ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้าหาอำนาจ แต่ไม่อาจเอื้อมถึง จึงหมดสิ้น ไร้ศักดิ์ ไร้ศรี อาจไร้ซึ่งแผ่นดิน มีมลทิน ถึงคราวสิ้นศักดิ์ที่มี
สิ้นชื่อ สิ้นเสียง ที่ใฝ่หามา เพราะเข่นฆ่า ไล่ล่าและย่ำยี ใครขวางทาง ก็จะคอยต่อยและตี คอยราวี ห้ำหั่นจนบรรลัย
สนใจแต่พวกพี่น้อง ผองพวกข้า คอยปกปักษ์รักษา ถ้าอยากได้ จงบอกมา ว่าอยากได้ในสิ่งใด ก็จะให้ ถึงจะผิดไม่หวั่นเกรง
เพราะไม่คิดว่าจะมีใครใหญ่กว่ากัน ตัวกูนั้นยิ่งใหญ่ หรือใครกล้ามาข่มเหง พวกกูมีมากมาย พวกมึงจงยำเกรง กูจะเบ่ง รึมึงกล้ามาต่อกร
วันนี้พวกมึงได้เห็นดี กูส่งคนมีสี มาสั่งสอน ไม่เกรงกริ่ง แก๊สน้ำตา เลิกเว้าวอน กูจะสอน ด้วยปืนยาง และปืนจริง
ความเลวกูยังมีอีกหลายสิ่ง โง่ และหยิ่ง คิดแบบควาย กัดแบบหมา กูจะสู้ กูจะทำ เพื่อให้จะได้มา แค่กูบ้า แค่กูบอ แค่เป็นอันธพาล
โอ้อนิจจา กูมิรู้ตัวเลยว่า... ตระกูลแค่ขี้ข้า ที่เขาเล่ากล่าวขาน กูแค่มักใหญ่ใฝ่สูง จนเกินการ ทะเยอทะยาน อยากเป็นใหญ่ในพารา
กูคงตกนรก หมกไหม้ทรมาน ไฟนรกเผาผลาญ ในวันหน้า เพราะกูสะสมความชั่วไว้นานา ไม่นานช้า กูคงต้องรับกรรมเวร...
เครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศชาติ ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรง-ตั้งข้อสงสัยการทำงานของ จนท.
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศชาติ ประกอบด้วยนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน คนรุ่นใหม่ อายุไม่เกิน 35 ปี และองค์กรเครือข่าย
ได้แก่ เครือข่ายนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มกล้าธรรมม์, สาธิตมัฆวาน, เครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ และกลุ่มเสื้อลายดอก ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง ประณามความรุนแรง และตั้งข้อสงสัยการทำงานของเจ้าหน้าที่ ระบุว่าจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งเหตุการณ์ในคืนวันที่ 22 เมษายน 2553 ซึ่งสะเทือนขวัญ สะเทือนใจของคนทั้งประเทศ สะท้อนให้เห็นความเลวร้ายในจิตใจของผู้สั่งการ และความหละหลวมของฝ่ายความมั่นคง ทางเครือข่ายฯ มีความเห็นและข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์ดังนี้
1. ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบเหตุ และญาติมิตรของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเกมแห่งอำนาจทุกคน
2. ขอประณามจิตใจที่ต่ำช้า ของผู้ปฏิบัติความรุนแรง และผู้ที่สั่งการ ผลเวรแห่งกรรมชั่วจักต้องสนองต่อผู้ที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
3. ขอตำหนิความหละหลวมของผู้ที่มีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ทั้งฝ่ายรัฐบาล ทหาร และตำรวจ เหตุการณ์นี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีการจับตัวผู้บงการ มาลงทัณฑ์ และไม่สามารถปกป้องชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
