Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
25 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
..คืนวันที่หลงลืมจากปลายนิ้วที่เลอะเลือน..และ..จุด จุด จุด..(ตอนที่ 4)




.. 4 ..





ชุมชนจีน..




นิยายหลายเรื่องที่เขียนอาศัยฉากและเหตุการณ์จากที่นั่น..



อ่านเผินๆ นึกว่าเรื่องแต่ง..เรื่องจริงแทบทั้งนั้น..นักเขียนท่านอื่นอาจใช้จินตนาการ แต่ผมลอกมาล้วนๆ ..ที่ว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย..ใช่เลย

ชีวิตของแต่ละคนใช่จะมีเรื่องตื่นเต้นสนุกสนานหรือรันทดเกิดขึ้นตลอดเวลา..ธรรมดา..ซ้ำซาก จำเจ มากกว่าเศษหนึ่งส่วนสิบของชีวิต..เพราะอย่างนั้นเมื่อเขียนไปๆ ก็หมดข้อมูล..แป็ก!..ไม่มีอะไรจะเขียนอีก (ผมเป็นอย่างนี้)..สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายๆ เรื่องของผมไม่มีตอนจบ..ก็จริงๆ แล้วตัวละครยังไม่ตาย..ชีวิตเขาเหล่านั้นยังไม่ถึงบทสรุป หรือบางทีก็ห่างหายไปจากการรับรู้ของผม

“เกียง”..เด็กสาวน่าสงสารปรากฏในเรื่องของผมบ่อยสุด..จะว่าหาประโยชน์จากเธอ?..ความจริงพูดอย่างนั้นไม่ถูก..เรื่องของผมทุกเรื่องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ ไม่เคยมีรายได้จากการเขียนเลย..เขียนระลึกถึงเธอมากกว่า

“หินสักลาย”..เรื่องเดียวที่เป็นรูปเล่ม แต่ผมก็ทำเองเป็นหนังสือทำมือ..จะไปวางขายที่นิทรรศการหนังสือทำมือ..อายเสียนี่..ไม่กล้าไปนั่งขาย..แจกให้เพื่อน..อยู่ในลังให้มดปลวกหัดอ่าน..พี่คนหนึ่งแนะนำให้มอบให้ห้องสมุดโรงเรียน..อย่าดีกว่า..เป็นการมอมเมาเยาวชนให้หลงทาง

มีห้องแถวไม้ 5 ห้องริมทางเดินหลักของตลาด..ทางหนึ่งออกสู่อ่างเก็บน้ำ (เรียกอย่างนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ..เป็นอ่างน้ำใหญ่ที่มีประตูระบายน้ำสองด้าน..มีเรือบรรทุกสินค้าจอดเต็มอ่างเพื่อรับการตรวจและเสียภาษี แล้วรอให้น้ำอีกด้านของประตูขึ้นสูงเท่าระดับน้ำในอ่างเรือจะได้แล่นออกไป..อือ..ทั้งนี้จากการสันนิษฐานของผมเอง..ยังเด็ก..ไม่เด็กนัก..แต่ไม่ได้สนใจธุรการงานอย่างถ่องแท้) อีกทางหนึ่งเลี้ยวลดผ่านบ้านผู้คน โรงเรียน วัด ทะลุออกถนนใหญ่ (เพชรเกษม) สายใต้ (“คือรัก” ใช้ฉากนี้เต็มๆ)

ก่อนถึงห้องแถว..ร้านค้าแรกติดทางเดินรอบขอบอ่าง (บ้านชั้นเดียวกึ่งเพิง)..ป้าแม้น (?) ..กล้วยแขกอร่อยมาก..ถัดมา..ข้างบ้านป้าแม้น..หาบขนมกุยช่ายของอาม่าหลังโค้งอร่อยมาก ไม่ใช่แป้งมันๆ เหนียวๆ อย่างเดี๋ยวนี้..นั้นคือขนมกุยช่ายตลาดพลูสูตรใหม่ที่มาทีหลัง (ขนมกุ่ยช่ายของอาม่าปรากฏอยู่ใน “กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ” ตอนหลังอาม่าแก่มากขายขนมไม่ได้ให้ลูกสาว “เจ้นึง” ขายแทน..55..”ซิ้มนึง” จึงปรากฏอยู่ใน “กมโลฯ” เช่นเดียวกัน)


เขียนมาถึงนี้สงสัย..ผู้อ่านเบื่อไหมน้า..


