วันก่อนทะเลาะกับคนในบ้านเรื่องกลิ่นน้ำหอมที่ติดเสื้อผ้า..คนในบ้านคนนี้ชอบใส่น้ำหอมเยอะมาก ที่รู้ว่าเยอะเพราะเดินออกไปไหนตั้งนานแล้วยังทิ้งกลิ่นให้คนข้างหลังได้ดมนานนับ ช.ม (เหมือนเวอร์ แต่ไม่ได้เวอร์เป็นเรื่องจริง) อีกอย่างสถิติการซื้อน้ำหอมกลิ่นเดียวมาใช้ปีหนึ่งสองถึงสามขวด ไม่ใช่ขวดธรรมดาด้วยถ้าเป็นตัวเองใช้ขวดขนาดนี้ใช้ไปหลายปีเลยล่ะ...แต่ตัวเองไม่ชอบใช้น้ำหอม เป็นผู้หญิงแปลกที่ไม่ชอบกลิ่นของน้ำหอม เวลาเดินตามใครที่ใช้กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนเฉียวหรือใส่เยอะเกินจะอยากอ๊วกมากๆ หรือไม่ก็เกิดอาการวิงเวียน...แต่ก็แปลกมีแต่คนชอบซื้อน้ำหอมมาฝาก..จนสบายคนในบ้านที่ชอบใช้น้ำหอม ที่ทะเลาะกันเพราะตัวเองเดินจากบนบ้านได้กลิ่นน้ำหอมของคนในบ้านแรงมากโชยขึ้นมาเลยลงมาดูเห็นเค้ากำลังรีดเสื้อที่มีกลิ่นน้ำหอมติดอยู่..ก็เลยบอกเค้าว่า อย่าใส่น้ำหอมที่เสื้อเพราะน้ำหอมจะติดเสื้อ แล้วเสื้อคนเราเวลาที่ใส่จะผสมกลิ่นกายแต่ละคนปนกลิ่นเหงือไคล พอเอาไปซักเสื้อตัวนั้นจะมีกลิ่นแปลกๆ โดยเฉพาะตอนเอามารีดใส่ใหม่...เค้าตวาดกลับมาว่า ไม่รู้อะไรไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี...อ่าว...เป็นงั้นไปอีก..ก็งอนกันไปหลายวันอยู่..วันนี้เผอิญ (อีกแล้ว) ได้เจอวิธีการใช้น้ำหอม เพราะน้ำหอมกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ไม่ใช่สิผู้ชายก็ใช้เหมือนผู้หญิงล่ะ..แต่อยากบอกว่าจะแน่ใจอย่างไรว่าใช้น้ำหอมกันถูกวิธีวิธี...และอยากบอกว่าการใช้น้ำหอมที่ถูกวิธีสำหรับคนที่ไม่รู้ได้นำไปบอกคนที่ใช้น้ำหอมให้ถูกมีวิธี...โดยฉีด หรือแตะ หรือแต้ม น้ำหอมลงบนข้อมือ แต่ห้ามถูข้อมือเข้าด้วยกัน เพราะอาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเพี้ยนได้ ให้ทำแค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัว หรือไม่ก็ทาตามจุดชีพจรต่างๆ แค่เพียงเล็กน้อย จุดชีพจรบริเวณฐานคอ หลังตึงหู บริเวณข้อพับแขน ร่องอก ตามแนวไหปลาร้า และบริเวณหลังหัวเข่า ห้ามฉีดน้ำหอมลงบนเส้นผมหรือแปรงๆ ผมเด็ดขาด ยกเว้นว่าเส้นผมจะสะอาดจริงๆ เพราะน้ำมันบนเส้นผมอาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเปลี่ยนไปได้ แค่นี้เองที่อยากบอกและอยากพูดถึงการใส่น้ำหอมที่จะไม่ไปรบกวนความรู้สึกคนอื่นค่ะ...