ทางเครือข่ายฯ เสนอให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ หากไม่ประสงค์ที่จะทำหน้าที่ ก็ควรที่จะยุติบทบาทในการดูและประชาชน
เพราะเครือข่ายฯ เห็นความหละหลวมในการตั้งด่านตรวจอาวุธ ที่ไม่เคยตั้งใจตรวจเท่ากับการตรวจแอลกอฮอล์ หรือตรวจจับความเร็ว ที่ง่ายต่อการได้อามิสสินจ้าง หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคนใด ประสงค์ที่จะเกษียณอายุราชการ โดยไม่มีความขัดแย้งกับผู้ก่อการ ทางเครือข่ายฯ ยินดีแคะกระปุกเงินค่าขนม เพื่อให้เกษียณอายุก่อนเวลา สุดท้ายนี้ ขอให้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง โปรดพิจารณาเพื่อความเป็นปกติสุขของชีวิตประชาชน.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เศร้าใจกับข่าวคราวที่ได้รับรู้เมื่อคืน ที่ประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมในกลุ่มหลากสี ซึ่งหลากสีจริงๆ ถึงแม้จะมีสีเหลืองปะปนมากกว่าสีอื่นก็ตาม แต่ก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน ข่าวที่น่าเศร้าใจแบบนี้ไม่เศร้าใจได้อย่างไร...เมื่อเช้าไปทำงานด้วยความหดหู่ ไปถึงที่ทำงานก็มีผู้คนหลากสี แต่สีที่แบ่งกันอย่างเด่นชัด คือ สีเหลือง กับ สีแดง นิสัยกิจวัตรประจำวันระหว่างคนเสื้อเหลือง กับคนเสื้อแดงในที่ทำงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สีแดงจะเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบ คุยกันเบาๆ และรู้ว่าควรคุยกะใคร ไม่ก้าวร้าว ไม่ก้าวก่ายคนที่ไม่ใช่เสื้อสีเดียวกันและคุยได้กับทุกคนแม้คนนั้นกำลังด่าว่าคนเสื้อแดง ถึงไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่โต้แย้ง ขัดแย้ง รับฟังเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ระบายและพูดได้เต็มที่จนพอใจ ถ้ามีโอกาสค่อยแจกแจงด้วยเหตุและผล ผิดกับคนเสื้อเหลืองที่ออกแนวโหวกเหวกโวยวาย คอยชักชวน ชี้แนะชวนเชื่อ ไม่ค่อยมีเหตุผล มีเหตุผลเดียว คือสีเหลืองพันธมิตรถูกต้องทุกอย่าง รัฐบาลถูกต้องทำอะไรก็ไม่ผิด คนเสื้อแดงคือผู้ผิดตลอดไม่ว่าเหตุการณ์อะไรก็ด่าไว้ก่อนแม้ภายหลังจะมีสิ่งพิสูจน์ว่าไม่ผิดก็ตาม ถ้าไม่ผิดก็ทำเฉยไม่พูดถึงไม่ขอโทษ ไม่สนใจ ให้ทุกคนฟังและสื่อข้อมูลทางลบที่ได้รับมาด้านเดียวอย่างจริงจังและเสียงดังไม่เกรงใจใครเหมือนโลกใบนี้ต้องมีแค่สีเหลืองสีเดียว
แต่รู้บ้างไหม..ไม่ว่าสีอะไรทุกคนก็คือเพื่อนร่วมงาน ที่ต้องทำงานร่วมกัน อยู่ในสังคมเดียวกัน ถึงความเห็นแตกต่างความคิดแตกแยกกันไป แต่เราก็ต้องทำงานด้วยกันไปอย่างนี้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยและแต่ละฝ่ายก็ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดความรู้สึกใครได้ คนเสื้อแดงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่าอันไหนที่จะทำให้กระทบกระทั่งกันก็จะหยุดและอดทนให้ถึงที่สุด ซึ่งก็ผิดกับเพื่อนๆ ที่เป็นสีเหลืองจะไม่ยอมหยุดจะเอาชนะคะคานด้วยคำพูด ท่าทางเหมือนหล่อหลอมมาจากเบ้าเดียวกันหมดทุกคน...และในสังคมอื่นก็เป็นแบบนี้เช่นกัน...
