ชอบโกหกหลอกลวงมากกว่านั่นเอง ขอโยงไปเหตุการณ์ที่ชลบุรีก็เหมือนกันที่ตอนแรกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ไป แต่พอมีรูปโผล่ออกมา ก็บอกว่าไปธระแถวนั้น...ทุกอย่างจึงยืนยันได้ว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ มักชอบโกหกมากกว่าพูดจริง (จะด่วนสรุปแบบนี้ได้ป่ะคะ)


ในที่สุดนายกก็ได้ไปบุรีรัมย์แบบสมใจอยากของนายก หรือใครบางคนในคณะรัฐบาลที่อยากให้ไปสร้างภาพ เพื่อประกาศให้ชาวบ้านได้รู้ว่า "ฉันเหยียบอีสานได้..แต่ขอโทษทีแค่ จ. เดียว และเป็น จ. ที่มีใครหลายคนมีอิทธิพลเหนือประชาชนบางคน ที่พวกเค้าเหล่านั้นสามารถดำเนินการและสั่งการให้ทำการสร้างภาพต่อไปได้และแล้วขบวนการสร้างภาพต่างๆก็เริ่มปรากฏขึ้น โดยนายกโผล่หน้าดำๆ (ตั้งแต่รับตำแหน่งนายกหมดราศีไปเยอะ จากที่เคยหล่อ ก็ขี้เหร่ขึ้น จากที่หุ่นเพรียวผอมดูดี ก็เริ่มลงพุง ป่องตามสภาพเงินกู้ที่ไปกู้มากู้เยอะเท่าไรก็ป่องมากเท่านั้น เพราะเริ่มจะกินจุ และเป็นท้องมารอะไรแบบนี้)


ฉะนั้นจังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นเขตอิทธิพลทางการเมืองของ ตระกูลชิดชอบ ผูกขาด ส.ส.มาตั้งแต่สมัย ชัย ชิดชอบ ตกทอดมาถึงลูกหลานและคนในครอบครัวชิดชอบ ส่งใครสมัครก็มักจะสอบได้หมด บุรีรัมย์เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคอีสาน อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เลยโคราชไปหน่อยเดียว มีคำขวัญประจำจังหวัดว่า "เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม" ถ้านับจำนวนประชากรที่มีอยู่กว่า 1.5 ล้านคน ก็เป็นจังหวัดที่มีคนมากอันดับ 6 ของประเทศ ปราสาทที่ขึ้นชื่อลือชาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของบุรีรัมย์ก็คือ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง และ ปราสาทหินเมืองต่ำ

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

ปราสาทหินเมืองต่ำ

เหตุผลที่นายกเลือกไปอีสานและไปที่ จ.บุรีรัมย์ ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีนักการเมืองมีอิทธิพลในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพราะเมืองไทยเราเป็นแบบนี้มาช้านานแล้ว เป็นความผิดของใครไม่รู้ ไม่ว่าประชาชน ไม่ว่าระบบการเมือง สภาพแวดล้อม ที่ทำให้คนในพื้นที่ตัดสินใจยอมสยบต่ออิทธิพลของนักการเมืองที่สามารถชี้นกให้เป็นไม้ ชี้ไม้ให้เป็นนกได้ แล้วผลที่ได้คือไปก่อความเดือดร้อนในสภา ทำให้การทำงานในระบบสภาติดๆ ขัดๆ ต้องยอมสยบให้กับนักการเมืองบางคนจะเรียกร้องเอาอะไรก็ได้เพื่อให้ได้คะแนนและได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลแบบรัฐบาลนี้ บทความนี้จึงอยากให้พ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคนเวลาที่จะเลือกนักการเมืองสักคนเพื่อเข้าไปเป็นผู้แทนของเราในสภา ควรดูที่นโยบายการทำงาน และผลงานที่ทำผ่านมา ไม่ใช่ดูแค่ พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของนักการเมืองฝ่ายไหนมีอิทธิพล หรือหวังแค่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยที่นักการเมืองแจกให้เหมือนให้ทาน แม้แต่การแจกเงิน 2 พันบาทที่ผ่านมาและเป็นการวัดว่ารัฐบาลทำโครงการการแจกเงิน 2 พันล้มเหลวทำให้ดูได้ว่า โครงการแค่ซื้อเสียงซื้อใจประชาชน แต่อนาคตไม่มี


งานนี้ประโยชน์จึงได้ 2 ฝ่าย คือ นายก ได้หน้าที่ได้มีโอกาสได้ไปเหยียบผืนดินอีสาน ที่เป็นพื้นที่สีแดง ของอดีตท่านนายกทักษิณ และนายกอย่างนายอภิสิทธิ์ก็ไม่สามารถทำได้ดีเท่า ก็เลยเหมือนภาพลวงตาแค่ลวงแค่หลอกกันไป....อย่างเพลงนี้ล่ะค่ะ...ส่วนนายเนวิน ได้แสดงให้ประชาชนเห็นอำนาจบารมีที่สามารถคุมบังเหียนคนใน จ.บุรีรัมย์ ไม่ให้ออกมาทำอะไรระหว่างที่นายอภิสิทธ์และคณะอยู่ที่ จ. บุรีรัมย์ ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ทำทั้งหมดก็แค่เพื่อรักษาฐานเสียงหากมีการเลือกตั้งใหม่..(อีกไม่นาน)...การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่นายเนวิน ถนัดมากเพราะคุ้นๆ ว่าเคยทำสมัยท่านนายกทักษิณ เนอะค่ะ...


