เรือเล็กควรออกจากฝั่ง
เผอิญเจอเรื่องสอนใจคนเรา...เลยขออนุญาตเอามาให้ใครก็ตามที่แวะมาที่บล๊อกนี้ได้อ่านกัน..ขอขอบคุณคนเขียนและเวปที่นำมาลงด้วยค่ะ..เรื่องมีอยู่ว่า มีชาวนาคนหนึ่ง(แหมทันสมัยซะด้วย) กลับออกมาจากทำความสะอาดคอกม้าแล้วพบว่าทำนาฬิกาพกหล่นหายเสียแล้ว นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายสำหรับเขามาก เป็นของขวัญที่แม่ให้เขา เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้า หาจนทั่วคอกม้าหาเท่าไรก็ไม่เจอ และขณะนั้นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงจ้างเด็กกลุ่มนั้น ถ้าหากใครหานาฬิกาพกเจอจะมีรางวัลให้ เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข เด็กๆ ก็ได้เดินกลับออกมาจาก คอกม้าทีละคน และต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ ขณะที่ชาวนากำลังถอดใจที่จะเลิกหานาฬิกาพก ก็ได้มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า " ผมจะลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น" และแล้วเด็กชายคนนั้นก็กลับไปที่คอกม้าอีกครั้งหนึ่ง ชาวนามองเด็กชายอย่างไม่มั่นใจ และคิดในใจว่า..หากันตั้งหลายคนหาจนแทบจะพลิกคอกม้าก็หายังไม่เจอ แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร เด็กชายหายเข้าไปในคอกม้าตั้งนานสองนานก็ยังไม่มีทีท่าจะกลับมา ชาวนารู้สึกเริ่มสิ้นหวัง แต่ในขณะที่ชาวนาคิดจะเลิกรอ เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า และในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า " เจ้าหาเจอได้อย่างไร" เด็กชายบอกว่า " พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอกจากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้" ซึ่งผู้เขียนได้ให้ข้อคิดเตือนใจว่า :- ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตริตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า" บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรตึงเครียดบางครั้งก็ควรผ่อนคลาย" ซึ่งจขบ. เองก็ขอเพิ่มข้อคิดสักนิดว่า:-การรอคอยแม้จะดูเนิ่นนาน แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นที่จะต้องรอก็ต้องรอและระหว่างรอเราสามารถหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดในระหว่างรอดีกว่าตัดสินปัญหาอย่างใจร้อนและไม่คิดวิเคราะห์ให้ดีซึ่งจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะในช่วงเวลาที่เรารู้สึกแย่ เครียดเกิดจากปัญหา ความวุ่นวาย สับสน จนทำให้รู้สึกแย่ สามารถจะทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันเพราะขาดสติได้เสมอ จงจำไว้ว่าความสงบมักสยบความเคลื่อนไหว ให้ลองอยู่นิ่งๆ ช่วงเวลาที่สงบทำให้คนเราปล่อยวาง สงบและจะทำให้เกิดความคิดในการแก้ปัญหา คิดทบทวนสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างมีสติด้วยเหตุและผลและจะหาทางออกได้เองรับฟังข่าวสารข้อมูลต่างๆ จากแหล่งที่พอเชื่อถือได้ และใช้ความอดทน อย่างน้อยความสงบในขณะนั้นก็สามารถลดภาวะเครียดในขณะนั้นได้ไม่มากก็น้อยล่ะ และอย่าลืมว่าปัญหาทุกอย่างบนโลกใบนี้เวลาจะช่วยคลี่คลายปัญหาด้วยตัวของมันเองเรามีหน้าที่อดทนเพื่อรอให้ปัญหานั้นหมดไปและในเวลานี้คนที่เป็นตัวอย่างให้ จขบ. เห็นก็คือนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ที่เธอเป็นหญิงเหล็ก มีความอึดอดทนยิ่งกว่าชายชาตรีที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีแต่หัวใจเสาะยิ่งกว่าสตรีเพศบางคนด้วยซ้ำไป ขนาดเธอโดนรังแกกลั่นแกล้งสารพัดในอาชีพการทำงานสายการเมือง แต่เธอก็ไม่เคยท้อและพยายามแก้ปัญหาด้วยสติอย่างสันติ และเป็นสันติวิธีทั้งคำพูดและการกระทำ ต่างกับ นายกชายบางคนที่แก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ทำไมคนทั่วไปจึงไม่เห็นความแตกต่างตรงนี้บ้างหรือเพราะฟังข่าวสารด้านเดียวจนใจบอดมืดสนิท ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรบอกได้ว่าใครคิดผิดหรือคิดถูก มันเป็นสถานการณ์ความคิดแตกแยกเลยไม่มีใครรับฟังใคร เพราะต่างก็คิดว่าตัวเองคิดถูกโดยปราศจากเหตุและผลและการคิดวิเคราะห์ เหมือนการได้รับข่าวสารข้างเดียวนั่นล่ะ แล้วนำมาตัดสินใจในเชิงลบกับฝ่ายตรงข้าม จขบ.เองลองดึงทุกด้านของทุกฝ่ายมาคิดวิเคราะห์หักกลบแล้วขอเลือกอยู่ฝ่าย รบ. ที่ได้รับการเลือกตั้งจากเสียงส่วนมาก ซึ่งถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย อยากจะบอกว่าคนเราทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ในชีวิต ถ้าหากความผิดนั้นทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นความผิดเรื่องนั้นเป็นครั้งแรกและเค้ารู้จักแก้ไข คนดีๆ ก็ต้องให้อภัยและให้โอกาส ไม่ใช่คอยซ้ำเติม หรือถือเป็นเหตุจนเกิดเรื่องราวบานปลาย แบบนี้ถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์เป็นการหาเรื่องเพื่อให้เค้าเสียหาย หรือเป็นการใส่ความกัน แบบนี้สุภาพบุรุษมักไม่ทำกัน ผู้ชายที่ทำแบบนี้ได้ถือว่าไม่ใช่ผู้ชาย โบราณบอกไว้ว่าถ้าผู้ชายหาเรื่องผู้หญิงแบบนี้ไม่แมนสมควรเอาผ้าถุงไปใส่หรือไม่ก็เอาไปคลุมหัวเบิกประจาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความคิดคนเราก็เปลี่ยนเริ่มจากที่ผู้ชายหมั่นไส้ผู้หญิงที่เรียกร้องสิทธิเท่าเทียมผู้ชายก็เลยมีผู้ชายคิดว่าเมื่อสิทธิเท่าเทียมกันจะทำยังไงกับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายแบบนี้ก็หน้าตัวเมียเกินไป คอยรังแกผู้หญิงอย่างที่ปรากฏให้เห็นกันในสังคมไทยอยู่เสมอ ซึ่ง จขบ. ไม่เข้าใจผู้หญิงหลายๆ คนที่ยังไปหลงลม หลงเชื่อผู้ชายประเภทนี้ที่เหยียบย่ำผู้หญิงอย่างพวกเรา ทำไมไม่เข้าข้างผู้หญิงที่โดนผู้ชายประเภทนี้ดูหมิ่นหยามเหยียด และรุกขึ้นมาปกป้องสิทธิความเป็นผู้หญิงของตัวเอง อย่าให้ผู้ชายหยามเหยียดและรังแกในความเป็นเพศแม่ของตัวเองได้สุดท้ายขอฝากคำตัดสินของศาลแพ่ง 9 ข้อ ที่ขอออกความเห็นว่าหากอีกฝ่ายที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมตอนนี้ และผู้ชุมนุมอีกพวกจะนำไปถือปฏิบัติบ้างศาลแพ่งจะว่าอย่างไรคะ หวังว่าคงไม่มีการพิพากษาเป็นอย่างอื่นนะคะหากเหตุการณ์ที่เกิดเหมือนกันเปี๊ยบ จึงมีคำถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจค่ะว่า1.ห้ามสลายการชุมนุม (หมายความว่าหากมีการชุมนุม ทุกคนที่เป็นฝ่ายผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมได้จนกว่าจะเบื่อ??)2.ห้ามยึดอายัดเคมีภัณฑ์ (และถ้าเจอปุ๋ยยูเรียที่เป็นสารที่เค้าว่ากันว่าไว้ใช้ทำระเบิดได้จะปล่อยไปหรือ??)3.