Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
##....... สโตน เฮนจ์ บทที่ 12 .......##




บทที่ 12




“ลาย!..หินล่อ!..”


“โตน!..โตน!..”


“ลาย!..หินล่อ............”


“โตน โตน...”


“คุณโตน!..คุณโตนคะ..”


“อือ...”


“พี่วัน!..
คุณโตนรู้สึกตัวแล้วครับ” ลายลักษณ์ร้องด้วยความดีใจ

“อือ..ผมเป็นอะไรไปหรือ?..” สโตนลืมตาขึ้นมองไปทั่วห้อง

“โตนสลบอยู่ที่ศูนย์การค้า ผมกับพี่วันช่วยกันพากลับมาครับ”

“คุณโตนไปทำอะไรที่ห้องเครื่องของศูนย์การค้าคะ? ถึงได้สลบอยู่ตรงนั้น” ลดาวัลย์เป็นห่วงสโตนไม่แพ้น้องชาย

“ผม...ผมจำอะไรไม่ได้ครับ..จำได้ว่า..เลื่อนไปบนทางเลื่อนเรื่อยๆ แล้วก็หมดสติไป...” สโตนจำเป็นต้องปิดบังความจริงที่เขาไปช่วยลายที่ติดอยู่กับพื้นในห้องเครื่อง...ก็ใครจะเชื่อเขา! “ผมหลับอยู่กี่วันครับ?”

“ไม่นานขนาดนั้นหรอกครับ..ประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง ผมนึกว่าโตนจะหลับยาวเหมือนครั้งก่อนๆ เสียอีก นี่คุณแม่ก็เตรียมรับสถานการณ์อยู่เหมือนกัน”

“ผมหลับไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ...” สโตนพึมพำ

“ใช่ครับ...รู้ไหม คุณพ่อก็เป็นห่วงโตนด้วย..มาแปลก..”

“วันก็ว่าคุณพ่อเปลี่ยนไปค่ะ กลับนึกเอ็นดูคุณโตนขึ้นมาทั้งๆ ที่เคยไม่ชอบหน้า” ลดาวัลย์สนับสนุนคำพูดของลายลักษณ์

“อือ..นะ..” ลายลักษณ์พยักหน้า

“เห็นคุณพ่อบ่นเจ็บหลังไม่รู้ไปโดนอะไรมา เป็นปื้นแดงที่สีข้าง” ลดาวัลย์กระซิบกับน้องชาย

“คนมีอายุก็ต้องปวดต้องเมื่อยเป็นธรรมดา พ่อก็บ่นไปเรื่อย” ลายลักษณ์พูดเปรยๆ “พี่วันเขารักพ่อมากครับทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูกพ่อสักหน่อย..ฮิ ฮิ..”

“เดี๋ยวนะนายลาย! พี่จะไปฟ้องพ่อว่านายพูดอย่างนี้อีกแล้ว จำไม่ได้หรือว่าพ่อห้ามพูด” ลดาวัลย์เสียงเขียวใส่น้องชาย ลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่น

“ก็หน้าไม่เหมือนคุณพ่อสักนิด ผมสิลูกพ่อ หน้าเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด..ฮิ ฮิ..” ลายลักษณ์ยิ่งยั่ว

“นายลาย!” ลดาวัลย์ลุกขึ้นตีน้องชาย...ลายลักษณ์วิ่งหนีไปรอบๆ ห้อง..วิ่งเลยไปริมลำธารอย่างคึกคะนอง ไม่ทันสังเกตหรืออาจไม่เห็นเงาๆ หนึ่งที่ปรากฏขึ้นลางๆ..และชัดเจนขึ้น

“วิ่งซนเป็นเด็กไปได้ ไอ้นี่!..” เงานั้นก้าวขึ้นจากลำธารผลักร่างลายลักษณ์ที่กำลังจะวิ่งชน..กระเด็นล้มลง

“โอ๊ย!” ลายลักษณ์ร้องด้วยความเจ็บปวด

“เป็นอะไรไป?” ลดาวัลย์ถลันเข้าไปหาน้องชาย

“ไม่รู้ซิครับ..จู่ๆ ก็แสบที่ต้นแขนเหมือนใครเอาอะไรร้อนๆ มาฟาด..โอย..เจ็บ..” ลายลักษณ์เลิกแขนเสื้อขึ้นดู “ดูสิพี่วัน!..เป็นรอยแดงรูปมือ...โอ๊ย..แสบ..”

