|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แปกเป้ขึ้น บขส. ไปเวียดนาม
ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา งานการไม่ค่อยมีทำครับ พรรคพวกที่เคยเที่ยวด้วยกันก็ลางานกันไม่ได้ เลยแบกเป้นั่งรถไปเวียดนามดีกว่า
ขึ้นรถที่ บขส. ภูเก็ตเย็นวันเสาร์ วันอาทิตย์ถึงกรุงเทพฯ ไปนอนตีแปลงที่บ้านเพื่อนที่สะพานควายอยู่ทั้งวัน ตอนหัวค่ำไปหมอชิต นั่งรถไปมุกดาหาร เช้าวันจันทร์ก็อยู่ที่ท่ารถมุกดาหาร ซื้อตั๋วอินเตอร์บัสข้ามไปฝั่งสวันเขต ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วที่ บขส. มุกดาหารมีขายตั๋วรถบัสจากสวันเขตไปเว้ด้วย ซื้อที่นี่แล้วเอาตั๋วไปเปลี่ยนที่ท่ารถลาวเป็นตั๋วภาษาลาว สะดวกดีครับ มีประกันภัยให้ด้วย
รถบัสโดยสารจากสวันเขตไปเว้ มีทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ จากเว้กลับมาสวันเขต มีวันอังคาร-พฤหัส-เสาร์ (ก็รถคันเดิมนั่นแหละ) วันอาทิตย์หยุดวิ่ง 1 วัน
ถึง บขส.ลาว เปลี่ยนตั๋วได้เข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถ วันนี้รถไม่ถึงกับแน่นมาก เป็นรถแอร์ที่มีแอร์เล็กน้อยพอให้รู้ว่าเป็นแอร์
รถบัสระหว่างประเทศ มุกดาหาร-สะหวันเขต ท่ารถสะหวันเขต ปะเทดลาว ครับ
ระยะทางจากสวันเขตไปด่านแดนสะหวัน (ลาว) 287 ก.ม. แล้วเดินข้ามไปด่านลาวบาว (เวียดนาม) เสร็จแล้วก็ไปเว้อีกราว ๆ 150 กิโลเมตร รถบัสวิ่งเกือบสิบชั่วโมง (ถ้าเป็น บขส.ไทย ห้าชั่วโมงก็เกินพอ) บนถนนหารถวิ่งยาก มีแต่วัวควายแพะไก่ สองข้างทางเป็นทุ่งนาแห้งแล้ง แวะพักทานข้าวเที่ยงเมืองพินในเขตลาว เข้าใจว่าเป็นร้านของชาวเวียดนาม เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วก็ทำข้าวผัดได้ห่วยแตกมาก (เพื่อนเคยบอกว่าคนเวียดนามผัดข้าวผัดไม่เป็น-เห็นจะจริง) แล้วก็นั่งปุเลง ๆ ต่อไปด่านแดนสะหวันฝั่งลาว ทำเรื่องออกนอกประเทศลาวแล้วเดินไปด่านลาวบาวของเวียดนาม ห่างกันราว ๆ ร้อยกว่าเมตร ทั้งสองด่านมีสาว ๆ ชาวเวียดคอยเดินตื้อให้บริการแลกเงินด่อง
กว่าจะเสร็จเรื่องราวที่ด่านครบกันทุกคนก็ปาเข้าไปชั่วโมงกว่า เริ่มออกเดินทางกันต่อ ตอนนี้คนไทยในรถเริ่มสนิทกันบ้าง มีเฮียคนอุดรที่พูดได้ทั้งไทย-ลาว-เวียดนาม เด็กหนุ่มเดินทางคนเดียว 2 Lady Boy ที่น่ารักจากรั้วพระเกี้ยว มีหนุ่มไทยที่พาคุณพ่อจากยะลากลับบ้านเดิมที่เว้ แล้วก็สองสาวที่นั่งด้านหน้าไม่มาสุงสิงกับคนไทย เธอทั้งคู่เป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนมาเรียนที่เมืองดองฮา (Lady Boy ไปถามแล้วมาเล่าให้ฟังครับ)
เข้าเขตเวียดนาม ต้นไม้เขียว อากาศเย็นสบายแตกต่างกับทางลาวลิบลับ ถนนเลียบไปกับแม่น้ำเบ็นไห่ จนเข้าเมืองดองฮา ซึ่งอดีตเคยใช้เป็นเส้นขนานที่ 17 แบ่งแยกเป็นเวียดนามเหนือ-เวียดนามใต้ เฮียสามภาษาลงที่เมืองนี้ บอกว่าจะต่อรถไฟไปฮานอย ชวนผมไปด้วย ผมบอกแกไปว่าเจอกันบนเส้นทางคราวหน้าแล้วกันนะเฮีย นอนบนรถตั้งแต่ภูเก็ตมานี่สองคืนแล้ว คืนนี้ขอนอนเตียงสบาย ๆ ดีกว่า อ้อ..อีก 2 สาวก็ลงที่เมืองนี้เหมือนกัน ตอนนั้นห้าโมงเย็นแล้ว อีกราว ๆ 70-80 กิโลกว่าจะถึงเมืองเว้ แถมในเวียดนามขับรถเร็วไม่ได้ ตำรวจจับ ปรับแพง
