<<
กุมภาพันธ์ 2555
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
23 กุมภาพันธ์ 2555
 

รีวิวหนังสองเรื่องควบ เอทีเอ็ม เออรัก เออเร่อ & สงครามธนูพิฆาต

พักเรื่องร้านเช่าหนังสือมาดูหนังกันบ้างดีกว่า

ATM เออรัก เออเร่อ



ดูแล้วไม่รู้จะด่าอะไรดี ระหว่างตัวหนังหรือตัวกู ทั้งที่เพื่อนรอบตัวก็ไม่มีใครชื่นชม (จริงๆต้องบอกว่าถล่มกันเละเทะเป็นเอกฉันท์ด้วยซ้ำ) แต่ด้วยความน่ารักของน้องไอซ์ และความฉงนใจว่าหนังมีอะไรดีถึงได้เงินตั้งร้อยสามสิบกว่าล้าน สุดท้ายผลของการเป็นคนช่างสงสัยเลยสนองให้ต้องไปนั่งอึดอัดอยู่ในโรง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้คนรอบตัวที่ขำกันเป็นบ้าเป็นหลัง ความรู้สึกเหมือนไปกินอาหารร้านที่คนเยอะสัดแต่กูกินอะไรไม่อร่อยซักอย่าง จนอยากจะลุกขึ้นมาถามว่า “ขำเหี้ยอะไรก๊านนนนนน” รู้สึกแปลกแยกมากๆ ไม่เข้าใจรสนิยมของคนประเทศนี้ ระหว่างที่ดูก็นั่งคิดจนปวดหัว “นี่คือหนังที่ได้ 130 ล้านจริงๆเหรอ? ประเทศกูเป็นอะไรไปแล้ว?”

ไม่ได้มีปัญหากับความเป็นการ์ตูนของหนัง เพราะอย่าง Suck Seed ก็ดูได้มีความสุขดี แต่การ์ตูนของหนังเรื่องนี้มันเหมือนการ์ตูนเล่มละบาท ไม่ต้องไปเทียบกับชั้นเชิงระดับการ์ตูนมังงะ เอาแค่ขายหัวเราะยังไม่ได้ขี้เล็บก้อยตีนเค้าเลย ความเป็นเหตุเป็นผลก็อ่อนยวบ แถมไอ้ความเป็นการ์ตูนของมึงก็ทำให้กูลืมความปัญญาอ่อนของพล็อตไม่ได้ ตรงข้ามทุกครั้งที่มีเสียง “ควิ้ง” “ฉ่าง” “ตึ่ง” เพื่อบอกกูว่าตรงนี้ขำนะจ๊ะ ช่วยหัวเราะหน่อยเถอะ มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกถึงความด้อยปัญญาของหนัง เพราะขนาดเตือนกันแล้วกูยังไม่รู้เลยว่า “ต้องขำ” ทั้งที่ความจริงก็รออยู่นะ อยากขำบ้าง ซื้อตั๋วมาตั้งแพง แต่ให้กูเค้นก็ไม่ไหวจริงๆ

ที่น่าด่าที่สุดก็คือการสร้างอารมณ์ร่วมไปกับความสัมพันธ์ของคู่พระ-นาง ดูแล้วไม่รู้สึกเลยว่าไอ้สองคนนี้รักกัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การแสดงเพราะทั้งเต๋อและน้องไอซ์ก็ทำได้ดีเท่าที่บทห่วยๆนี้จะพาไปได้แล้ว เอาเข้าจริงการแสดงของเต๋อและความน่ารักของน้องไอซ์ช่วยให้หนังดีและตลกขึ้นด้วยซ้ำในหลายๆฉาก แต่บทและจังหวะมันเละเทะขนาดนี้ จะไปหวังให้นักแสดงกอบกู้หนังทั้งเรื่องก็คงไม่ไหว ขนาดบทของโจ๊ก โซคูล ยังกลายเป็นตัวละครที่น่าอึดอัดมากกว่าจะมาสร้างสีสันเลย (อันนี้ก็โทษการแสดงไม่ได้ แต่การซูมหน้าพี่โจ๊กตอนถอดแว่นมากๆนี่มันเป็นเรื่องไม่ควรทำจริงๆ)

