|
..คืนวันที่หลงลืมจากปลายนิ้วที่เลอะเลือน..และ..จุด จุด จุด..(ตอนที่ 4)
.. 4 ..
ชุมชนจีน..
นิยายหลายเรื่องที่เขียนอาศัยฉากและเหตุการณ์จากที่นั่น..
อ่านเผินๆ นึกว่าเรื่องแต่ง..เรื่องจริงแทบทั้งนั้น..นักเขียนท่านอื่นอาจใช้จินตนาการ แต่ผมลอกมาล้วนๆ ..ที่ว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย..ใช่เลย
ชีวิตของแต่ละคนใช่จะมีเรื่องตื่นเต้นสนุกสนานหรือรันทดเกิดขึ้นตลอดเวลา..ธรรมดา..ซ้ำซาก จำเจ มากกว่าเศษหนึ่งส่วนสิบของชีวิต..เพราะอย่างนั้นเมื่อเขียนไปๆ ก็หมดข้อมูล..แป็ก!..ไม่มีอะไรจะเขียนอีก (ผมเป็นอย่างนี้)..สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายๆ เรื่องของผมไม่มีตอนจบ..ก็จริงๆ แล้วตัวละครยังไม่ตาย..ชีวิตเขาเหล่านั้นยังไม่ถึงบทสรุป หรือบางทีก็ห่างหายไปจากการรับรู้ของผม
เกียง..เด็กสาวน่าสงสารปรากฏในเรื่องของผมบ่อยสุด..จะว่าหาประโยชน์จากเธอ?..ความจริงพูดอย่างนั้นไม่ถูก..เรื่องของผมทุกเรื่องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ ไม่เคยมีรายได้จากการเขียนเลย..เขียนระลึกถึงเธอมากกว่า
หินสักลาย..เรื่องเดียวที่เป็นรูปเล่ม แต่ผมก็ทำเองเป็นหนังสือทำมือ..จะไปวางขายที่นิทรรศการหนังสือทำมือ..อายเสียนี่..ไม่กล้าไปนั่งขาย..แจกให้เพื่อน..อยู่ในลังให้มดปลวกหัดอ่าน..พี่คนหนึ่งแนะนำให้มอบให้ห้องสมุดโรงเรียน..อย่าดีกว่า..เป็นการมอมเมาเยาวชนให้หลงทาง
มีห้องแถวไม้ 5 ห้องริมทางเดินหลักของตลาด..ทางหนึ่งออกสู่อ่างเก็บน้ำ (เรียกอย่างนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ..เป็นอ่างน้ำใหญ่ที่มีประตูระบายน้ำสองด้าน..มีเรือบรรทุกสินค้าจอดเต็มอ่างเพื่อรับการตรวจและเสียภาษี แล้วรอให้น้ำอีกด้านของประตูขึ้นสูงเท่าระดับน้ำในอ่างเรือจะได้แล่นออกไป..อือ..ทั้งนี้จากการสันนิษฐานของผมเอง..ยังเด็ก..ไม่เด็กนัก..แต่ไม่ได้สนใจธุรการงานอย่างถ่องแท้) อีกทางหนึ่งเลี้ยวลดผ่านบ้านผู้คน โรงเรียน วัด ทะลุออกถนนใหญ่ (เพชรเกษม) สายใต้ (คือรัก ใช้ฉากนี้เต็มๆ)
ก่อนถึงห้องแถว..ร้านค้าแรกติดทางเดินรอบขอบอ่าง (บ้านชั้นเดียวกึ่งเพิง)..ป้าแม้น (?) ..กล้วยแขกอร่อยมาก..ถัดมา..ข้างบ้านป้าแม้น..หาบขนมกุยช่ายของอาม่าหลังโค้งอร่อยมาก ไม่ใช่แป้งมันๆ เหนียวๆ อย่างเดี๋ยวนี้..นั้นคือขนมกุยช่ายตลาดพลูสูตรใหม่ที่มาทีหลัง (ขนมกุ่ยช่ายของอาม่าปรากฏอยู่ใน กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ตอนหลังอาม่าแก่มากขายขนมไม่ได้ให้ลูกสาว เจ้นึง ขายแทน..55..ซิ้มนึง จึงปรากฏอยู่ใน กมโลฯ เช่นเดียวกัน)
เขียนมาถึงนี้สงสัย..ผู้อ่านเบื่อไหมน้า..