หลังจากที่นายกเสร็จภาระกิจที่ จ.บุรีรัมย์ พอกลับมาก็มีคนคุยอวดตามนิสัยถนัดว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี แล้วเตรียมที่จะบุกเชียงใหม่ ถิ่นเพื่อไทยต่อไป...อ้าว..ว่าไงคะพี่น้องภาคเหนือ โดยเฉพาะ คนใน จ.เชียงใหม่ พร้อมยินดีต้อนรับคณะทำงานรัฐบาลชุดนี้หรือยังคะ..อย่าลืมไปปรึกษา ศึกษากับพี่น้องชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินยืนต้อนรับหัวแดงแบบหรอมแหรม นะคะอย่าให้น้อยหน้าเค้าล่ะคะ เตรียมเชือก..เอ๊ย..สายสิญจ์ผูกข้อไม้ข้อมือไล่ขวัญ ...เอ๊ย..รับขวัญนายกสุดหล่อของไทยกันนะคะ..(ประชดล้วนๆ ค่ะ) และคุณที่ออกมาบลัฟ เกทับ ว่านายกคนนี้สามารถเดินทางไปอีสานได้ ก็แค่ จ. เดียว อย่างเพิ่งคุยไป เก่งจริงไป อุดรฯ กาฬสินธิ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และ จ.อื่นอีกมากมาย ไม่ใช่แค่ จ. เดียวแล้วมาคุยโวโอ้อวดค่ะ..ได้ฟังข่าวแล้วเกิดอาการเซ็งค่ะเซ็ง...ทำได้เมื่อไรค่อยมาโว มาคุยค่ะ


อ่อ...ได้อ่านข่าวว่างานนี้เสื้อแดง-เหลือง-เขียว ถูกสกัด ไม่ให้เข้าใกล้นายกฯและเป็นพี่้น้องในเขต อ.โนนดินแดง ,นางรอง และ ชำนิ...เอ..งงค่ะ...ว่า อ. เหล่านี้ไม่ใช่ อ.ในเขต จ. บุรีรัมย์เหรอคะถึงไล่ให้เค้ากลับฐานที่ตั้ง หรือเป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ได้ใส่เสื้อสีน้ำเงินคะ...ไม่เก่งจริงนิหว่าคะ...แบบนี้ไงคะถึงว่าสร้างภาพล้วนๆ..ตัวเองไม่เกลียดอะไรเท่ากับใครบางคน หรือรัฐบาลมองว่าเราโง่เหมือนควาย ที่มองเกมที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพสร้างฉาก สร้างสีสรรมาตลอดก่อนเป็นรัฐบาลและเป็นรัฐบาลแล้วก็ยังพยายามสร้างภาพไม่หยุดไม่หย่อน อยากบอกว่า..ขี้เกลียดแกล้งโง่อีกต่อไปแล้วค่ะ...วันนี้เลยขอพูดซะหน่อยจะเป็นไรไป...จะโดนปิดเหมือนคุณอัยย์ก็เอาเหอะค่ะ...ว่าไงคะคุณอัยย์ต้องการเพื่อนมั๊ยคะนั่น....555555555.....




อ่อ...มี ปล.

ที่นายกคนปัจจุบันได้พูดว่า "ยินดีจะไป(ไปเชียงใหม่) และขอย้ำอีกครั้งว่า กรุณาไปถามคนขัดขวาง ตนไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง หากสังคมบอกว่าตนควรจะไปแล้วเกิดการปะทะกันบ้างแต่ไม่เป็นไรนั้น ตนไม่มีปัญหา เเต่ขอถามว่าคุ้มหรือไม่ แล้วขอถามว่าคนที่มาขัดขวางนั้นเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หากเป็นประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนทำงาน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศ" แหมๆๆ อยากหัวเราะให้ดิ้นตายเลยอ่ะค่ะ...ตรงที่ "ประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนทำงาน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศ" ก๊าก...กก..ก (ขำปนสมเพชค่ะ) ประโยคนี้คุ้นๆ กะการกระทำนะคะที่เคยไปทำกะรัฐบาลก่อนไว้ ตรงที่เค้าไม่ทันจะบริหารประเทศ พวกตัวเองก็ตีรวนหาเรื่อง ไม่เข้าสภา หาเรื่องรายวัน ทั้งกระตุ้น ทั้งอยู่หน้าบ้านหลังบ้าน เพือให้รัฐบาลที่แล้วหลุดวงโคจรเพื่อให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาล วันนี้ยังกล้าพูดคำๆ นี้อีกเหรอคะ...น่าไม่อายจริงๆ เล๊ย ตัวเอ๊งงง...งง..ง