เป็นสิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมของไทยเรา การแตกแยกเห็นกันได้อย่างชัดเจนไม่ว่าสังคมที่บ้านหรือครอบครัว สังคมภายนอกไม่ว่าที่ทำงาน หรือการพบปะผู้คนภายนอก ที่เป็นไปอย่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
นั่งคิดมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น มาจากอะไรกันหนอ..สำหรับตัวเองก็สรุปได้ว่า...เกิดจากอำนาจ และเงินตราที่ไม่เข้าใครออกใคร คนที่ชอบแสวงหาอำนาจ ก็เพื่อให้ได้ผลประโยชน์และเงินตราตกเป็นของตัวเองและพรรคพวกของตัวเอง..ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจ เมื่อได้อำนาจแล้วก็เริ่มแสวงหาผลประโยชน์ทุกอย่าง ใครที่ขัดขวางหนทางที่จะได้อำนาจและเงินตราก็ต้องมีอันเป็นไปด้วยวิธีการต่างๆ นานาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเพราะโลกมีวิวัฒนาการก้าวหน้า เครื่องมือเครื่องไม้ทุกอย่างก็พัฒนาจนขีดสุด
ความเป็นความตายของมนุษย์จึงกลายเป็นเรื่องรองและไม่อยู่ในสายตาของคนที่แสวงอำนาจโดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่พรรคพวกพี่น้องตนเอง...เค้าว่ากันว่ายิ่งโลกพัฒนามากเท่าใดศิลธรรมของมนุษย์ก็เสื่อมทรามลง คงจะจริงในข้อนี้มากๆ...การฆ่ากันจึงดูกลายเป็นเรื่องธรรมดา...เหตุเกิดที่สีลมก็ไม่พ้นวิถีเลวร้ายนี้เช่นกัน...ทุกคนตกเป็นเครื่องมือการทำลายล้างสำหรับคนที่ไม่อยากสูญเสียอำนาจ จะต้องมีคนตายอีกสักกี่คนหนอถึงจะสมกับเจตนารมณ์ของคนที่บ้าอำนาจ...ที่อยากจะกุมอำนาจไว้แบบตราบชั่วฟ้าดินสลาย
เหมือนขึ้นหลังเสือแล้วจะลงก็ไม่กล้า เพราะระหว่างที่อยู่บนหลังเสือก็เที่ยวไล่ล่าไล่ฆ่าผู้คนมากมายเพื่อให้ตัวเองได้อยู่บนหลังเสือ จะลงก็กลัวว่าจะถูกเสือตัวเดียวกันไล่ล่า ไล่ฆ่าเหมือนที่ตัวเองเคยทำไว้ก่อนหน้านั้น...น่าสมเพชกับผู้มีอำนาจที่คิดแบบนี้เอาชีวิตมนุษย์มาเป็นเครืองปกป้องตำแหน่งและอำนาจของตนเอง
เมื่อเช้ากลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ทำงาน พูดเสียงดังว่าเหตุเกิดที่สีลมเป็นฝีมือคนเสื้อแดงแน่นอน เพราะเชื่อในคำพูดนายสุเทพ และนายสรรเสริญ(ขอเรียกแบบนี้) ที่ออกข่าวแต่เช้าว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดงทั้งที่ตำรวจ หรือกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้พิสูจน์และไม่ได้แจ้งผลออกมาว่าเป็นฝีมือฝ่ายใด ในความรู้สึกตัวเองการเสนอข่าวแบบนี้ไม่มีความเป็นธรรมสำหรับฝ่ายที่ถูกกล่าวหา เป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอยปราศจากหลักฐานใดๆ และที่สำคัญตัวเองก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ที่จะออกมาแถลงการณ์กล่าวหาใครๆ ฝ่ายเดียว
แบบนี้เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้ผู้คนที่แตกแยกอยู่แล้วเพิ่มความเกลียดชังกันมากขึ้น แบบนี้ถือว่าเป็นคนดีที่สมควรอยู่ในตำแหน่งโฆษก หรือคนดูแลความมั่นคงของประเทศได้อีกหรือ โตๆ กันแล้วไม่ใช่สิแก่ๆ ด้วยกันแล้วทั้งคู่ไม่น่าพูดแบบไม่คิดผลดีผลเสียของตัวเองและของคนอื่นได้แบบนี้ไม่สมตำแหน่งและฐานะเลยสักนิด...