ถัดจากหาบกุยช่ายเป็นรถเข็นผลไม้ดอง..ต่อมาเจ้ขยายเป็นร้านใหญ่โตหน้าโรงเรียนหลังใหม่ (กล่าวถึงใน ไม่มีเมฆสีเงิน)
เสาพระภูมิ..ห้องแถวห้องแรกเจ็กตือ (ชื่อซ้ำๆ กัน..คงคล้ายชื่อไทย เล็ก ใหญ่ เบิ้ม..อะไรอย่างนี้) ขายเครื่องข้าวต้มทุกอย่าง..เดี๋ยวนี้บางอย่างไม่มีให้เห็นแล้ว..ลูกสาวชื่อหมีขาว..ล่ำ..ขาว..ผมแดง คล้ายคนเผือก ไม่เต็มร้อยนักแต่มีมากกว่าเกียง (ไม่รู้ทำไมเด็กๆ ละแวกนี้จึงปัญญาอ่อน เกือบอ่อนเสียส่วนมาก..ผมด้วยป่าว?..โอ!..ไม่นะจอร์ช) หมีขาวเคยมานั่งเล่นหน้าบ้าน..เล่าให้ฟัง คนมาป้ำอั๊ว..อั๊วผักกะเด็นหมดเลย (คงแข้งขาหักด้วยมั้ง)
ห้องที่สอง (หายง่วง) ดูดีมีฐานะที่สุด..ร้านทาสีฟ้าสดใส..เจ้าของร้านหล่อสวยทั้งผัวเมีย..ที่สำคัญมีลูกชายหล่อสองคน..คนโตชื่ออะไรจำไม่ได้..คนเล็กชื่อ หยู รูปร่างผอมสูง..คางแหลม..ตาดำรีเหมือนเม็ดแตงโม..ตัวเกร็งด้วยกล้าม..เหมือนจะไม่มีเนื้อเลย..คนนี้ละเข้ามาอยู่ในเรื่องสั้นของผมเรื่องหนึ่ง (เรื่องไรน้า..แกล้งจำไม่ได้ป่าว?)
ถีงแม้บ้านหยูจะมีฐานะแต่ทำมาค้าขายตามปกติ..ตัวหยูเองหลังเลิกเรียนจะรับเข็นส่งผัก..กลางคืนขนขยะไปทิ้งลงคลอง..เอ่อ..มีกะใจนำขยะบ้านผมไปทิ้งให้
ที่บ้าน..นอกจากผมแล้วมีเด็กหญิงอาศัยอยู่ด้วย (ญาติจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงฯ)..เหตุนี้กระมังที่ทำให้หยูวนเวียนอยู่ที่บ้านผม..มานั่งเล่น..ทำทีถามโน่นนี่แต่คอยชำเลืองมองหาญาติสาวบ่อยๆ (แสงเดือน..ใน สโตน เฮนจ์ )..หน้าบ้านเป็นแผงขายของคอนกรีตที่ทำไว้เป็นล็อคๆ สำหรับพ่อค้าแม่ค้า พอตลาดวายตัวแผงจะกลายเป็นที่นั่งเล่น วิ่ง กระโดดเล่นสำหรับเด็กๆ (ฉากหนึ่งที่เกียงกระโดดจากแผงหนึ่งไปอีกแผงหนึ่ง..เรื่อง จากฟากฟ้าสุราลัย มั้ง?..ไม่แน่ใจคับ)
มาเอาขยะครับ! หยูตะโกนก่อนจะเข็นรถถึงหน้าบ้าน แหกปากไปถึงไหนกันฮึ..ไอ้หยู! เดือนตะโกนตอบ..(เดือนตัวจริง หน้ามือหลังมือกับใน สโตน เฮนจ์ เลย)
คืนหนึ่ง..ยังไม่ดึกนัก..ที่ตลาดมีงิ้วงานเจ้าพ่อไฟ (ศาลเจ้าพ่อไฟตั้งอยู่สามแยกติดกับโรงเรียนหลังเก่า)..คนในบ้านออกไปดูงิ้วกันหมดนอกจากผม..ประตูบ้านเปิดอยู่..มุ้งกางไว้เรียบร้อย 3 หลังเรียงกัน..ของแม่ ของเดือน และผม อยู่ริมสุด
