<::จลาจลรัก::> -- บทนำ
สวัสดีค่ะ วันนี้ปริ๊นซ์เอานิยายเรื่องใหม่มาฝากไว้ในอ้อมอก อ้อมใจทุกคนค่ะ ยังไงก็ฝากนิยายเรื่อง "จลาจลรัก" ไว้ด้วยนะคะ
มีข้อติชมอะไร บอกปริ๊นซ์ได้นะคะ ทุกความเห็นมีค่าเสมอ ติเพื่อก่อ ผลงานจะได้ออกมาดีค่ะ
ที่สำคัญ ต้องขอบคุณทุกๆ คะแนนโหวตด้วยนะคะที่ทำให้จลาจลรักติดอันดับ 1 ใน 3 ของการประกวด Natty Contest "โครงการค้นหานักเขียนน่ารัก"
(สำหรับตอนนี้กำลังเริ่มรีไรท์ด้วย ลงเหมือนกันหมดค่ะ)
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะชอบน้าาา ---------------------------------------------- บทนำ พื้นทางเดินที่ปูด้วยหินสีดำมันปลาบอันเป็นทรัพยากรราคาสูงลิบของประเทศ อุรัศยา ที่ได้รับการยืนยันว่าสามารถทนต่อแรงดันได้มากกว่าหินแกรนิตถึง 20 เท่า อาจกำลังถูกพิสูจน์ด้วยพระบาทหลายสิบคู่จากทั่วทุกสารทิศที่ล้วนมีจุดหมายเดียวกันคือพระราชวังเบื้องหน้า ผู้มาเยือนทุกคนล้วนอยู่ในฉลองพระองค์ที่ละม้ายคล้ายคลึง เพราะประดับด้วยเครื่องอิสริยายศแสดงฐานะอันสูงส่ง หากจะต่างก็คงเป็นเพียงโทนสีซึ่งเป็นธรรมเนียมว่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์จำต้องมีสีประจำพระองค์ อันถือเป็นของรับขวัญพระราชทานจากกษัตริย์โดยคำทำนายของโหรหลวง
ดูเหมือนว่าผมจะไม่ใช่คนเดียวที่ถูกเรียกนะเนี่ย เจ้าชายหนุ่มพระองค์เล็กในฉลองพระองค์สีม่วงดอกไลแลคเอ่ยขึ้นเมื่อเร่งฝีพระบาททันบุรุษทั้งสอง ไม่รู้ว่าท่านพ่อมีเรื่องอะไร เมื่อกี้เพิ่งสวนกับพี่สอง...หน้ามุ่ยมาเชียว สงสัยเพิ่งตื่น
คู่สนทนาผินพระพักตร์กลับมาเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ลดความเร็วในการเดิน
มากไปภีม ตรีธัยตอบกลั้วหัวเราะ แล้วบุ้ยใบ้ไปทางพระเชษฐาหน้านิ่งข้างๆ น้องชายเขาอยู่นี่ทั้งคน
โอ้... ภีมายุกรแสร้งทำท่าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วโคลงพระเศียรเล็กน้อยให้อีกพระองค์ที่ถูกพาดพิง ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ
คนถูกล้อทำเพียงตวัดพระเนตรไม่บอกอารมณ์กลับมาให้คนใจกล้า พระพักตร์เรียวรับกับพระนาสิกได้รูป กอปรกับพระเนตรคมกล้าใต้พระขนงหนาเข้ม อาจทำให้คนถูกมองหวาดผวาแม้เพียงเจ้าชายเก้าปรายพระเนตรเย็นเยียบให้ แต่ไม่ใช่กับภีมายุกร เพราะเขารู้ว่าลองถ้า เศรษฐถิรฐายุ ไม่พอใจจริง นอกจากพระเนตรดุแล้ว พระโอษฐ์หยักโค้งที่สตรีทั่วอุรัศยาต่างหลงใหลคงสาดวาจาเสียดหูแสลงใจใส่เขาอย่างไม่รอช้า
แล้วนายล่ะภีม...ทำอะไรอยู่? ตรีธัยตรัสถามพระอนุชา ฉันว่านายก็คงเพิ่งตื่นล่ะมั้ง กลิ่นไม่ดีเลยนี่