ตอนนี้มีเจ๊เวียดบนรถ ท่าทางอารมณ์ดี เริ่มเปิดการขายเงินด่องอีกแล้ว เจ๊แกพูดลาวได้นิดหน่อย เลยสื่อสารกันเฮฮาพอรู้เรื่อง แหม่มมาคนเดียวเห็นคนไทยแลกตังก็เลยเอามั่ง ดูเหมือนเจ๊จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
เมืองเว้ เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า HUE บนตัว E มีหมวกมีขีดอะไรต่อมิอะไรอีก 2 ตัว อ่านยังไงก็ออกเสียงว่า หิว (ฝรั่งยังอ่านออกเสียงว่าฮิวเลย) แล้วกว่าจะถึงก็หิวจริง ๆ ด้วย เพราะถึงท่ารถเกือบสองทุ่ม ปกติรถก็ขับช้าอยู่แล้ว นี่ดันเจอฝนเข้าไปอีก ย่องสักราว ๆ 30-40 เห็นจะได้ คราวนี้ขนมปัง น้ำ ของใครมีเหลือก็งัดขึ้นมาแบ่งกันบนรถ
ถึงท่ารถเมืองเว้ ลืมสถานี บขส.ของไทยไปได้เลยครับ เป็นลานดินจอดรถเฉอะแฉะ มีกำแพงล้อม มีอาคารอยู่หลังนึงห่าง ๆ เห็นได้แค่นี้เพราะพี่เวียดแกประหยัดไฟ มีไฟสลัว ๆ ทึม ๆ อยู่ 2-3 ดวง รถจอดมันกลางลานดินนั่นแหละ ลงจากรถได้อันดับแรกคือวิ่งหาเป้ก่อน ต้องใช้ไฟฉายส่องครับ แล้วรีบคว้าให้ทันก่อนที่จะถูกโยนลงบนดินที่แฉะ ๆ ฝนก็ตกพรำ ๆ คนไทยก็มารวมกลุ่มกันว่าจะเอาไงดี หนุ่มไทยกับคุณพ่อจากยะลามีญาติมารับไปเรียบร้อยแล้ว ครู่เดียวเจ๊ก็เดินมาชวนหารค่าแท็กซี่ด้วยกัน ที่ ๆ แกจะไปก็อยู่กลางแหล่งโรงแรมพอดี เอาก็เอา แล้วทั้งหมดก็อัดกันขึ้นไปบนรถตู้คันเล็ก ๆ 2 Lady Boy เธอเอากระเป๋าเดินทางแบบลากใบเบ้อเริ่มแบบที่ใช้เดินทางด้วยเครื่องบิน กว่าจะอัดขึ้นไปได้ผมต้องระเห็จขึ้นไปนั่งคุดคู้ติดหลังคาอยู่บนกระเป๋ามหัศจรรย์ใบนั้น ค่ารถหารกันแล้วดูเหมือนจะราว ๆ คนละ 15 บาท
ถึงร้านญาติเจ๊ โรงแรมดองเฟืองอยู่ข้าง ๆ คืนละ 8 เหรียญ ห้องแอร์ น้ำร้อน-เย็น ตู้เย็น ทีวี เคเบิ้ล (ดูไม่รู้เรื่องสักช่อง) แถวนั้นโรงแรมเพียบ ขี้เกียจเดินหาที่อื่น พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เช็คอินเสร็จเดินชมเมือง กลับไปที่ร้านของชำของญาติเจ๊ก่อน อาเฮียแกเว่าลาวได้พอ ๆ กับเจ๊ เห็นเบียร์แช่อยู่ในตู้หลายยี่ห้อ ชี้ไปที่ป๋องเขียวตรา Huda รสชาติดีทีเดียว กระป๋องละ 6000 ด่อง ราว ๆ 12 บาท อืม... เวียดนามนี้น่าอยู่จริง ๆ
มื้อแรกในเวียดนามครับ ขนมจีนขาหมู กับลูกชิ้น (เนื้ออะไรก็ช่างเถอะ) น้อง ๆ ลูกเทนนิส
หิ้วติดมือมา 3 กระป๋อง เดินหาอะไรทานก่อน ร้านอาหารก็เพียบ ฝรั่งนั่งกันตรึม แต่ผมไปสะดุดเอาหาบใต้ต้นไม้ มีคนเวียดนั่งล้อมวงกันหลายคน ส่งภาษาปากกากับกระดาษถามได้ความว่าเป็นขนมจีนขาหมูกับลูกชิ้นขนาดลูกเทนนิส ราคาถ้วยละ 10000 ด่อง = 20 บาท (ช่วงที่ผมไปนั่น 1 บาท แลกได้ 490 ด่อง คิดง่าย ๆ ครับ เงินด่องตัดศูนย์สามตัวหลังออก แล้วคูณด้วย 2 ส่วนเงินกีบก็ตัดศูนย์เหมือนกัน แต่คูณด้วย 4 ตกมาเป็นเงินบาท) พอเราทำท่าจะนั่งทาน รีบบอกมาเลยว่ามีราคาพิเศษด้วยนะ ถ้วยละ 15000 ด่อง ฮั่นแน่ !!! สวมวิญญาณซามูไรเชียวนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เอาไอ้ถ้วยละ 15000 นั่นแหละมา ดูซิจะฟันได้ถึงไหน
