|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
10 สิ่งเกี่ยวกับหนังและข้าพเจ้า
คุณฟ้าดินส่งโน้ตนี้มาให้อ่านจากใน FB อ่านจบแล้วเกิดกำหนัดอยากเขียนอย่างรุนแรง อาจจะเป็นเพราะผมเพิ่งดูหนังจบไปก่อนที่จะมาอ่านโน้ตนี้พอดี กำลังรู้สึกมือไม้สั่นอยากเขียนอะไรซักอย่าง ถือว่าโน้ตนี้เป็นแรงกระตุ้นที่มาได้ถูกที่ถูกเวลายิ่งนัก (เหตุผลอีกอย่างคือกำลังโหลด AV เรื่องใหม่อยู่ อยากเห็นมันครบ 100% ก่อนนอน) จริงๆแล้วตั้งใจจะเขียนเป็นข้อสั้นๆเหมือนตอบแท่กทั่วไป แต่เขียนไปเขียนมาก็เตลิดเปิดเปิงยืดยาวอย่างที่เห็น และเรื่องก็ดูผิดเพี้ยนไปจากหัวข้อเดิมที่ตั้งไว้ ต้องขอโทษคนต้นคิดด้วยนะครับ
1. จุดเริ่มต้นในการดูหนังของผมเกิดจากการที่พ่อซึ่งเป็นตำรวจหาวิธีดูแลลูกชายในช่วงปิดเทอมด้วยการพาผมไปไว้ในโรงหนังประจำจังหวัด (แน่นอนว่าเข้าฟรี) อันที่จริงในวัยนั้นผมยังดูอะไรไม่รู้เรื่องนักหรอก แต่พ่อก็คิดเผื่อไว้แล้วด้วยการเลือกหนังที่น่าจะทำให้เด็กประถมสนุกได้ไม่ยากนักด้วยหนังอย่าง หมาผี อีที ศุกร์ 13 วิ่งสู้ฟัด ไซอิ๋ว ฯลฯ แต่ถ้าเป็นหนังดังๆก็กระเตงกันไปทั้งครอบครัว อย่างเช่น เจมส์บอนด์ (จำไม่ได้จริงๆว่าภาคไหน) ซึ่งดันฉายควบกับหนังโป๊อย่าง นาตาลีร้อนรัก (ทีเรื่องนี้ล่ะจำแม่นเลย) แถมนาตาลีดันฉายก่อนอีกต่างหาก ทำให้ก่อนที่จะได้ดูสายลับปราบเหล่าร้ายผมก็เลยต้องนั่งตาเบิกโพลงดูนม ดูตูด ตามด้วยฉากบะ บะ โอบะ ชนิดที่ไม่มีวันได้เข้าฉายโรงในยุคนี้เด็ดขาดไปแบบเต็มๆตา ถึงแม้ในภายหลังแม่จะเอามือมาคอยบังตาไว้จนจบเรื่อง แต่ซาวนด์แห่งความรัญจวนนั้นยังคงติดหูอยู่จนถึงทุกวันนี้
2. ความชอบดูหนังมาถูกปลุกเร้าอีกครั้งจากการได้พบเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียน ม.ต้น เพื่อนคนนี้ถือเป็นเด็กเกเรคนหนึ่งของห้อง ในขณะที่ผมเป็นเด็กเรียน (ในตอนนั้น) ถึงแม้มันจะเกกมะเหรกเกเรขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเจ๋งมากคือการที่มันชอบพก เอ็นเตอร์เทน มาอ่านในห้อง แล้วคุยให้ผมฟังถึงความสนุกสนานของหนังเรื่องต่างๆอยู่เสมอ ฟังมากๆเข้าก็เกิดความอยากดู และทำให้ผมชอบอ่านนิตยสารเกี่ยวกับหนังมาตั้งแต่นั้น (แน่นอนว่านอกจากเอ็นเตอร์เทนมันยังพกหนังสือโป๊มาด้วย แต่ความชอบในสิ่งเหล่านั้นผมมั่นใจว่ามันเกิดจากตัวผมเองมากกว่า)
3. หนังที่ผมชอบดูในสมัยนั้นจะเป็นหนังฮ่องกงซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างหนังตระกูลโหดๆของจอนห์น วูหรือฉีเคอะ หนังฟัดๆของศิษย์ อ.หยูจินหยวน อย่างเฉินหลง หงจินเป่า หยวนเปียว นี่ผมดูทุกเรื่อง วิ่งสู้ฟัด เอไก๊หว่า ขาตั้งสู้ ใหญ่สั่งมาเกิด ฯลฯ ผมชอบมาก (นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเกลียด Rush Hour เข้าไส้ ทำไมระดับแจ๊คกี้ ชาน ต้องไปจับคู่กับคริส ทักเกอร์ บทบางตอนก็ทำหยั่งกะเฉินหลงเป็นลูกไล่) สมัยนั้นยังไม่ชอบดูหนังฝรั่งเท่าไหร่ ขนาดหนังดังๆอย่าง Terminator ภาคแรกผมยังได้ดูในงานวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน แถมฉากที่ทำให้หยุดดูยังเป็นฉากที่ซาร่า คอนเนอร์ขึ้นขย่มไคล รีส อีกต่างหาก (นี่กูเป็นเด็กแบบไหนกันเนี่ย) แต่ก็ถือเป็นหนังที่จุดประกายความสนใจในหนังฮอลลีวู้ดอย่างจริงจัง แต่ก็ยังดูในแบบเน้นความมันส์และเทคนิคพิเศษ หนังรัก หนังชีวิตนี่แทบไม่แลเลย
4. จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มหันมาดูหนังหลากหลายแนวมาจากบรรดานิตยสารหนังต่างๆที่ซื้อมาอ่าน เริ่มจากเอ็นเตอร์เทน ตอนนั้นชอบอ่านคอลัมน์ของคุณตีตั๋ว และหน้าตอบจดหมายของบก.ประไพพรรณมาก แม้ตอนหลังแกจะย้ายมาทำ Cinemag ก็ยังคงตามอุดหนุนกันตลอด เคยเขียนจดหมายไปหาแล้วได้ลงด้วย จากนั้นก็กำเริบเสิบสานลองเขียนวิจารณ์หนังไปก็ได้ลงอีก จำได้ว่าตอนนั้นเขียนเรื่อง ฟงอวิ๋น และได้รางวัลเป็นผ้าขนหนูผืนน้อยจากหนังเรื่อง Love Generation ที่ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ (ส่วนตัวแล้วมั่นใจว่างานตอนนั้นไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ที่ได้รางวัลอาจจะเป็นเพราะมีคนร่วมสนุกน้อย และอัจฉริยะอย่าง Merveillesxx หรือนาโนกายก็ยังเด็กเกินไป) เหมือนชีวิตจะพอใจแค่ผ้าขนหนู เพราะหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยเขียนอะไรส่งไปที่ไหนอีกเลย
5. สมัยนั้นรูปแบบของการดูหนังตามบ้านยังนิยมวีดีโอกันอยู่ (เด็กยุคนี้อาจจะบอก มันคืออะไรวะ?) ผมไม่เคยซื้อ เพราะไม่มีตังค์ เลยใช้วิธีเช่าเอา ซึ่งความเป็นลูกตำรวจก็ทำให้เช่าหนังได้ถูกกว่าชาวบ้าน (เขียนมาถึงตรงนี้อาจจะมีคนคิดว่า ดูมึงจะภูมิในการใช้อำนาจของพ่อมึงมากเลยนะ ขอตอบตรงนี้เลยว่าใช่) ซึ่งตอนเช่าแรกๆก็ยังไม่ค่อยประสีประสา ชอบไปเอาหนังซูมมาดู แล้วก็ต้องหงุดหงิดกับภาพมัวๆ เสียงอู้ๆอี้ๆ พาลทำให้รู้สึกไม่สนุกกับหนังเรื่องนั้นเอาซะเลย มาตอนหลังๆถึงรู้ว่าโลกนี้มันมี ม้วนมาสเตอร์ ภาพคมชัด เสียงเสนาะหู ดูแล้วสบายตา ยอมดูช้าหน่อยแต่อรรถรสดีกว่ากันเยอะ เลยรู้สึกแปลกใจไม่หายที่เห็นคนยุคนี้ (เขียนเหมือนตัวเองย้อนเวลามาจากไหน) ยังยินดีกับการซื้อแผ่นผีแบบซูมมาดูกันอยู่อีก ทั้งๆที่เดี๋ยวแผ่นผีแบบภาพมาสเตอร์มันก็ออกมา ไม่รู้จะรีบร้อนซื้อของที่มันไม่ชัดกันไปทำไม
6. ผมไม่มีปัญหากับการดูหนังคนเดียว เอาเข้าจริงแล้วชอบมากกว่าการไปดูหลายๆคนด้วยซ้ำ (แต่การดูกับแฟนไม่นับนะครับ อันนั้นถือเป็นกรณีพิเศษ) สมัยเรียนมหาลัยผมเคยไปดูหนังคนเดียว 3 เรื่องในหนึ่งวัน การได้เดินออกจากโรงนู้น เข้าโรงนี้ หิวก็ออกมากินข้าว ซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปดูใหม่ ถือเป็นความเพลิดเพลินอย่างมหาศาล ผมจึงค่อนข้างจะแปลกใจที่เห็นเพื่อนผมบางคน (อันที่จริงแล้วหลายคนมากๆ) ไม่สามารถดูหนังคนเดียวได้ ส่วนใหญ่จะให้เหตุผลว่ามันดูตลกๆยังไงไม่รู้ที่ต้องไปนั่งหงอยอยู่คนเดียวในโรง ดูเหมือนเป็นพวกไม่มีใครคบ กูว่าความคิดพวกมึงนั่นแหละที่ตลก ดูหนังไม่ใช่อุปสมบทหมู่ ต้องแห่กันไปทำไมเยอะแยะ แถมตอนดูก็ไม่ได้คุยกัน แล้วมันต่างกับนั่งคนเดียวตรงไหนวะ?
