space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2563
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
space
space
29 กุมภาพันธ์ 2563
space
space
space

การป้องกันตัวจาก PM2.5 และไวรัสCOVID และทุกสายพันธุ์ในชีวิตประจำวัน

        ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจาก COVID-19 พัฒนาตัวเอง จนสามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้ ทำให้การแพร่เชื้อเป็นไปได้ง่ายขึ้น คนตื่นตัวมากขึ้นเพราะอยู่ๆ ก็มีประกาศประเทศอันตรายนี่ควรงดไป (ทำไมอยู่ๆ ประกาศ แสดงว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ปิดข่าวจนตอนนี้เอาไว้ไม่อยู่แล้ว)
และข่าวการแพร่ระบาดโดยคนด้วยกัน ที่จะเรียกว่า "มนุษย์ป้า – มนุษย์ลุง" ก่อให้เกิดความตระหนกเป็นวงกว้างจากกรณีคุณป้าเกาหลี คุณตาคุณยายไปเที่ยวฮอกไกโด และคนที่ไปเที่ยวต่างประเทศกลับมาแล้วไม่ยอมโดนกักตัว หรือหนักกว่าคือที่ทำงานให้หยุดก็ดันไปเที่ยว คนพวกนี้ไม่ใช่คนแรก และไม่ใช่คนสุดท้าย สำหรับผมคนพวกนี้ยังไม่น่ากลัว เพราะมีคนรู้เห็นที่มา ที่ไปของเขา (สืบได้เมื่อโรคระบาด) แต่ที่น่ากลัวคือกลุ่มคนที่ถึงตายก็เปิดเผยไม่ได้ เช่น นางสาว ก ไปเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยงมา กลับมาก็กักตัวเองอยู่บ้านปกติ แต่มีนาย ข กิ๊กหนุ่มที่มีครอบครัวแล้วแวะไปมีสัมพันธ์ด้วย ชายคนนั้นย่อมไม่ยอมเปิดเผยพฤติกรรมไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ และเมื่อกลับบ้าน คนในครอบครัวก็คือพาหะที่แพร่เชื้อได้ดีที่สุด หากนางสาว ก ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ นางสาว ข อาจได้รับการติดตามและรักษา แต่ครอบครัวนาย ข จะไม่สามารถยืนยันที่มา และการแพร่เชื้อได้เลย ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าคนในสังคมแบบนาย ข จะเอาเชื้อมาแพร่ให้เราแบบไหนบ้าง ดังนั้นในทุกที่ที่ท่านไป ไม่ใช่ว่ามันจะปลอดภัย แต่ไม่ว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรง หรือเบาบางแค่ไหน คุณหรือคนที่คุณรักจะติดโรคนี้หรือไม่ ก็อยู่ที่การรับมือของตัวคุณเอง
ก่อนนี้ที่มีแต่ PM2.5 ผมใส่ mask ทุกวัน เพราะผมรู้ว่า PM2.5 มันจะสะสมและส่งผลระยะยาวตอนแก่ ผมไม่อยากเป็นมะเร็งปอด หลอดเลือด ทางเดินหายใจ และเป็นภาระลูกหลาน ในขณะที่หลายคนมองด้วยสายตาแปลกๆ (คงคิดว่าเราเวอร์ ดัดจริต) แต่ความเป็นจริงตายด้วย PM2.5 ทรมานกว่าไวรัสเสียอีก เพราะไวรัส 2-3 weeks ไม่หาย ก็ตาย (ทรมานแป๊ปเดียว) แต่มะเร็ง (จาก PM2.5) ลูกหลานดูแลกันยาวนาน เสียตังส์มากมาย แต่สำหรับผมนับเป็นเรื่องดีที่คนกลัวตายเร่งด่วนมากกว่ากลัวตายผ่อนส่ง ทำให้ใส่ mask และระวังกันมากถึงขั้นสุด ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพทุกคน
        ที่ผ่านมา คุณหมอ นักวิทยาศาสตร์ หลายท่าน ออกมาแนะนำในเชิงวิชาการ เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ไม่ใช้ของร่วมกัน ไม่เข้าที่ชุมชน ฯลฯ ผมได้ทำสรุปให้พอเข้าใจง่าย รวมกันทั้งกัน PM2.5 และเชื้อไวรัส เพื่อให้เราได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่อึดอัดเกินไป แต่พอหมดสถานการณ์โรคระบาด ยังใช้ป้องกัน PM2.5 ที่จะสะสมแล้วสงผลต่อเราตอนแก่ต่อไปด้วย
การเตรียมตัวอย่างเข้าใจง่ายตั้งแต่ออกจากบ้าน จนกลับเข้าบ้านกินข้าว นอน