สำหรับเพื่อนร่วมงานที่ร่วมกล่าวหา...ครั้งนี้ทนไม่ได้เพราะเป็นเรื่องความเป็นความตายของคนไทยด้วยกัน การกล่าวหาแบบนี้ไม่เป็นธรรมสำหรับคนเสื้อแดงเลย อะไรๆ ก็เสื้อแดงทำ เสื้อแดงผิด...เล่นผิดแต่ไก่โห่ แบบนี้ไม่ผิดก็ต้องผิดล่ะ เลยต้องโต้แย้งกลับไปทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยโต้แย้งได้แต่ฟังเงียบๆ ถ้าทนไม่ได้ก็ลุกหนีไปเพื่อลดความขัดแย้งกัน แต่วันนี้ขอโต้สักนิดเรียกว่ากลุ่มเสื้อเหลืองแตกกระเจิง..เพราะทนไม่ไหวแล้ว
ถามเค้าว่าไหนหลักฐานที่กล่าวหาว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง ภาพที่เห็นคนที่ไปหาเรื่อง คือคนหลากสีที่ไปตั้งป้อมด่าทอ ตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนที่สามที่เกิดเรื่อง ก็มีด่าทอกันไปด่าทอกันมา พร้อมเขวี้ยงไม้ หิน หรืออะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัว ก็เลยมีการตอบโต้กันเล็กน้อย บาดเจ็บไปกันคนละเล็กละน้อยในคืนที่สอง แต่คืนที่สามอยากรู้เหมือนกันว่าเป็นฝีมือใคร..แต่รู้ว่าคนที่สั่งการแบบนี้ไม่ใช่คนที่หวังดีกับคนเสื้อแดงและประชาชนหลากสีและประเทศชาติแน่นอน
จนมีการตายเกิดขึ้น...เพื่อนเสื้อเหลืองพูดต่อว่า...ก็มันยิงมาจากลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ สวนลุม...ก็ถามกลับไปว่าเห็นด้วยตาตัวเองหรือฟังเค้ามาล่ะ..เค้าก็พูดต่อแหมเค้าก็รู้ทั้งนั้นว่าเป็นฝีมือเสื้อแดง..ก็ถามกลับว่า เค้าน่ะใครบ้างล่ะที่รู้...ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง...เค้าก็ตอบกลับมาว่า ก็ข่าวเมื่อเช้าเค้าก็ออกข่าว...ก็ตอบกลับไปว่า..อ่อ..จากข่าวและข่าวตอนนี้เป็นข่าวที่เป็นธรรมสองฝ่ายมั๊ยล่ะ...เป็นข่าวจากรัฐบาลฝ่ายเดียว ฝ่ายตรงข้ามไม่มีสิทธิ์มาแถลงข่าวแต่เช้าได้แบบนี้จะเรียกว่าข่าวถูกต้องมั๊ย..
เอาเถอะใครจะเชื่ออย่างไรเชื่อไปสำหรับตัวเองแล้วไม่มีวันเชื่อว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดงเด็ดขาด...ขอร้องอย่าปรักปรำโดยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่รู้ความจริง ขนาดคนที่อยู่ในนั้นจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนก่อการเองก็ยังงงว่าเป็นฝีมือใคร แล้วนี่เป็นใครออกมาเหมาว่าเป็นฝีมือใครต่อใครไม่ยุติธรรมเลย ยิ่งดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้น...ขอร้องเหอะถึงจะคิดชอบหรือไม่ชอบ แต่ถ้าสิ่งที่คิดทำให้บ้านเมืองยิ่งแย่หนักกว่านี้บางทีก็ต้องหยุดที่เราบ้าง ช่วยกันคนละเล็กคนละน้อยก็อาจทำให้บ้านเมืองดีขึ้นก็ได้...เลิกขัดแย้ง เลิกแตกแยก เลิกยุยง ปลุกปั่นกันซะที ถามตัวเองกันให้ดีๆ เหอะว่า ที่บอกรักชาติน่ะรักชาติแบบไหน ถึงอยากให้ผู้คนแตกแยกกันแบบนี้...
ได้เห็นภาพเพื่อนร่วมงานฮึดฮัดขัดใจ เถียงไม่ได้ก็พูดไปโน่น..พูดถึงคุณทักษิณ..ว่าคนดีมากเลยต้องกระเด็นไปอยู่เมืองนอกกลับประเทศไม่ได้...ก็งงนะว่าอยู่ๆ มาลงเรื่องนี้ได้อย่างไร...ก็ตอบกลับไปว่า ไม่รู้สิว่าดีหรือไม่ดี แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นกำลังมีคนจะต้องไปอยู่เมืองนอกตามคุณทักษิณอีกหลายคนล่ะ..ไม่ช้าไม่นานนี้ล่ะ..ไม่ยุบสภาก็ต้องถูกยุบพรรค...แม้ผืนดินก็ไม่เหลือให้อยู่...เค้าก็ตอบกลับมาว่า ไม่มีทางแน่นอน...ตอบกลับไปว่า อันนี้ต้องใช้เวลาก็ต้องดูกันไปเถียงตอนนี้ไปก็เปล่าประโยชน์..