ใกล้วันเทศกาลแห่งความรักเข้ามาทุกทีๆ คนที่มีความรักโลกก็ดูสดใสน่าอยู่ สำหรับคนที่ไม่มีความรักก็อาจจะรู้สึกเหงา แต่จะมีใครรู้บ้างว่าโลกของคนที่มีความรักก็ไม่ใช่จะสีชมพูไปเสียทั้งหมด เพราะความรัก เต็มไปด้วยทางเดินที่สลับซับซ้อน บางครั้งก็ซ่อนเงื่อนงำบางอย่างให้คนใหลหลงและสับสน บางครั้งคนที่ใช่อาจเดินผ่านหน้าเราไปโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้

ความรักกับความผิดหวังเป็นของคู่กัน สมหวังได้ก็ผิดหวังได้ เรารักเค้า เค้าไม่รักเราไปรักคนอื่น หรือคนอื่นมารักเราแต่เราไม่รักเค้า หรือทั้งเราและเขารักกันแต่เราและเขาก็ยังแบ่งใจไปรักใครอีกคนอะไรแบบนี้ อาจเรียกความรักแบบนี้ได้ว่า "การเล่นเกมหัวใจ" ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้วางหมากและเล่นเพื่อความสนุกสนานของตัวเองโดยไม่คิดถึงอีกคนที่ลงเล่นด้วยกันว่ามีหัวใจ

ความรักสามเส้าก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนมีความรักเกิดความรู้สึกเสียใจผิดหวัง เพราะไม่มีอะไรโหดร้ายเท่ากับการได้เห็นคนที่....ตัวเองรักแอบมีใครอีกคน ทำให้เกิดความรู้สึกขาดความมั่นใจในตนเองและขาดความมั่นใจในคนที่ตัวเองรัก..ความรักแบบนี้เรียกว่า เป็นความรักที่เดินหลงทาง ซึ่งเดินไปอย่างไร้เป้าหมาย เคยตั้งความหวังและมีความมั่นใจว่าความรักครั้งนี้ต้องเป็นรักที่ดีและสมหวังที่พร้อมจะเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่ได้อยู่ร่วมกันตลอดไป แต่สิ่งที่ได้คือ การหลอกลวงกัน ในที่สุดก็มีคนที่ต้องเสียใจ หรืออาจเป็นความเสียใจของทั้งสองฝ่ายก็ได้

หัวใจคนเราหมุนได้ตลอดเวลา..วันนี้รักคนนี้อีกวันอาจรักใครอีกคนก็ได้ ความรักแบบนี้เองที่เปรียบเหมือนเกมหัวใจผลัดกันเล่นเกมหัวใจ บางคนยอมเป็นแค่หมากกระดานตัวหนึ่งหรือต่างคนต่างยอมเป็นหมากกระดานที่ต่างคนต่างเล่น และ ผลัดกันเป็นผู้เล่นผลสุดท้ายก็ผิดหวังด้วยกันทั้งคู่เพราะมีคนล้มกระดานยุติการเล่น

ควรทำชีวิตให้มีค่า ด้วยการมองเห็นคุณค่าของคนอื่นว่าคนอื่นก็มีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างจากเรา อยากมีความรักที่แท้จริง อยากสมหวังในความรัก และอยากมีคนรักที่ดีเหมือนที่คนอื่นๆ มี ก่อนอื่นต้องเริ่มที่ตัวเราเสียก่อนด้วยการคิดดี ทำดี ด้วยการคิดและตั้งใจที่จะมีรักที่ดี ด้วยการมีความจริงใจให้กัน และทำให้เป็นความรักที่ดีที่มั่นคงอยู่กับเราตลอดไป...ขอให้ทุกคนที่มีความรักเป็นรักที่ดีและมีความสุขค่ะ...