1. เมื่อออกจากบ้าน เราต้องสวมแมสให้เป็นนิสัย ถ้าเลือกได้ให้เลือกแบบที่มีฉาบน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ใช่แค่ผ้า โดยแมสต้องเปลี่ยนทุกวัน อย่าจับบริเวณ์ที่มีน้ำยาฉาบไว้
2. เราหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่ต้องจับอุปกรณ์สาธารณะ ดังนั้นเราพยายามจับเท่าที่จำเป็น ใครเลี่ยงหรือใช้ทิชชู ผ้าเปียก กันมือตัวเองจากอุปกรณ์ต่างๆ ในสัมผัสอุปกรณ์สาธารณะให้น้อยที่สุด
3. เมื่อถึงที่ทำงาน ก่อนเข้าไปข้างใน ถ้าเจ้าของสถานที่มีแอลกอฮอล์เหลว ก็ล้างมือเป็นด่านแรกด้วยแอลกอฮอล์เหลวนั้น จากนั้นเข้าห้องน้ำลางมือฟอกสบู่ และพยายามล้างมือบ่อยๆ
4. พยายามไม่จับอะไรที่เป็นส่วนกลาง ที่โต๊ะทำงานตัวเองก็ควรมียาฆ่าเชื้อ เช็ดก่อนนั่งทำงาน  ทุกเช้า และเช็ดทุกพัก (ไม่รู้ว่าใครจะมาจับ มานั่งโต๊ะเราบ้างตอนเราไปที่อื่น)
5. เมื่อไปทานข้าว พยายามเลือกร้านที่แม่ค้าพ่อค้าสวมถุงมือ ใช้วัสดุอื่นตักอาหารที่ไม่ใช่มือจับ
6. อาหารที่ทาน ควรทานอาหารให้ครบห้าหมู่ โดยเฉพาะผักสดให้ได้ห้าสี วิตามินจากผักนานาชนิดส่งผลต่อการป้องกันจากภายใน (ลองศึกษาข้อมูลทางโภชนาการเพิ่มเติมจะพบความพิเศษนี้)
7. เมื่อเข้าที่ชุมชน นอกจากพยายามไม่จับอุปกรณ์สาธารณะแล้ว ก็พยายามไม่เข้าไปใกล้ทางหายใจของคน เช่น ในรถไฟฟ้าให้อยู่ใกล้คนสวมแมสด้วยกัน ถ้าคนไม่มีแมสให้ยืนข้างหลังหันหลังให้กันจะดีมาก
8. เมื่อออกสู่ที่สาธารณะ ไม่ควรเอามือมาจับหน้าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะปาก จมูก ตา หรือเวลาปัสสาวะในห้องน้ำควรล้างมือด้วยสบู่ก่อนจับอวัยวะสำคัญ
9. การกดลิฟต์ ถ้ามีกุญแจ ปากกา ใช่แทนนิ้วกด ถ้ามีประตูผลัก อย่าใช้ฝ่ามือเรา ให้ใช้ศอกหรือท่อนแขน เลือกจุดผลักที่คิดว่าคนจะโดนจุดนั้นน้อยที่สุด
10. เมื่อเข้าบ้าน (สำคัญที่สุด) พยายามอย่าจับอะไร ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แยกเสื้อผ้าเอาไว้ แล้วกลับไปเช็ดทุกจุดที่เราสัมผัสมา เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างวัน มีใครไป จาม หรือละอองไวรัส อาจปลิวมาติดชุดเราภายนอกเมื่อไหร่ก็ได้ จับไปอาจติดจากชุดเราเอง
11. ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก (หลายคนที่เสียชีวิตที่อายุยังน้อย ล้วนแต่เป็นคนที่ตากตรำร่างกายอ่อนแอ เช่นบุคลากรทางแพทย์จีนที่ทุ่มเทจนร่างกายอ่อนแอ พอติดเชื้อเข้าไปก็ถึงตาย) ออกกำลังกายในพื้นที่เราเอง ไม่จำเป็นไปต้องไปในที่ชุมชน
12. จัดหาเครื่องฟอกอากาศที่กรองเชื้อโรคได้ เพราะพ่อแม่ที่แก่เฒ่าของเราท่านมีระบบทางเดินหายใจที่เริ่มเสื่อม ถ้าติดเชื้ออาจเป็นอันตราย เราอาจจะป้องกันดี แต่คนที่มาเยี่ยมมาหา เราไม่รู้ได้ว่าเขารักษาสุขภาพแค่ไหน ถ้าคนติดเชื้อไม่แสดงอาการมานั่งหายใจในห้องเดียวกับผู้ใหญ่ หากระบบจัดการอากาศในบ้านไม่ดีพอ ท่านอาจติดเชื้อจากคนมาเยี่ยมได้อีกทางหนึ่ง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คิดว่าทุกท่านคงจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้างไม่มากก็น้อย ขอให้ครอบครัวของท่านมความสุข  อยู่กันพร้อมหน้าและปลอดภัยจากโรคร้ายนะครับ




 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2563
0 comments
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2563 2:19:54 น.
Counter : 1019 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

สมาชิกหมายเลข 4309986
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 4309986's blog to your web]
space
space
space
space
space