“ทายาก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นอะไรไป” ลดาวัลย์พยุงลายลักษณ์ขึ้นยืน “คุณโตนคงไม่เป็นอะไรแล้ว..วันขอพานายลายไปทายาก่อนนะคะ”

“ครับ!...” สโตนจะทำอะไรได้นอกจากรับคำ..ไม่แม้จะลุกขึ้นมาช่วยลายลักษณ์ เพราะลายนั่งจ้องอยู่ข้างๆ “ผมไม่มีแรงลุกขึ้นช่วยคุณวันเลยครับ” อีกแล้วที่สโตนต้องพูดโกหก

“ไม่เป็นไรค่ะ..”ลดาวัลย์พยุงลายลักษณ์ออกจากห้องไป


“ลายรังแกน้องทำไม?” สโตนถามลายที่ยังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยดวงตาแข็งกร้าว “ไม่สงสารเขาหรือ..เหมือนลายยังกับแกะ”

“ก็เพราะเหมือนผมนี่แหละ ผมจึงไม่ชอบขี้หน้าเขา ไม่อยากให้อยู่ใกล้หิน” ลายมองไปทางต้นลำธารที่เขาเดินมา แล้วหันกลับถามสโตนด้วยแววตาเศร้าอย่างที่ลายเคยเป็น “หินหนีผมมาทำไม เกลียดผมแล้วหรือ..ไหนว่าจะอยู่กับผมที่อุ้มผางคี..”

“เปล่านะ!..ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ๆ ก็มาอยู่ที่นี่เอง” สโตนเดาไม่ถูกว่าลายจะทำอย่างไรกับเขาต่อไป

“แน่นะ?..” ลายรู้อยู่แล้วว่าสโตนกลับมาเองไม่ได้ แต่แกล้งตัดพ้อกลบเกลื่อนที่เขาทำร้ายเด็กลายลักษณ์

“ผมเหนื่อยครับลาย..เหนื่อยจริงๆ” สโตนลองใช้ไม้อ้อนหยั่งเชิงลาย...เขาไม่แน่ใจว่าสองสามวันก่อนที่เขาอยู่กับลายที่บ้านอุ้มผางคีนั้นคืออะไรกันแน่...มันคือเพียงชั่วโมงกว่าๆ ที่เขาหมดสติไปเท่านั้น..และสถานะของลายคืออะไรกัน..แต่..แต่ระหว่างที่เขาอยู่ที่อุ้มผางคีนั้นทุกสิ่งทุกอย่างดูสมจริงมากโดยเฉพาะลาย..เลือดเนื้อ อารมณ์ แม้กระทั่งกลิ่นกายที่เขาจำได้ดี

“ถ้าอย่างนั้นหินพักก่อนก็ได้ หายเหนื่อยเมื่อไหร่เราค่อยกลับบ้านอุ้มผางคีกัน” อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลายล้มตัวลงนอนหงายขวางเตียงทับท่อนขาของสโตน “ไปสร้างบ้านของเราต่อ..นะคุณหินล่อ”

“ไม่รำคาญหรือ? ขาผมค้ำอยู่ใต้หลังลาย” สโตนถามเพราะอยากให้ลายออกห่าง..เขากลัวลายจะทำอะไร..มากกว่านี้

“รำคาญสิ!..ฮื้อ..นอนอย่างนี้ดีกว่า..” ลายพลิกตัวนอนคว่ำบนขาสโตน กอดเอาไว้เหมือนหมอนข้าง “อย่างนี้.. สบายดี..อุ่นดีด้วย”

“อ้าว!..” สโตนร้องในใจ..ทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้ลายนอนกอด...ไม่รู้ว่าเขากับลายใครหลับไปก่อนกัน


สโตนรู้สึกตัวขึ้นกลางดึก แปลกใจที่น้ำหนักที่ทับอยู่บนขาหายไป เขาผุดลุกขึ้นนั่งเหลียวมองไปรอบห้อง ชะเง้อไปทางต้นลำธาร แต่ไม่มีวี่แววของลาย..ดูในห้องน้ำที่ไม่คิดว่าลายจะเข้าไป แล้วก็ไม่มีจริงๆ...แต่..สิ่งที่สโตนพบในห้องน้ำ..ในกระจกเงา..ชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขาอย่างน่าเวทนา ชายคนนั้นผมขาวโพลน ดวงตาอิดโรยสีเทาหม่น และริ้วรอยเหี่ยวย่นทั่วร่างกาย...สโตนรีบผลุนผลันออกจากห้องน้ำตรงไปที่ลิ้นชักหัวเตียง หยิบยาเม็ดสีเงินกลืนลงคอ...ภาพที่เห็น..ชายคนนั้น..ภาระที่เขาจะต้องผูกพันไปตลอดชีวิตพอๆ กับลาย...สโตนถอนใจลึก..หงายลงบนเตียง..และแน่นิ่งไป...