หันไปมองรอบตัว...โอวว..วว..หนึ่ง ต่อสามเลยหรือนี่ ฉันช่างอาจหาญจริงๆ หนอวันนี้ ความจริงวันนี้ตอนที่คุยกันมีคนแค่ 6 คนเป็นเสื้อแดง 3 เสื้อเหลือง 3 แต่ไหงเป็นเราคนเดียวที่ต้องโต้แย้ง ส่วนคนอื่นได้แต่ถอนหายใจ...หลังจากนี้ก็ยังพูดคุยเรื่องอื่นได้เหมือนเดิม แต่ในใจต่างคนต่างคุกรุ่นในความคิดตัวเองแต่ละคนเหมือนเดิม....
สังคมตอนนี้เป็นแบบนี้นี่ขนาดเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันมาตลอดนะ...แล้วสังคมภายนอกล่ะจะเป็นอย่างไรจะพูดจากันรู้เรื่องและเข้าใจและมีโอกาสได้อธิบายสิ่งที่ถูกต้องได้หรือไม่ หรือแค่ฟังข่าวสารฝ่ายเดียวกรอกหัวกรอกหูทุกวันเชื่อจนโงหัวไม่ขึ้น ก็เท่ากับว่าประเทศไทยต่อไปประชาชนจะเหมือนกบในกะลายิ่งขึ้นทุกวัน...แล้วแบบนี้ประชาธิปไตยจะเป็นประชาธิปไตยแบบในกะลามั๊ยหนอนี่...
จากเนื้อหาข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสด เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 23 เม.ย. ที่เวทีราชประสงค์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ขึ้นประกาศว่า บริเวณแยกศาลาแดง สวนลุมพินี
มีตำรวจมาตั้งด่านเตรียมเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ขอให้ผู้ชุมนุมคอยประจำอยู่หน้าเวทีหลัก เนื่องจากเกรงว่า อาจจะมีการส่งกำลังเข้ามาสลาย หากมีผู้ชุมนุมเหลือน้อย นอกจากนี้นายณัฐวุฒิยังระบุว่า ในการแถลงข่าวช่วงเช้ามีหลักฐานที่จะเปิดเผยว่าเหตุการณ์ระเบิดที่สีลมใช่วงเช้าเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐ ผู้สื่อขาวรายงานว่า แกนนำ คนสำคัญของ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธ์ รองประธาน นปช. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เข้าประจำการอยู่ทีเวทีตั้งแต่ช่วงเช้า ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา ที่จะเข้ามาบริเวณหลังเวทีในช่วงสาย นอกจากนั้น พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ยังปรากฏตัวในบริเวณที่ชุมนุม โดยโฆษกบนเวทีได้ประกาศยินดีต้อนรับ หลังจากนั้น เสธ.แดงจึงได้ผ่านหลังเวที แต่ไม่ได้เข้าไปหาแกนนำที่อยู่ในบริเวณที่กั้นไว้เฉพาะ ต่อมาเวลา 08.00 น. นายจตุพร ขึ้นกล่าวนเวทีว่า สถานการณ์เวลานี้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลใชัวิชามารทุกวิชา นำกลุ่มทหาร กลุ่มเสื้อเหลือง และคนของประชาธิปัตย์มาอ้างเป็นคนสีลม และสุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงสร้างสถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่ามา และเกิดเหตุหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ให้ระวังคนสวมเสื้อขาว เหตุการณ์ครั้งนี้คล้ายเมื่อเหตุการณ์สงกรานต์เลือด เมื่อปีที่ผ่านมา การที่สีลมพังพินาศในครั้งนี้ก็เป็นฝีมือของรัฐบาล นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ยิงจากหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชการที่ 6 เป็นการโกหกของนายสุเทพ เพราะระยะยิงของเอ็ม 79 อยู่ที่ 400 เมตรเท่านั้น แต่จากหลังพระบรมราชานุสาวรีย์กับจุดที่ตกห่างกันเกินกว่านั้น ยิงอย่างไรก็ไม่ถึง การระบุของนายสุเทพนั้นบอกก่อนที่ ตำรวจจะสรุปการยิงนั้น ขอบอกเลยว่ามาจากตึกสูงโดยรอบ และมีแต่ทหารเท่านั้นที่ทางรัฐบาลนำไปประจำการอยู่ นายจตุพร กล่าวอีกว่า แม้จะมีคำสั่งศาลแพ่งคุ้มครองคนเสื้อแดงยังประมาทไม่ได้ ทุกคนต้องออกมาร่วมชุมนุม เพราะยังมีภารกิจที่ยังไม่จบ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดรัฐบาลจะฟังศาลหรือไม่ วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ข่าวคราวที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ มวลชนปะทะกันเป็นสูตรรัฐประหาร เมื่อเดือน ก.