ห้ามออกคำสั่งรื้อถอนทำลายสิ่งกีดขวาง (หมายความว่าผู้ชุมนุมสามารถก่อสร้างบังเกอร์ เวที สิ่งกีดขวางต่างๆได้ทุกแห่งตามที่ต้องการตรงไหน สูงแค่ไหน ใช่หรือไม่??)4.กรณีซื้อขายใช้และครอบครองเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ (อาหาร ของใช้ เครื่องนุ่งห่มคงไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเป็นสิ่งผิด ก.ม เช่น ใบกระท่อม กัญชา ฯลฯ ให้ซื้อขายกันตามสบายใช่หรือไม่??)5.ห้ามสั่งปิดการจราจรและเส้นทางคมนาคม (หมายถึงผู้ชุมนุมสามารถใช้เส้นทางคมนาคม การจราจรทุกเส้นทาง และยังสามารถปิดถนนได้ทุกถนน ใช่หรือไม่??)6.ห้ามสั่งห้ามไม่ให้ชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (หมายถึงส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมสามารถขนคนมาก่อม็อบได้เต็มที่??)7.ห้ามจำเลยสั่งห้ามใช้เส้นทางการจราจร (หมายถึงหากผู้ชุมนุมจะไปไหนได้หมดไม่ว่าใช้มอเตอร์ไซด์ขึ้นทางด่วน สะพานข้ามแยก รถกระบะเปิดท้ายขนผู้ชุมนุม แค่เพียงติดสัญญลักษณ์ให้รู้ว่าเป็นผู้มาชุมนุมเท่านั้นพอใช่หรือไม่??)8.ห้ามจำเลยสั่งห้ามเข้าอาคาร (หมายถึงผู้ชุมนุมอยากเข้าไปบ้านใคร สถานที่ทำงานไหนก็ได้ หน่วยงานอะไรก็ได้ และเมื่อเข้าไปแล้วสามารถรื้อค้นทำตามใจชอบเพราะไม่ผิดกม.ใช่หรือไม่??)9.ห้ามสั่งอพยพหรือห้ามไม่ให้เข้าออกพื้นที่ชุมนุม (ให้อิสระในการใช้พื้นที่ที่ยึดไว้เต็มที่ ห้ามไล่ผู้ชุมนุม ให้เอาคนมาเปลี่ยน มาเติมได้ และผู้มาชุมนุมมีสิทธิ์ตรวจค้นใครก็ได้ ห้ามคนเข้าออกได้ ทำร้ายใครก็ได้ถ้าไม่พอใจ ถือเป็นเขตปกครองพิเศษใช่หรือไม่ )การตัดสินแบบนี้ประชาชนอย่าง จขบ. และทุกคนต้องยอมรับ ทั้งที่ไม่เข้าใจและอยากให้ท่านลองทบทวนคำตัดสินใหม่อีกสักครั้งทั้งนี้เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง และไม่มีผู้ชุมนุมกลุ่มไหนเอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะหากมีการเอาเยี่ยงอย่าง มีคนอีกกลุ่มอยากชุมนุมก่อม๊อบ เป็นทำนองแกทำได้ฉันก็ทำได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย...เพราะการตัดสินของศาลต้องถือเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าควรปฏิบัติไม่ใช่หรือ....อ่อ..ขอต่อท้ายอีกนิดเผอิญได้เจอคลิปที่แกนนำม๊อบเอาเด็กอย่างน้องไปป์มาเป็นตัวประกันสังคม ทั้งขู่ ทั้งด่าทอบุพการีของเด็กเสียๆ หายๆพูดจากระแนะกระแหน หน่วยงานที่คุ้มครองสิทธิเด็กอยู่ที่ไหนกันคะ เข้าใจว่าคลิปเหล่านี้แพร่หลายมากมายในโลกโซเซียล หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงได้ยิน พวกคุณยังทนได้อีกหรือ ที่เอาเด็กที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งมาปู้ยี่ปู้ยำด้วยพูดพล่อยๆ คนที่เห็นด้วยกับการกระทำย่ำยีกับเด็กแบบนี้ถ้ายังมีความเป็นคนเหลืออยู่ ให้เลิกเชียร์เถอะค่ะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผิดหรือถูก เด็กเค้ารู้เรื่องด้วยเหรอทำไมต้องเอาเด็กมาเป็นตัวประกันทางการเมืองด้วย วิธีการต่ำ ๆแบบนี้ อยากเล่นงานใครก็เล่นที่เจ้าตัวทำไมต้องเล่นถึงครอบครัว เล่นถึงลูกเขาขนาดนี้ ถ้าหากเกิดกะลูก หลาน ในครอบครัวคุณแบบนี้คุณจะทำยังไง ระวังนะคะเอาเฮเอาฮากันสนุกๆ ระวังจะทุกข์ถนัดกันนะคะเพราะกรรมเวรมันวิ่งเร็วยิ่งกว่าจรวด
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ deeplove เรียบร้อยแล้วนะคะ