เฮ้... คนถูกเหน็บร้อง อาบตั้งแต่เช้าแล้วฮะ นี่ผมก็เพิ่งถูกตามออกมาจากห้องแล๊ป ยังกลัวอยู่ว่าจะมีคนไปทูลฟ้องเรื่องงานวิจัยของผมหรือเปล่า ภีมายุกรหลิ่วพระเนตรให้กับพระเชษฐาทั้งสองที่รู้กันว่า งานวิจัย ของเขาเป็นงานประเภทไหน
ตรีธัยแย้มพระโอษฐ์ ฉันก็ว่าจะหาเวลาไปทูลเสียหน่อย นับวันยิ่งพิลึกนะห้องแล๊ปนาย
พี่ก็พูดซะเสียหาย ผมทำเพื่อประเทศครับ งานวิจัยระดับชาติเชียวนะจะบอกให้ ภีมายุกรแก้ แล้วเบี่ยงประเด็นไปหาพระเชษฐาทั้งสองพระองค์แทน ว่าแต่ผม พี่สองคนนั่นแหละ ผู้ชายตัวติดกันอย่างนี้ ระวังข่าวลือจะยิ่งสะพัดนะครับ รู้ๆ กันอยู่ว่านางกำนัลในวังหูตาไวจนน่าจับไปอยู่หน่วยข่าวกรองแทนผู้ชายเสียอีก ภีมายุกรเย้า
มันน่าจับมาตัดลิ้นให้หมด
เป็นประโยคแรกที่ออกจากพระโอษฐ์สีสดของคนพูดน้อยที่ยังคงพระพักตร์เรียบเฉยราวกับว่าการตัดลิ้นง่ายดายเหมือนตัดผม พระอนุชาทั้งสองลอบสบพระเนตรกันอย่างขำๆ
แต่ไม่รู้ท่านพ่อมีเรื่องด่วนอะไรนะครับ อ้าว...นั่นพี่หนึ่งนี่
ตรีธัยมองตามไป เห็นว่าเจ้าชายภรัญติกำลังสาวพระบาทไวๆ มาทางนี้เช่นกัน คงจะเพิ่งออกจากสภามาเหมือนกันล่ะมั้ง...มาจากทิศนั้นน่ะ
นี่สรุปว่าโดนเรียกมาหมดมั้งฮะ ขนาดท่านรัฐมนตรียังไม่รอดเลย สงสัยจังว่าเรื่องด่วนที่ว่าคืออะไร
มีเพียงตรีธัยเท่านั้นที่พยักพระพักตร์เห็นด้วย เศรษฐถิรฐายุหันมาทันสบพระเนตรเป็นประกายของพระอนุชาพระองค์เล็ก มุมพระโอษฐ์กระดกขึ้นเล็กน้อย สุรเสียงทุ้มตรัสขึ้น
คงเป็นเรื่องเดียวกับที่นายรู้มานั่นแหละ
พระพักตร์ของตรีธัยฉายแววงุนงง ต่างกับภีมายุกรที่โคลงพระเศียรให้คนรู้ทัน ความจริงเขาก็พอจะ แว่ว เรื่องด่วนของท่านพ่อมาบ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่าเศรษฐถิรฐายุจะรู้ทัน
เฮ้อ...เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือเจ้าชายสิบเจ็ดอย่างเขาก็คงมีเจ้าชายเก้าอย่างเศรษฐนี่แหละ
พระโอษฐ์ที่กำลังจะตรัสถามว่าเหตุใดพระเชษฐาถึงทราบข่าวมีอันต้องหุบไป เมื่อทั้งสามพระองค์เคลื่อนพระวรกายมาถึงหน้าพระราขวังแล้ว เหล่าทหาร องครักษ์ และขุนนางชั้นสูงออกมายืนเรียงแถวต้อนรับการมาของเจ้าชายทุกพระองค์อย่างพร้อมเพรียง
ภีมายุกรลอบถอนพระปัสสาสะ ซ่อนความเบื่อหน่ายไว้ภายใต้หน้ากากเป็นการเป็นงานที่เขาเลือกสวมในวันนี้ เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรเห็นพระเชษฐาหลายคนที่ท่าทางเคร่งขรึมเอางาน หาใช่ของเทียมแบบเขาแล้วก็อิจฉา ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกลียดเรื่องการดูแลบ้านเมืองเหลือเกิน