ถัดจากหาบกุยช่ายเป็นรถเข็นผลไม้ดอง..ต่อมาเจ้ขยายเป็นร้านใหญ่โตหน้าโรงเรียนหลังใหม่ (กล่าวถึงใน “ไม่มีเมฆสีเงิน”)

เสาพระภูมิ..ห้องแถวห้องแรกเจ็กตือ (ชื่อซ้ำๆ กัน..คงคล้ายชื่อไทย เล็ก ใหญ่ เบิ้ม..อะไรอย่างนี้) ขายเครื่องข้าวต้มทุกอย่าง..เดี๋ยวนี้บางอย่างไม่มีให้เห็นแล้ว..ลูกสาวชื่อหมีขาว..ล่ำ..ขาว..ผมแดง คล้ายคนเผือก ไม่เต็มร้อยนักแต่มีมากกว่าเกียง (ไม่รู้ทำไมเด็กๆ ละแวกนี้จึงปัญญาอ่อน เกือบอ่อนเสียส่วนมาก..ผมด้วยป่าว?..โอ!..ไม่นะจอร์ช) หมีขาวเคยมานั่งเล่นหน้าบ้าน..เล่าให้ฟัง “คนมาป้ำอั๊ว..อั๊วผักกะเด็นหมดเลย” (คงแข้งขาหักด้วยมั้ง)

ห้องที่สอง (หายง่วง) ดูดีมีฐานะที่สุด..ร้านทาสีฟ้าสดใส..เจ้าของร้านหล่อสวยทั้งผัวเมีย..ที่สำคัญมีลูกชายหล่อสองคน..คนโตชื่ออะไรจำไม่ได้..คนเล็กชื่อ “หยู” รูปร่างผอมสูง..คางแหลม..ตาดำรีเหมือนเม็ดแตงโม..ตัวเกร็งด้วยกล้าม..เหมือนจะไม่มีเนื้อเลย..คนนี้ละเข้ามาอยู่ในเรื่องสั้นของผมเรื่องหนึ่ง (เรื่องไรน้า..แกล้งจำไม่ได้ป่าว?)

ถีงแม้บ้านหยูจะมีฐานะแต่ทำมาค้าขายตามปกติ..ตัวหยูเองหลังเลิกเรียนจะรับเข็นส่งผัก..กลางคืนขนขยะไปทิ้งลงคลอง..เอ่อ..มีกะใจนำขยะบ้านผมไปทิ้งให้

ที่บ้าน..นอกจากผมแล้วมีเด็กหญิงอาศัยอยู่ด้วย (ญาติจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงฯ)..เหตุนี้กระมังที่ทำให้หยูวนเวียนอยู่ที่บ้านผม..มานั่งเล่น..ทำทีถามโน่นนี่แต่คอยชำเลืองมองหาญาติสาวบ่อยๆ (”แสงเดือน”..ใน “สโตน เฮนจ์” )..หน้าบ้านเป็นแผงขายของคอนกรีตที่ทำไว้เป็นล็อคๆ สำหรับพ่อค้าแม่ค้า พอตลาดวายตัวแผงจะกลายเป็นที่นั่งเล่น วิ่ง กระโดดเล่นสำหรับเด็กๆ (ฉากหนึ่งที่เกียงกระโดดจากแผงหนึ่งไปอีกแผงหนึ่ง..เรื่อง “จากฟากฟ้าสุราลัย” มั้ง?..ไม่แน่ใจคับ)

“มาเอาขยะครับ!” หยูตะโกนก่อนจะเข็นรถถึงหน้าบ้าน “แหกปากไปถึงไหนกันฮึ..ไอ้หยู!” เดือนตะโกนตอบ..(เดือนตัวจริง หน้ามือหลังมือกับใน “สโตน เฮนจ์” เลย)