นั่งทานบนโต๊ะและเก้าอี้เตี้ย ๆ ใต้ต้นไม้ข้างถนนในเมืองเว้ ซด Huda ไป แทะขาหมูไปจนเกลี้ยง จึงพบว่าเมืองเว้คืนนี้สวยขึ้นอีกเยอะเลย
เมืองเว้ยามเช้า
รุ่งเช้า เด็กหนุ่มไทยที่มาคนเดียวนั่นจับรถไปฮอยอันแล้ว ส่วน 2 Lady Boy ก็นั่งรถไปดาลัดตอนเช้ามืด เดิมทีพวกเธอจะอยู่เที่ยวเว้อีกวัน แต่เมื่อคืนผมเล่าเรื่องเมืองดาลัดที่ผมเคยไปให้ฟัง ก็เลยเปลี่ยนโปรแกรมไปดาลัดทันที ใจง่ายดีแฮะ
ซากรถถังตระกูล M กับปืนใหญ่อัตตาจร (คงจะเรียกถูกนะครับ) ของมะริกัน ที่พ่ายแพ้แก่รถถัง T54 ของเวียดนามเหนือในศึกเมืองเว้ นำมาตั้งแสดงตอกย้ำชัยชนะของชาวเวียดนาม
เช้านี้ผมเดินข้ามสะพานไปฝั่งเมืองเก่า ชมพิพิธภัณฑ์ มีรถถังไอ้กันที่ถูกยึดได้สมัยสงครามมาโชว์ (หรือประจานหว่า) ด้วย กว่าจะครบรอบก็เกือบเที่ยง เจอร้านอาหารแบบชาวบ้านอร่อยไม่แพงอีกร้านนึง อิ่มแล้วก็เดินกลับมาเปิดแอร์นอนที่โรงแรม เพราะยามเที่ยงของเมืองเว้นี่ อากาศร้อนได้ใจจริง ๆ เปิดทีวีดูก็ไม่รู้เรื่องตามเคย หนังฝรั่งก็พูดเวียดนาม พูดนะครับไม่ใช่พากษ์ พูดแบบบรรยายซัพไตเติ้ลเลย ถ้าเป็นผู้หญิงพากษ์ เอ๊ย พูด ก็จะพูดแทนตัวละครทุกตัวทั้งเรื่องทั้งหญิงชาย ไม่มีดัดเสียง ไม่มีเสียงเด็ก เสียงคนแก่ ไม่มีอารมณ์ตามเรื่องทั้งนั้น ดูแล้วสนุกพิลึก
Truongtien Bridge ลอง Effect ดูเล่น ๆ ครับ
พอตอนเย็นก็เดินกลับมาที่เชิงสะพานตรังเทียน (คงจะออกเสียงถูกนะครับ) สะพานโครงเหล็กแบบสะพานพุทธ ทาสีเหมือนสะพานกรุงเทพ แต่ขนาดเล็กกว่ากันเยอะ ทอดข้ามแม่น้ำหอม กลางเมืองเว้ รู้มาว่าสะพานนี้จะมีการเปิดไฟสลับสีกันในตอนกลางคืน แต่ที่ไม่รู้คือเปิดไฟวันไหนและไม่เปิดวันไหน วันนี้เลยแบกขาตั้งกล้องมารอตั้งแต่เย็นพร้อมกับเพื่อนใหม่ Huda Beer
ยามเย็นริมแม่น้ำหอม
Create Date : 17 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 21:58:34 น. |
|
15 comments
|
Counter : 8649 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:19:05:47 น. |
|
|
|
โดย: Fullgold วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:19:17:03 น. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:19:44:14 น. |
|
|
|
โดย: (@-@) (ตาพรานบุญ ) วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:20:05:05 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:20:49:28 น. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:21:28:20 น. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:21:38:36 น. |
|
|
|
โดย: Fullgold วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:15:42:49 น. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:12:11:39 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:11:01:09 น. |
|
|
|
โดย: Fullgold วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:17:34:24 น. |
|
|
|
โดย: Dearance วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:21:44:04 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:8:09:02 น. |
|
|
|
| |
|
|
ไวทันใจ