7. ปัจจุบันผมดูหนังในโรงน้อยมาก สาเหตุมาจากความกันดารของโรงหนังที่ระยอง ที่ชอบสั่งมาแต่หนังตลาดและหนังตลก แถมไม่มีซาวน์แทร็คให้ได้ไปนั่งฝึกสายตาอ่านซับอีกต่างหาก เรื่องไหนอยากดูมากจริงๆต้องถอกตูดไปถึงพัทยา แถมบางครั้งยังแจ๊คพอตแตก เข้าไปเจอผีโรงหนังครบทุกตัว ทั้งผีเด็ก ผีโทรศัพท์ ผีผัวเมียปัญญาอ่อนนั่งถามตอบกันตลอดเรื่อง แต่ละตัวแข่งกันเฮี้ยนไม่มีใครยอมใคร กว่าหนังจะจบเสียสุขภาพจิตสุดๆ นี่ยังไม่นับเรื่องแอร์ที่ไม่ค่อยจะเย็น ดูยิปมันถึงฉากต่อยกับฝรั่งนี่เหงื่อท่วมเหมือนเข้าไปต่อยเอง ดูหนังทีลำบากเหมือนเข้าไปใช้กรรม หลังๆเลยยอมเสียอรรถรส นอนเปิดแอร์ดูอยู่บ้านดีกว่า
8. ถึงแม้จะดูหนังได้หลากหลายแนว และไม่รังเกียจหนังอาร์ตหรือหนังเซอร์เรียลต่างๆ แต่หนังที่ผมชอบจริงๆคือหนังแนวหวีดสยองเจสันสครีมมิ่งทั้งหลายแหล่ ประเภทจับมาฆ่า ล่ามาเชือด นี่จะดูด้วยความเพลิดเพลินมากๆ เรื่องที่ชอบก็เป็นหนังสยองยุคหลังๆนี่แหละ อย่าง Saw, Hostel, High Tension ฯลฯ หรือพวกที่เอาหนังเก่ามารีเมคใหม่ก็สนุกดี ไม่ว่าจะเป็น Texas Chainsaw Massacre, The Hills have Eyes หรือ Friday The 13th ถึงแม้เสียงส่วนใหญ่จะบอกว่าทำสู้ของเก่าไม่ได้ แต่ผมว่ามันก็ทำได้ดีตามยุคสมัยที่ควรจะเป็น (จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดูเวอร์ชั่นเก่าเท่าไหร่) องค์ประกอบประเภทสาวๆนมโต วิ่งเซ่อซ่าจนผ้าผ่อนหลุดก่อนจะถูกฆ่าตายช่างเป็นภาพที่น่าตื่นเต้น ยิ่งเรื่องไหนดีไซน์ฉากการตายแปลกๆ ดูไปแขม่วท้องไปนี่จะโปรดปรานมาก
9. ผมไม่มีปัญหากับหนังไทย ไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ถึงกับรัก ความรู้สึกโดยรวมก็เหมือนกับที่มีต่อหนังทั้งโลก คือถ้ามันสนุกดูแล้วถูกใจก็ชอบ แต่ถ้าทำออกมาเหมือนคนสร้างเอาหัวแม่ตีนคิดก็ต้องขอสาปแช่งด่าทอกันบ้าง แต่ที่รับไม่ได้และรู้สึกหดหู่ใจทุกครั้งก็คือวัฒนธรรมการดูหนังของคนประเทศนี้ ประโยคที่เกลียดแต่ก็มักจะได้ยินจากคนรอบตัวอยู่เสมอ (และคนไทยส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้) ก็คือ ชีวิตจริงก็เครียดพออยู่แล้ว อยากดูอะไรตลกๆ ผ่อนคลาย ไม่อยากซีเรียส ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่พูดแบบนี้ชีวิตก็ไม่ได้ลำเค็ญอะไรนักหนาหรอก ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกชนชั้นกลางมีงานทำได้เงินเดือนละสองสามหมื่น บ้านก็มีอยู่ รถก็มีขับ ไม่รู้เครียดเหี้ยอะไรนักหนา มึงชอบดูหนังตลก หนังเสื่อมๆแบบนี้ก็บอกมาเถอะ
10. ผมชอบหนังที่มีตัวละครเป็นอัจฉริยะ หนังอะไรก็แล้วแต่ถ้าใส่บทในเรื่องให้มีอัจฉริยะแล้วผมจะชอบมาก หรือถ้าไม่ใช่อัจฉริยะก็ต้องเป็นตัวละครที่เชี่ยวชาญและเก๋าเกมในงานของตัวเอง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมชอบแอล ชอบจอห์น ฟอร์บส์ แนช ชอบหนัง Good will Hunting ชอบโทนี่ สตารค์ ชอบเจสัน บอร์น ชอบเชอร์ล็อค โฮมส์ (ใครอีกวะ ทำไมนึกไม่ค่อยออก) และหลงไหลจอร์จ คลูนี่ย์ ใน Up in the air (แต่เกลียดสตาโลนใน The Specialist มาก) อาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เลยตื่นเต้นเสมอเวลาเห็นคนฉลาดๆทำอะไรๆที่ชาตินี้เราไม่มีวันทำได้ แม้มันจะเป็นแค่ในหนังก็ตาม