จากหน้าต่างบานที่ติดหลังคาตลาด..มองเห็นเวทีงิ้วได้ชัดเจน (ใกล้กว่าแถวหน้าชั้นบนของโรงละครรัชดาลัยสิบเท่า..ยักคิ้วให้นางงิ้วยังได้เลย)..ผมปีนไปนั่งบนกันสาดหลังคาไม่ต้องเบียดคนข้างล่าง ดูงิ้วสะดวกสบาย..เสียแต่ว่าดูคนเดียวไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีคนพากย์ให้ฟัง (อาม่า อาซิ้ม เพื่อนบ้าน)
อย่างหนึ่งที่มีเหมือนกันไม่ว่าสมัยไหน..มิจฉาชีพ!..ยิ่งในงานรื่นเริงสาธารณะด้วยแล้วไม่เคยขาด..ถึงงิ้วจะตะลุ่งตุ้งแช่..ผ่างๆ ตลอดเวลาก็ยังมีบทสนทนาและเพลงหวานๆ ..ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากบันไดบ้าน..ไวเท่าเสียงที่ได้ยิน..ผมผลุบแผลวจากชายคาเข้าหน้าต่าง..แอบอยู่ข้างมุ้ง
เอาเข้าจริงผมจะทำอะไรได้ มีดไม้อาวุธไม่มีเลย..ได้แต่มุดเข้ามุ้ง คลุมโปงสังเกตการณ์ ไม่ชอบมาพากลแหกปากร้องแล้วกัน..ไอ้หัวขโมยคืบคลานขึ้นมา..มองรอบๆ ห้อง..ชะโงกดูทีละมุ้ง..จนถึงมุ้งที่ผมนอนอยู่..มันยื่นมือเข้ามาคลำ..คลำ..เสียงแหบ..กระเส่า..ดะ..เดือน..
ผมสะกิดใจตั้งแต่เห็นมันแนบหน้ากับมุ้งแล้ว..คงไม่ใช่หัวขโมยธรรมดา..จะทำอะไร..ทำอะไร?..จนกระทั่งมือนั้นคลำถึงใบหน้า..ผมเลิกโปงออก..ยันมือออกไป..ต่อยถูกเนื้อแข็งๆ ของหัวขโมย..ผมนึกออกแล้ว..ร่างโย่ง เสียง..จุดประสงค์และชื่อที่ได้ยิน ไอ้หยู
ไอ้หยูรีบวิ่งลงบันไดเมื่อรู้ว่าคนที่มันลูบคลำคือผม..รุ่งขึ้น..หยูทำหน้าเป็นปกติ..อมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นผม..กับเดือนหยูไม่กล้าตอแยอะไรอีก คงนึกว่าผมเล่าเรื่องที่เข้าหาผิดตัวให้ฟัง
มาเอาขยะครับ หยูไม่ตะโกนเหมือนเคย ทำไมหมู่นี้เรียบร้อยจังวะ? จะมีใครเสียอีกถ้าไม่ใช่เดือน
ต่อมา..ตอนเย็น พลบค่ำ ถ้าว่างจากงาน หยูจะหาโอกาสมาคุยเล่นกับผมเสมอ..ทำให้มีข้อสงสัยและคิดมากในใจของหลายคน..รวมถึงผม
ก็เนื้อแข็งๆ ของหยูที่เรียกว่า ซิกแพ็ค ในปัจจุบันนั่นไงทำให้ผมคิดมาก..อิๆ .. 555
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 13:04:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 793 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|