เก็บข่าวจากประเทศสารขันธ์ ตอนที่ 5

เรื่องการใส่ไข่ใส่ไคล้คนอื่นเค้าว่ากันว่าพรรค ปชป แห่งประเทศสารขันธ์ (ย่อมา ปดประชาชนเพื่อปิดบัง) เค้าว่ากันว่าพรรคนี้ถนัดนัก วันนี้จากแหล่งข่าวได้รายงานว่า ส.ส ในพรรคนี้ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับ นายพันทักษิโด ว่า หลังจากโดนปฏิวัติรัฐบาลสมัยนั้นแล้วตอนนี้มีอันต้องระเหเร่ร่อน (แต่ไม่ลำบาก) อยู่ตามประเทศต่างๆ (ปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่ในประเทศสารขันธ์ซะอีก) ซึ่งทุกวันนี้ทำให้รัฐบาลปัจจุบันประเทศสารขันธ์หาทางกำจัดและกีดกันทุกวิถีทางที่จะไม่ให้นายพันทักษิโดกลับมาประเทศสารขันธ์ได้อีกและตอนนี้นายพันทักษิโดได้แปลงสัญชาติเป็นคนประเทศเพื่อนบ้านไปซะแล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เกี่ยวกับข่าวการแปลงสัญชาติของนายพันทักษิโดก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเช่นกันที่ ทุกคนในประเทศสารขันธ์ได้ทราบข่าวจากการใส่ไคล้และใส่ไข่มาจาก ส.ส ในพรรค ปชป. ทั้งนี้เพื่อหวังผลให้ประชาชนในประเทศสารขันธ์เพิ่มความเกลียดชังนายพันทักษิโด แหล่งข่าวยังบอกต่ออีกว่า ส.ส ดังกล่าวได้อ้างแหล่งข่าวต่างชาติ ซึ่งไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ผลที่ได้จากการใส่ไคล้และปูดข่าวเรื่องนี้มีผลทำให้ประชาชนที่เข้าใจผิดในตัวนายพันทักษิโด ออกมาแสดงความเกลียดชังโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ถือว่าแผนใส่ไคล้และใส่ไข่ของพรรค ปชป. ได้รับผลสำเร็จเหมือนที่วางแผนอื่นๆ ที่ลุล่วงมาหลายแผนแล้ว

แต่จากการเปิดเผยของทนายประจำตัวนายพันทักษิโด ได้ออกข่าวว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นแค่ข่าวของคนที่ไม่หวังดีต่อนายพันทักษิโด ทำการกระจายข่าวเรื่องนี้ก็เพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องจากตอนนี้พรรคของ สส. ผู้นี้กำลังเริ่มเดินเข้าสู่หนทางตันเข้าไปทุกที เริ่มจนมุมกับปัญหาต่างๆ ที่คนในพรรคพวกตัวเองได้สร้างขึ้นมา และขมวดเกลียวเข้มข้น โดยไม่สามารถจะหาทางออกได้อีกต่อไป จนถึงขนาดมีข่าวว่าอาจมีการยุบสภา หรือเปลี่ยนตัวผู้บริหารในรัฐบาลสารขันธ์ใหม่หมดยวง...

จากเรื่องนี้มีประชาชนจำนวนมากสมน้ำหน้าพรรค ปชป. เนื่องจากประชาชนเริ่มรู้เช่นเห็นชาติคนในพรรคนี้ที่ชอบโกหกตลบแตลงเอาดีเข้่าหาตัวเองแล้วเอาชั่วให้คนอื่นพรรคอื่น..และเชื่อว่านี่เป็นแค่เกมการเมืองที่จนหนทางของฝ่ายรัฐบาลประเทศสารขันธ์ที่ต้องการสร้างความร้าวฉาน แตกแยก และความเกลียดชังในตัวนายพันทักษิโดและพรรคพวกให้มีมากยิ่งๆ ขึ้น ทั้งนี้ทนายคนเดียวกันก็ระบุว่า ต่อนี้ไปให้จับตามองจะมีขบวนการปล่อยข่าวจากพรรค ปชป. เพื่อดีสเครดิตนายพันทักษิโดและพรรคพวกของนายพันทักษิโด ซึ่งนับวันจะรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จึงอยากออกมาเตือนประชาชนในประเทศสารขันธ์ ว่าอย่าได้หลงเชื่อการปล่อยข่าวและการพูดจาชวนเชื่อจากพรรคนี้อีกต่อไป...