“โรงเรียนน้อยหลังดอยสูงเหยียดเสียดฟ้า
ใครๆพาเรียกกันว่าอุ้มผางคี
พวกเรายึดมั่นในสิ่งที่ดี
อุ้มผางคีถิ่นนี้คือบ้านของเรา
หมู่แมกไม้มากมายที่บ้านของฉัน
สัตว์ป่านั้นพวกเราไม่เคยย่ำยี
อุ้มผางคีถิ่นนี้ดังแดนวิมาน...”



สโตนลืมตาตื่นเพราะเสียงเพลงแห่งบ้านอุ้มผางคี...ที่แท้ลายนั่นเองกำลังนั่งร้องเพลงอยู่ริมลำธาร วันนี้ลายใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เป็นกางเกงขาก๊วยสีดำและเสื้อม่อฮ้อมสีกรมท่าใหม่เอี่ยม ลายดูสดชื่นไม่มีแววเศร้าหมองอย่างที่เคยเป็น เขานั่งแช่ขาในน้ำ ปล่อยให้ปลาสีส้มสองสามตัวตอดเล่นอย่างเพลิดเพลิน...สโตนไม่เคยเห็นลายในอารมณ์และบุคลิกเช่นนี้มาก่อน เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปหา..เอื้อมมือปิดตา

“เอ๋!..ใครเอ่ย...ผมไม่รู้เลยนะว่าใครปิดตาผม...ตื่นแล้วหรือครับ..โตน”

“อ้าว!..ไม่ใช่ลาย” สโตนปล่อยมือออกจากลายลักษณ์..ความรู้สึกเปลี่ยนไปทันที

“ทำไมจะไม่ใช่ผม...ฮะ..ฮะ..โตนถ้าจะเพี้ยนแล้วนะครับ” ลายลักษณ์ขำกับสิ่งที่เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง “วันนี้ทางโรงแรมมีงาน ‘วันไทย’ ครับ ผมจึงแต่งไทยแบบสบายๆ..เล่นเอาโตนจำไม่ได้” ลายลักษณ์ลุกขึ้นจากนั่งแช่น้ำเดินไปที่กระท่อมหลังน้อย..ห้องเสื้อผ้า

“เมื่อกี้ลายร้องเพลงอะไรครับ เพราะดี” สโตนถามหยั่งเชิง..มันเป็นเพลงเดียวกับที่หมู่บ้านอุ้มผางคี

“ไม่ทราบว่าชื่อเพลงอะไร ผมได้ยินคุณแม่ร้องมาตั้งแต่ผมเกิดละมั๊งจึงจำได้” ลายลักษณ์เข้าไปในกระท่อม “โตนใส่เสื้อผ้าเหมือนผมนะ แล้วลงไปร่วมงานกัน ผมเตรียมไว้ให้แล้ว..นี่ไง..”

“คราวนี้ผมหลับไปนานไหม?” สโตนถามขึ้นขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า

“สองวันอย่างเคยครับ แต่พวกเราชินกันแล้วก็เลยไม่พาโตนไปโรงพยาบาล แต่คุณพ่อคุณแม่ก็แวะมาเยี่ยม มาตรวจดูอาการของโตนบ่อยๆ” ลายลักษณ์ยืนดูสโตนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ชินเหมือนที่ลายชินกับการที่ผมถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าลายอย่างเดี๋ยวนี้ใช่ไหม?..ฮะ..ฮะ..”สโตนแกล้งล้อลายลักษณ์

“ใช่ครับ” ลายลักษณ์ยิ้มรับหน้าตาเฉยเพราะยิ่งกว่านั้นเขาก็ชิน..กับการแอบนอนกอดสโตนในขณะที่เขาไม่รู้สึกตัว


สโตนและสายลักษณ์เดินเข้าไปในล๊อบบี้ของโรงแรมซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน...สโตนใส่กางเกงสีกรมท่าและเสื้อสีขาวนวล ผ้าโพกหัวสีเดียวกันสะท้อนเข้าไปในลูกแก้วของสโตนให้เป็นสีน้ำเงินสว่างจ้ากว่าเคย

“แม่กับพี่วันยืนอยู่ที่ซุ้มดอกไม้นั่นไงครับ เราเข้าไปหากันเถอะ” ลายลักษณ์คว้ามือสโตนไปที่ซุ้มดอกไม้...คุณหมอวารุณีแต่งชุดไทยเรือนต้นสีแดงกำมะหยี่พร้อมเครื่องประดับแบบไทย ดูสดใสกว่าทุกครั้งที่สโตนเคยพบ..วันนี้เขารู้สึกชินตาและคุ้นเคยคุณหมอวารุณีมากกว่าทุกครั้ง

“แม่ครับ!..จำได้ไหม..ใครเอ่ย” ลายลักษณ์ทักคุณหมอวารุณี

“มะหน่อ!..” สโตนอุทานออกมาเมื่อเห็นลดาวัลย์ในชุดขาวกรอมเท้ายืนอยู่ข้างคุณหมอวารุณี