ย. 2549 ส่วนเป้าประสงค์ของการอ้างว่ายิงระเบิดมาจากฝั่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงและความพยายามผลักดันที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เพราะมีเป้าประสงค์ คือ ต้องการรื้อบริเวณดังกล่าว เพื่อนำกำลังทหารเข้ามาที่สวนลุมพินี เพราะต้องการสร้างรังที่บริเวณดังกล่าวและนำมาสลายการชุมนุม ต่อมาเวลา 10.30 น. นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ในนาม นปช. ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต และแสดงความห่วงใยไปยังครอบครัวผู้บาดเจ็บทุกรายกรณีเหตุระเบิดที่สีลม เราไม่ประสงค์ให้คนไทยไม่ว่าเสื้อสีอะไรต้องบาดเจ็บล้มตายจากความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้กลไกตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงจับกุมผู้ก่อเหตุนำมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด การพูดของนายสุเทพ หากเป็นการกล่าวหาของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็พอจะเข้าใจได้ แต่การที่พูดในฐานะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงที่ต้องรับผิดชอบและพูดถึงท่าทีของรัฐบาลไทย จึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิดก็ระบุไปในทางเดียวกัน ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์หลักฐาน เป็นเพียงการสันนิษฐานและกล่าวหาลอยๆ นปช.ขอ ยืนยันว่าเราไม่มีทางดำเนินการเช่นนั้น และไม่มีวันยอมให้ใครใช้พื้นที่การชุมนุมก่อเหตุรุนแรงเช่นนั้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่าจุดที่นายสุเทพระบุนั้นมีคนจำนวนมากและมีสื่อสังเกตการณ์ในพื้นที่หากมีใครยิงระเบิดจะไม่รู้ไอย่างไร
จากนั้นนายณัฐวุฒิได้นำภาพถ่าย ต้นไม้บริเวณน้าอาคารซูริคเฮาส์ ถ.สีลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และมีรอยฉีกขาดและรอยระเบิดที่บริเวณหน้า ธนาคารกรุงศรี โดยนายณัฐวุฒิระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นต้นไม้ด้านหน้าแบงค์กรุงศรี ติดกับโรงแรมดุสิตธานี โดยมุมที่โดนกระสุนเป็นมุมที่หันหน้าให้ตึกสูงและหันหลังให้ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ถ้ายิงจากพื้นที่การชุมนุมเป็นไปได้กรณีเดียวคือ ยิงแบบสกรูว์ถอยหลัง คนยิงจะไม่ใช่เพียงเชี่ยวชาญทางอาวุธสงครามเท่านั้น แต่ต้องเชี่ยวชาญการเล่นสนุกเกอร์ด้วย นี่เป็นการพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม ว่าระเบิดไม่ได้มาจากทางผู้ชุมนุม