หรือจะพูดให้ถูก คงต้องบอกว่า...เขาเกลียดอำนาจในมือเสียเหลือเกิน
หากมันจะต้องแลกมาด้วยคำว่า อิสรภาพ
มากันครบแล้วหรือ สุรเสียงแหบดังขึ้น องค์ราชันหยัดพระวรกายขึ้นจากพระแท่น โดยมีหมอหลวงคอยดูแลพระอาการไม่ห่าง
เศรษฐถิรฐายุทอดพระเนตรภาพตรงหน้าแล้วช่างสะท้อนใจ เนื่องด้วยพระพลานามัยที่ค่อนไปทางไม่สู้ดีนักขององค์ราชัน ทำให้เจ้าชายหนึ่งหรือเจ้าชายภรัญติต้องรับหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองแทน ซึ่งนั่นถือว่าอำนาจเกือบทั้งหมดกำลังจะถูกถ่ายโอนไป แต่โชคดีที่มันเลือกอยู่ถูกคน
ช่วยหน่อยเศรษฐ องค์ราชันตรัสเรียกเขา พระวรกายสูงใหญ่ค่อยๆ ช่วยประคองผู้เป็นพ่อคนละข้างกับพระเชษฐา...ภรัญติ
แม้ว่าเขาจะถูกเรียกเพราะอยู่ใกล้ที่สุด แต่นั่นคงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ทุกคนเข้าใจ นอกเหนือไปจากว่าเขาเป็น ลูกรัก เศรษฐถิรฐายุเบื่อกับคำเรียกขานนี้ รู้ดีว่าทุกอย่างที่ทำไปไม่ได้หวังลาภยศเงินทองใดๆ สิ่งที่ทำลงไปล้วนเป็นสิ่งที่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ลูก ควรทำให้บุพการียามแก่เฒ่าทั้งสิ้น
พระเนตรคมของเจ้าชายเก้าตวัดไปทางปลายแถวเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ เหตุเพราะวันนี้การเรียกพบเกิดที่ห้องบรรทมขององค์ราชัน ทำให้เจ้าชายทั้งสิบเจ็ดพระองค์ต้องยืนแบ่งครึ่งเป็นสองฝั่ง และมันดูจะเป็นเรื่องงี่เง่ามากที่เจ้าชายแปดอย่างชาร์คีจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อคนที่ยืนหลังสุดเป็นตัวเอง และผู้นำอีกแถวเป็นเจ้าชายเก้าเช่นเขา
แต่แน่นอนว่าเศรษฐถิรฐายุคิดว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าที่มีมูลความจริงอย่างหาที่เลี่ยงไม่ได้!!!
ความอิจฉาริษยาใช่ว่าสตรีเพศเท่านั้นที่มีได้ ใช่ว่าเหตุของมันคือความรักเหมือนในนิยายเพียงอย่างเดียว อำนาจ ก็เป็นต้นเหตุความพินาจย่อยยับของประเทศได้เช่นกัน
เจ้าชายเก้าแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ ไม่รู้สึกอะไรที่ถูกมองด้วยสายตาที่กลบความเกลียดชังไว้ไม่มิด เขาชินเสียแล้วกับการเติบโตมาในวังที่มีเจ้าชายอีกตั้งสิบหกพระองค์ และขุนนางน้อยใหญ่ที่ถวิลหาอำนาจมาเสริมบารมีจนท่วมหัว
แต่สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอดกันแทบทุกคน
ชีวิตที่ต้องแก่งแย่งชิงดี เหยียบหัวกันขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดอันแสนหนาวเย็น เขาเข้าใจมันมาตั้งแต่เกิด หากเพียงจะทำตัวตามน้ำไปหรือไหลทวนน้ำก็เท่านั้น...