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้รายงานข่าวอยู่นี้...อยู่ดีๆ ผู้สื่อข่าวทุกคนก็ได้ยินเสียงเด็กร้องงอแง แบบไม่ได้ดังใจ ทุกคนจึงพยายามหาต้นเสียงว่ามาจากที่ไหน...ก็ได้รู้ว่าเป็นเสียงของนายกประเทศสารขันธ์ที่พยายามบีบเสียงเป็นเด็ก...แต่ไหงดูไปดูมาเหมือนเด็กปัญญาอ่อนยังไงไม่รู้แฮะ...ทุกคนจึงรีบเดินไปที่ต้นเสียงและถามนายกประเทศสารขันธ์ว่า...ร้องงอแงทำไม...นายกจึงพูดไปสะอื้นไปพร้อมเอาขี้มูกป้ายตามฝาห้องบ้าง โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งบ้าง บางครั้งก็เอาเสื้อที่ใส่อยู่ เช็ดขี้มูกและน้ำตาที่เปื้อนตามใบหน้า และบอกกับนักข่าวว่า...ผมโดนรังแกๆ ผมเป็นนายกของผมอยู่ดีๆ นายพันทักษิโดก็มาตั้งกองกำลังแบบกองทัพ ตั้งแข่งกับผม หนำซ้ำยังไม่พอยังจะจัดตั้งรัฐบาลนอกประเทศอีก วัตถุประสงค์ตั้งขึ้นเพื่อมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนรัฐบาลผม ผมไม่ได้ทำอะไรเค้าเลย ผมแค่อยากจับตัวเค้ามาดำเนินคดีด้วยการไล่ล่าสุดชีวิตเท่าที่มันสมองฝ่อๆ ของผมจะทำได้ ผมแค่ใส่ความ ใส่ไคล้ ใส่ไข่เค้าแค่ไม่กี่ฟอง (แต่นักข่าวนับได้ประมาณ 100 ฟองนับตั้งแต่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล) ผมผิดด้วยเหรอคับที่ผมอยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่นตัวคลอน ผมผิดด้วยเหรอที่ประชาชนอยากไล่ให้ผมไปจากตำแหน่งนายกประเทศสารขันธ์แล้วผมไม่ยอมไป ผมผิดด้วยเหรอที่หล่อแต่ไม่มีความจริงใจ ผมผิดด้วยเหรอที่พยายามใส่ไคล้คนโน้นคนนี้แล้วประชาชนจับได้ซะทุกที ผมผิดด้วยเหรอ...มีเสียงสอดแทรกมาว่า...พอๆๆ เหอะเอ็งผิดทุกเรื่องล่ะ...นายกหันไปมองที่มาที่ไปของเสียงว่ามาจากที่ใด...พร้อมสะดุ้งเฮือก...หยุดร้องทันทีทันใดเพราะเสียงที่มาเป็นชายแก่ (มาก) มีผมหงอกขาวทั้งหัว...และคนๆ นี้ยังพูดต่อว่า...แต่ข้าก็ให้อภัยเอ็งเสมอมา...ตอนนี้ไม่มีใครหล่อเกินเอ็ง ตราบใดที่แม่ยกยังเพียบอยู่ข้าจะเลี้ยงเอ็งไว้สักพักเพราะเอ็งยังมีประโยชน์กับข้าอยู่...แต่ถ้าเอ็งสร้างเรื่องใส่ไคล้คนอื่นไม่สำเร็จอยู่อย่างนี้ต่อไปข้าจะสั่งปลดเอ็งแล้วล่ะ..จำเอาไว้ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ตอนนี้...ข้ารักเอ็งนะเด็กโง่เอ๋ย...

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 20:59:15 น.		16 comments
Counter : 889 Pageviews.
Share Tweet