จากนั้นนายณัฐวุฒิ ยังได้หยิบยกทวิตเตอร์ ของ น.ส.ฐาปนีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องสาม ซึ่งใช้ชื่อว่า yam3miti ซึ่งได้โพสต์ข้อความไว้เมื่อคืนวาน โดยนายณัฐวุฒิรู้ว่าเป็นการระบายความคับแค้นใจ และยกตัวอย่างการโพสต์ข้อความในหลายๆครั้งที่มีใจความว่า นี่คือข้อเท็จจริงจากปากคำ ตร. ยอมรับว่ามีชายฉกรรจ์ 20 คนปาระเบิดขวด และตำรวจได้ไล่ตาม แต่ถูกทหาร จับตัวเอาปืนจ่อหัวและบอกว่าไม่ต้องตาม แล้วตร.บอกคนสีลมหรือคนเสื้อหลากสีถูกจัดตั้งมา นี่คือข้อเท็จจริงขอให้คนอ่านใช้วิจารณญาณ เมื่อไปถามทหารแล้วทหารก็ไม่พูดอะไร แต่ ตร. ที่ถูกเอาปืนจ่อเป็นรอง ผกก. ระดับผบ.หมู่ เขาไม่เปิดเผยใบหน้าทำได้เท่านี้ เมื่อนักข่าวไม่สามารถรายงานได้หรือรายงานไปไม่มีใครเชื่อก็น่าเห็นใจสังคมไทยจริงๆ
หลักฐาน - คลิปเหตุการณ์ทหารขัดขวางตำรวจจับกุม กลุ่มสร้างสถานการณ์บริเวณสีลม ซึ่งวิ่งหนีเข้าไปในเขตแนวทหาร เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. เว็บยูทูบเผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
นายณัฐุวฒิ กล่าวว่า ขอระบุชื่อรอง ผกก. ดังกล่าวเลย ชื่อ พ.ต.ท.วิทวัส ชิณคำ รอง. ผกก.ป.สน.ทุ่งมหาเมฆ
รัฐบาลมีความจริงอะไรจะอธิบายกับประชาชนหรือไม่ นอกจากนี้ตนได้รับรายงานว่า ตร.ทุ่งมหาเมฆสามารถควบคุมชายคนหนึ่งเดินในกลุ่มคนสีลม เมื่อเอาไปตรวจสอบกลับพบว่าเป็นสห. แล้วทหารก็มาเอาตัวกลับไป หากตำรวจยังโดนแบบนี้คนเสื้อแดงจะโดนแบบไหน คนเสื้อแดงกำลังตกอยู่ในอันตราย ขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ออกมาพูดเองว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เหตุการณ์นี้ไม่ใช่สีอื่นแต่เป็นสีเขียวล้วนๆ และเป็นสีเขียวที่อยู่กับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจับกุมนายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดงชื่อดัง ซึ่งมีอาวุธที่ยึดได้จากทหาร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.
มีความชุลมุนยึดปืนจากทหารได้ทั่วบริเวณ และไม่ทราบว่าได้มาเท่าไหร่ไปอยู่ในมือใครบ้างเพราะอะไรที่อยู่ที่เรา เราคืน เราจะทราบได้อย่างไรว่า ใครเอาไป หรือเอาไปใช้อย่างอื่น เมื่อตรวจพบว่าอยู่ที่ใครก็ว่ากันไปตามกฎหมาย เอามาปนกันไม่ได้ อย่างอาวุธสงครามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดไปจากทำเนียบได้คืนบ้างหรือไม่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
โปรดช่วยกันดูแลคนดี ตั๊กแตน ชลดา กว่าจะมีคนที่ดีดี สักคน ยอมอุทิศตน เพื่อคนส่วนใหญ่ กว่าจะเจอคนที่เราเห็น ว่าเป็นคนใช่ ต้องรอนานเท่าใด จึงได้มา
แต่คนดีก็อยู่กับเรา ไม่นาน โดนแรงเสียดทาน โถมจนพ่ายล้า ใครโง่ไม่เป็น ใครเด่นเกินไป ต้องโดนคนว่า ทำถูกใจช้า ยังด่าทอ
ใช้คนดีเปลือง ฝืดเคืองคำชม โยนเรื่องทับถม ถึงทนก็ท้อ เมื่อทำดียาก ใครอยากจะทำดีต่อ ก่อนที่คนดีจะท้อ จึงร้องขอแรงส่งมา
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหา จนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำความดี
อยากให้มีคนที่ทำดี มากมาย ยืนหยัดสู้ไหว แรงใจมากมี กว่าจะเจอก็ยากนักหนา ควรรักษาให้ดี ใช้เพชรที่เรามี อย่างรู้ค่า
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรี และยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำดี
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรี และยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำความดี
|
มาเยี่ยมชม มาทักทาย
มาร่วมให้กำลังใจครับ
อิอิ