คืนหนึ่ง..ยังไม่ดึกนัก..ที่ตลาดมีงิ้วงานเจ้าพ่อไฟ (ศาลเจ้าพ่อไฟตั้งอยู่สามแยกติดกับโรงเรียนหลังเก่า)..คนในบ้านออกไปดูงิ้วกันหมดนอกจากผม..ประตูบ้านเปิดอยู่..มุ้งกางไว้เรียบร้อย 3 หลังเรียงกัน..ของแม่ ของเดือน และผม อยู่ริมสุด

จากหน้าต่างบานที่ติดหลังคาตลาด..มองเห็นเวทีงิ้วได้ชัดเจน (ใกล้กว่าแถวหน้าชั้นบนของโรงละครรัชดาลัยสิบเท่า..ยักคิ้วให้นางงิ้วยังได้เลย)..ผมปีนไปนั่งบนกันสาดหลังคาไม่ต้องเบียดคนข้างล่าง ดูงิ้วสะดวกสบาย..เสียแต่ว่าดูคนเดียวไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีคนพากย์ให้ฟัง (อาม่า อาซิ้ม เพื่อนบ้าน)

อย่างหนึ่งที่มีเหมือนกันไม่ว่าสมัยไหน..มิจฉาชีพ!..ยิ่งในงานรื่นเริงสาธารณะด้วยแล้วไม่เคยขาด..ถึงงิ้วจะตะลุ่งตุ้งแช่..ผ่างๆ ตลอดเวลาก็ยังมีบทสนทนาและเพลงหวานๆ ..ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากบันไดบ้าน..ไวเท่าเสียงที่ได้ยิน..ผมผลุบแผลวจากชายคาเข้าหน้าต่าง..แอบอยู่ข้างมุ้ง

เอาเข้าจริงผมจะทำอะไรได้ มีดไม้อาวุธไม่มีเลย..ได้แต่มุดเข้ามุ้ง คลุมโปงสังเกตการณ์ ไม่ชอบมาพากลแหกปากร้องแล้วกัน..ไอ้หัวขโมยคืบคลานขึ้นมา..มองรอบๆ ห้อง..ชะโงกดูทีละมุ้ง..จนถึงมุ้งที่ผมนอนอยู่..มันยื่นมือเข้ามาคลำ..คลำ..เสียงแหบ..กระเส่า..”ดะ..เดือน..”

ผมสะกิดใจตั้งแต่เห็นมันแนบหน้ากับมุ้งแล้ว..คงไม่ใช่หัวขโมยธรรมดา..จะทำอะไร..ทำอะไร?..จนกระทั่งมือนั้นคลำถึงใบหน้า..ผมเลิกโปงออก..ยันมือออกไป..ต่อยถูกเนื้อแข็งๆ ของหัวขโมย..ผมนึกออกแล้ว..ร่างโย่ง เสียง..จุดประสงค์และชื่อที่ได้ยิน “ไอ้หยู”

ไอ้หยูรีบวิ่งลงบันไดเมื่อรู้ว่าคนที่มันลูบคลำคือผม..รุ่งขึ้น..หยูทำหน้าเป็นปกติ..อมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นผม..กับเดือนหยูไม่กล้าตอแยอะไรอีก คงนึกว่าผมเล่าเรื่องที่เข้าหาผิดตัวให้ฟัง

“มาเอาขยะครับ” หยูไม่ตะโกนเหมือนเคย “ทำไมหมู่นี้เรียบร้อยจังวะ?” จะมีใครเสียอีกถ้าไม่ใช่เดือน


ต่อมา..ตอนเย็น พลบค่ำ ถ้าว่างจากงาน หยูจะหาโอกาสมาคุยเล่นกับผมเสมอ..ทำให้มีข้อสงสัยและคิดมากในใจของหลายคน..รวมถึงผม


ก็เนื้อแข็งๆ ของหยูที่เรียกว่า “ซิกแพ็ค” ในปัจจุบันนั่นไงทำให้ผมคิดมาก..อิๆ .. 555






Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 13:04:29 น. 0 comments
Counter : 793 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.