หมายเหตุ: ไม่ได้เขียนอะไรยาวๆซะนาน รู้สึกเลยว่าตัวเองเขียนฝืดขึ้นมาก อารมณ์เหมือนเดินลุย โคลนไปจับหอยหลอด ต่อไปจะพยายามไม่หยุดนานอย่างนี้อีกแล้ว กลัวเขียนไม่ออกถาวร
Create Date : 02 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 8:58:04 น. |
|
35 comments
|
Counter : 923 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 69.22.184.54 วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:23:46:58 น. |
|
โดย: BdMd IP: 124.122.165.131 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:0:12:45 น. |
|
โดย: butbbj วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:12:06:50 น. |
|
โดย: butbbj วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:12:12:26 น. |
|
โดย: เอกเช้า IP: 198.155.101.241 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:15:47:55 น. |
|
โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 122.248.16.2 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:16:51:55 น. |
|
โดย: McMurphy IP: 118.173.95.218 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:21:30:09 น. |
|
โดย: VELEZ วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:21:34:15 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 117.47.234.41 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:22:01:17 น. |
|
โดย: Seam - C IP: 58.9.196.232 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:10:27:24 น. |
|
โดย: JewNid วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:11:33:35 น. |
|
โดย: จขบ. ผู้อยากมีซิกซ์แพ็ค IP: 142.103.23.32, 122.248.16.2 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:16:18:08 น. |
|
โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:18:32:53 น. |
|
โดย: โปรดทำให้ฉันหยุดหัวเราะ IP: 202.91.19.194 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:19:10:10 น. |
|
โดย: มินทิวา วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:15:28:04 น. |
|
โดย: VELEZ วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:20:57:03 น. |
|
โดย: ยุ้ย IP: unknown, 123.242.178.81 วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:12:27:02 น. |
|
โดย: butbbj วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:12:31:47 น. |
|
โดย: butbbj วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:15:00:54 น. |
|
โดย: มินทิวา วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:7:43:19 น. |
|
โดย: VELEZ วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:14:00:49 น. |
|
โดย: butbbj วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:12:36:37 น. |
|
โดย: มินทิวา วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:8:34:31 น. |
|
โดย: ko IP: 117.47.25.7 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:23:27 น. |
|
| |
|
แฟนผมตัวดำ |
|
|
|
|
ปล ไม่มีผ้าขนหนูแจก