ที่วันนี้ต้องเรียกพวกเจ้ามาหาก็เพราะมีเรื่องจะขอร้อง องค์ราชันตรัสขึ้น พระเนตรสิบเจ็ดคู่เพ่งมาที่บุพการี ...เมื่อบ่ายสายทหารของเราส่งข่าวมาว่า
สุรเสียงแหบถูกกลืนหายไปพร้อมกับสายพระเนตรอันเจ็บปวด เจ้าชายหลายพระองค์สบพระเนตรกัน ด้วยเข้าใจว่าอาจมีข้าศึกจากทางเหนือบุกมารบอีกรอบ เพราะอุรัศยาถือได้ว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเพชรพลอยและของมีค่ามากมาย
รายงานว่าอย่างไรท่านพ่อ ลูกจะได้เตรียมจัดกำลังพลของเราให้พร้อม ขอทรงอย่าได้วิตก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน พี่ๆ และน้องๆ เถิด เจ้าชายหกตรัสขึ้น ทุกพระองค์ต่างพยักพระพัตร์เห็นด้วย เพราะคนพูดคือเจ้าชายเอกการอารักขา ขอบใจเจ้ามากอารักษ์ แต่ข่าวที่ได้มาไม่ใช่อย่างที่คิด องค์ราชันตรัสสุรเสียงหนักพระทัย มีชาวบ้านพบศพบุหงารตี
หลายพระเนตรสบกัน ทุกพระองค์ต่างทราบดีกว่า พระนางบุหงารตี คือพระมเหสีในองค์ราชันพระองค์ก่อน ซึ่งสิ้นพระชนม์เพราะหนีจากการปฏิวัติขององค์ราชันพระองค์ปัจจุบันซึ่งก็คือพ่อของเขานั่นเอง
แต่จะมีใครอีกเล่านอกจากเศรษฐถิรฐายุที่ล่วงรู้ว่าความสำคัญของพระนางบุหงารตีว่ามีมากกว่าพระยศพระเชษฐนี แต่หากยังเป็น นางในพระทัย ขององค์ราชันองค์ปัจจุบันตลอดมา!!!
ความรักที่ต้องเก็บซ่อน ความรัก...ที่ทำให้องค์ราชันไม่คิดจะรักใครอีก แม้กระทั่งแม่ของเขาที่มีตำแหน่งเป็นถึงพระมเหสีในพระองค์!
มันเป็นเหมือนบาปที่เกาะกินใจของพ่อมานานเหลือเกินลูกทั้งหลาย
เศรษฐถิรฐายุหลุบพระเนตรทอดมองพื้น แม้ว่าการช่วงชิงบัลลังก์ของกษัตริย์จะถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาก็ไม่อยากให้อนาคตตัวเองต้องเป็นเช่นนั้น เขาไม่อยากจะต้องมาเข่นฆ่ากันเองเพียงเพราะอำนาจบังตา บัลลังก์กษัตริย์อันยิ่งใหญ่ สูงเสียดฟ้า และเป็นที่ปรารถนาของทุกคน แต่ข้างบนนั้นเล่าช่างเหน็บหนาวและโดดเดี่ยว ยิ่งเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็มิอาจหลีกพ้นจำต้องละทิ้งอำนาจสูงส่งนั้น มีเพียงเสียงหัวเราะของผู้กระหายในอำนาจคนต่อไปที่จะคอยวนเวียนอยู่ข้างร่างอันไร้วิญญาณ
จะดีไหมกระหม่อม ถ้าเราจะนำขบวนเกียรติยศไปรับพระศพกลับมาทำตามประเพณีของอุรัศยา เจ้าชายไวยธนา...เอกพิธีการเสนอ ไม่เกินสามวัน ขบวนแห่อย่างสมพระเกียรติจะถูกส่งไปรับพระศพกลับมาพระเจ้าค่ะ
แต่กระหม่อมว่า... เจ้าชายอัคคราขัดขึ้น สุรเสียงก้องกังวาล มันจะไม่เป็นการรื้อฟื้นความทรงจำของประชาชนหรือพระเจ้าค่ะ
หลายพระองค์เริ่มโอนเอียงตาม หากสุรเสียงนุ่มของเจ้าชายพระองค์สุดท้ายตรัสขึ้นเสียก่อน
หากจะรื้อฟื้น...ก็คงห้ามไม่ทันแล้วล่ะกระหม่อม ป่านนี้เรื่องการพบพระศพคงขยายวงกว้างแล้ว ภีมายุแย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสเชิงขบขัน ปากคนห้ามได้เสียที่ไหน...ยิ่งห้ามก็เหมือนเอาน้ำมันไปราดดับกองไฟนั่นแหละ