“สวัสดีค่ะคุณสโตน สบายดีแล้วหรือคะ?” คุณหมอวารุณีมองสโตนด้วยสายตาที่เขาไม่เข้าใจ

“สบายดีแล้วครับ ขอบคุณครับ..” สโตนก้มลงมองตัวเอง “เอ่อ..ลายลักษณ์บังคับให้ผมใส่ชุดนี้ลงมาครับ” สโตนเดาว่าคุณหมอวารุณีสงสัยกับการแต่งตัวของเขา

“ก็ดูน่ารักดีค่ะ คล้ายๆ พวกชาวเขา..แต่ว่า ทำไมคุณสโตนจึงเรียกลูกลดาวัลย์ว่า ‘มะหน่อ’ ล่ะคะ”

“มะหน่อ..” สโตนพยายามนึกหาเหตุผล

“มะหน่อ..คิก..คิก..” ลดาวัลย์ขำกับการทักของสโตน

“นั่นสิ..โตนรู้จักคำว่า ‘มะหน่อ’ ด้วยหรือครับ” ลายลักษณ์หันไปเชยคางพี่สาว

“เอ่อ..เอ่อ..พอทราบครับ..” จู่ๆ สโตนก็นึกภาพออก “ชุดสีขาวยาวกรอมเท้ามีลายสีแดงๆ ที่เชิงและตามตัวนิดหน่อยนี้หญิงสาวกะเหรี่ยงชาวเขาจะสวมใส่กัน และเรียกสาวเหล่านั้นว่ามะหน่อครับ..ก็..พอรู้มาเท่านี้ละครับ”

“ถูกต้องค่ะ..คุณสโตนมีความรู้เรื่องเมืองไทยดีมาก” คุณหมอวารุณีเอ่ยชม


อะไรบางอย่างกระตุ้นสโตนให้คิดถึงบ้านอุ้มผางคีกะทันหัน...เขาหันไปมองยกพื้นเตี้ยๆ ที่ใช้เป็นเวทีการแสดง..บนนั้น..มีใครคนหนึ่งยืนอยู่..“ลาย!” สโตนอุทานออกมา

“ผมอยู่นี่ไงครับ!..” ลายลักษณ์กระตุกแขนสโตนซึ่งยืนจ้องเวทีที่ว่างเปล่า

“คุณโตนเป็นอะไรไปคะ? พยักหน้ากับใครก็ไม่รู้ทางเวที..” ลดาวัลย์สังเกตเห็นเช่นกัน “อ๋อ!..การแสดงกำลังเริ่มพอดี...ที่แท้คุณโตนอยากดูการแสดงนั่นเอง” ลดาวัลย์กลายเป็นผู้กลบเกลื่อนกิริยาแปลกๆ ของสโตนอย่างไม่รู้ตัว

การแสดงที่กำลังเริ่มขึ้นนั้นหาใช่สิ่งที่สโตนจดจ่ออยู่ไม่..เขากำลังมองดูลายแห่งบ้านอุ้มผางคีที่ยืนจังก้าอยู่บนเวที..จ้องมาที่สโตนด้วยความโกรธเคือง


“หินล่อ!..” ลายตะโกนเรียกชื่อสโตนที่เขาตั้งให้ “หินล่อ!.. หินล่อ!..หินล่อ!..”


ลายเรียกชื่อหินล่อซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น...ทวีความดังขึ้นทุกที..ดังขึ้นๆ จนแก้วหูของสโตนแทบระเบิด “หินล่อ!..หินล่อ!..หินล่อ!”...แต่..มีเพียงสโตนเท่านั้นที่ได้ยิน...







Create Date : 18 เมษายน 2551
Last Update : 30 มีนาคม 2552 12:42:43 น. 3 comments
Counter : 519 Pageviews.

 
อ้าววววววว


ไหงเป็นแบบนี้หละคะ มึนเลยเรา


โดย: sandhurst IP: 58.136.83.127 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:16:30:42 น.  

 
ขอบคุณ คุณsandhurst มากครับ...

ที่ทำให้ผมสนุกในการเขียน และชื่นใจที่มีคนรับรู้ด้วย...

ขอบคุณมากจริงๆ ครับ...

ผมก็เซ็งๆ เหมือนกันนะครับที่เป็นฝ่ายเขียนเพียงอย่างเดียว...

ดีน ดาเรน ครับ.....



โดย: ดาเรน IP: 124.121.173.53 วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:32:58 น.  

 
ขออภัยท่านที่ตามมาอ่านในเวลาปัจจุบัน..

คอมเม้นท์จะไม่ตรงกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ เพราะผู้เขียนเรียบเรียงใหม่ภายหลังครับ..

ดีน ดาเรน..


โดย: ดาเรน (ดาเรน ) วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:12:44:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.