กระหม่อมเห็นด้วยกับน้องสิบเจ็ด เศรษฐถิรฐายุเอ่ยหลังจากเห็นว่าเจ้าชายอัคครามีทีท่าไม่พอใจภีมายุกร เขาไม่ได้ถือหางใคร เพียงแค่เห็นด้วยกับความคิดเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะนำพระศพกลับมาประกอบพิธีให้สมพระเกียรติ นอกจากจะเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับมาได้แล้ว เหนือไปกว่านั้นสิ่งที่พวกเราควรตระหนักคือความสบายพระทัยของท่านพ่อด้วย
สิ้นสุรเสียงทุ้มนุ่ม หลายเสียงก็เอียงกลับมาเข้าข้างเศรษฐถิรฐายุ ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าชายภรัญติ-พี่ใหญ่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยระคนชื่นชมด้วยแล้ว ก็คล้ายเป็นการสรุปการถกเถียงเมื่อครู่ให้จบลงอย่างง่ายดาย
ถ้าเช่นนั้น ขอให้ท่านพ่อวางพระทัย ปล่อยเป็นหน้าที่ของกระหม่อมเถิด
องค์ราชันแย้มพระสรวลเล็กน้อย ต้องฝากเจ้าแล้วไวยธนา เพียงแต่ว่า...
แต่อะไรพระเจ้าค่ะ? ไวยธนาเอ่ยถาม
มีอีกเรื่องที่พ่อยังห่วงและไม่อาจนอนตายตาหลับได้
ความเงียบแผ่ปกคลุมหลังจากคำว่า ตาย หลุดออกจากพระโอษฐ์ขององค์ราชัน แม้ลึกๆ จะรู้ว่าอาการประชวรของผู้เป็นพ่อนั้นเรื้อรังและไม่อาจหายขาด ได้แค่รักษาแบบประคับประคองอาการเท่านั้น
ท่านพ่ออย่าทรงตรัสเช่นนั้น เจ้าชายวิวรรธน์เอ่ย แต่ถูกขัดโดยเจ้าชายภรัญติซึ่งคุกเข่าลงทำให้ทุกพระองค์รีบทรุดพระวรกายลงตาม
หากเป็นพระประสงค์ ขอเพียงให้ท่านพ่อสบายพระทัย ต่อให้ต้องพลีชีพ พวกเราก็น้อมรับคำสั่งและพร้อมปฏิบัติพระเจ้าค่ะ
พวกเราน้อมรับคำสั่ง สุรเสียงทั้งหมดประสานเป็นหนึ่งเดียว
เรื่องสุดท้ายที่พ่อจะไหว้วาน ก่อนบุหงารตีจะสิ้น นางมีพระประสูติกาลให้พระธิดาขององค์ราชันพระองค์ก่อน ซึ่งก็คือพระเชษฐาของพ่อ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพระธิดาจะตกระกำลำบากอย่างไรบ้าง หากพ่อได้มีโอกาสดูแลหรือช่วยได้คงจะดีไม่น้อย องค์ราชันโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณว่าให้ลุกขึ้นได้ หากทว่าพระเนตรกวาดไปทั่วห้องบรรทม ทันเห็นท่าทางไม่เห็นด้วยของหลายต่อหลายพระองค์ คำตรัสเชิงไว้วานจึงมลายหายไป เหลือเพียงพระบรมราชโองการที่ว่า...
ใครนำตัวพระธิดาของบุหงารตีกลับมาได้ เราจะยกบัลลังก์ให้ผู้นั้นขึ้นครอง!!!
Free TextEditor
Create Date : 18 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 17:59:26 น. |
|
2 comments
|
Counter : 312 Pageviews. |
|
|
แง่มๆ ขอโทษนะคะ
ปริ๊นซ์มีปัญหาเรื่องการจัดหน้ากระดาษทุกทีเลย
แก้มาหลายรอบมากๆ
ไม่แก้อกดีกว่า เพราะว่าเด๋วจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
มีความสุขกับการอ่านค่ะ