ย้ำกันอีกครั้งว่านี่คือหนังร้อยสามสิบหกล้าน (ณ วันที่เขียน เชื่อว่ากว่าที่หนังจะออกจากโรงน่าจะได้ถึงร้อยห้าสิบล้านด้วยซ้ำ) หลังจากนี้คุณเมษ ธราธรผู้กำกับจะได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับร้อยล้าน ซึ่งผมก็ดีใจด้วย เพราะรู้ว่าคนทำงานคงตั้งใจ ในเมื่อผลงานโดนใจคนหมู่มากก็เป็นเรื่องน่ายินดี แล้วผมควรจะโกรธใครดี โกรธรสนิยมตัวเองที่ดันเป็นพวกชนกลุ่มน้อยไม่เข้ากับชาวบ้าน โกรธอีคนดูในโรงเดียวกับผมที่ขำได้เป็นวรรคเป็นเวรแม้ในฉากเปิดเรื่องที่มีป้ายรถฟอร์ดออกมาจากตู้เอทีเอ็ม (จริงๆอีนี่ขำตั้งแต่โฆษณาปิดมือถือของดีแทคแล้ว เส้นมึงนี่ตื้นระดับหนังกำพร้าจริงๆ ซื้อตั๋วมาคุ้มเหลือเกินนะอีห่า) เกลียดทัศนคติประเภท “จะเครียดอะไรนักหนา ชีวิตจริงก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว” ของคนไทยที่ใช้เป็นข้ออ้างในการอ้าแขนรับอะไรห่วยๆกันอย่างง่ายๆ (ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพราะความสามารถในการแยกแยะของดี-ของเสียมีจำกัด) เกลียด GTH ที่ทำหนังอย่างนี้แล้วเสือกได้ตังค์ นี่มึงกำลังจะกลายเป็นพระนครฟิล์ม 2 ใช่มั๊ย?

ตอนดูหลวงพี่เท่งภาคแรกก็แปลกใจแล้วที่ได้ร้อยล้าน มาเจอเรื่องนี้เข้าไปกูรู้สึกเหมือนกูมาจากดาวอังคารจริงๆ มนุษย์โลกเป็นเหี้ยอะไรกันหมดแล้ว...

สงครามธนูพิฆาต



สนุกสมกับที่เป็นหนังทำเงินของเกาหลีประจำปี 2011 แม้ช่วงเปิดเรื่องจะดูซ้ำซากตามสูตรจนนึกว่ากำลังจะได้ดูหนังแนวล้างแค้นให้ท่านพ่ออีกเรื่อง แต่หลังจาก 20 นาทีแรกของหนังผ่านไป หนังก็ทิ้งความดราม่าจำเจที่เราเคยชิน และหันมาอัดฉากการไล่ล่าสุดตื่นเต้น โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังที่ทำได้ลุ้นระทึกบีบหัวใจ ถึงเลือดถึงเนื้อและพลิกผันไปมาจนแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ดูจบนี่แทบจะหาไม้ไผ่มาดัดไปฝึกยิงธนูกันเลยทีเดียว

ที่ชอบมากคือหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องในประเด็นเล็กๆมากกว่าจะขยายใหญ่โตไปเป็นเรื่องของการกู้ชาติ เพราะตอนแรกที่เปิดเรื่องมาก็เหมือนจะปูไปทางนั้น (ครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏถูกฆ่าล้างตระกูล พระราชาที่มัวเมาในอำนาจไม่ใส่ใจประชาชน การรุกรานของชนชาติอื่น) แต่แรงผลักดันที่ทำให้พระเอกต้องวิ่งวุ่นไปมาทั้งเรื่องมีแค่อย่างเดียวคือความอยากช่วยน้องสาวที่ถูกจับเป็นเชลย แถมหนังยังทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ดูคลุมเครือน่าสงสัย ว่าจริงแล้วทั้งคู่รักกันเกินความเป็นพี่น้องหรือเปล่า ฉากยิงธนูที่เป็นจุดขายก็ทำได้ดีน่าตื่นตา ดูเหลือเชื่อแต่ก็สมจริง ไม่ถึงกับแฟนตาซีเว่อร์ประเภทยิงทีเดียวสี่ห้าดอก หรือยิงต่อเนื่องเร็วเป็นตับ เต็มที่ก็แค่ธนูวิถีโค้งที่หนังก็ถ่ายทอดให้เราเชื่อว่าถ้ามีเทคนิคประกอบกับทิศทางลมช่วย การยิงแบบนี้ก็พอจะเป็นไปได้ (เรียกว่าโม้เก่งจนกูเชื่อว่างั้นเถอะ) และทำให้ฉากแอ๊คชั่นของหนังฉีกตัวเองออกจากหนังย้อนยุคเรื่องอื่นๆที่เน้นการฟันดาบได้อย่างสวยงามน่าสนใจ

หนังกำลังจะเข้าโรง 23 ก.พ. นี้ ส่วนฉบับที่ผมได้ดูเป็นเวอร์ชันที่เราต่างก็รู้ว่ามาจากไหน (หลายคนบอก “ก็จากไหนล่ะวะ”) ซึ่งก็ต้องขอคารวะในความอุตสาหะของคนทำซับมากๆ เพราะนอกจากจะแปลรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง (บางประโยคก็ไม่แปลเลย) แต่ก็ยังอุตส่าห์ใส่รายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจำพวกประวัติศาสตร์เกาหลี ชนิดของลูกธนู เทคนิคการยิงธนู ฯลฯ ทำให้ดูหนังสนุกขึ้นเยอะเลย

ปล. ชอบคำประกาศ “พร้อมปักเข่า 23 กุมภา...” มาก คนคิดแม่งโคตรกล้า นี่มึงเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ที่หนังฉบับฉายโรงต้องยอมแพ้ให้กับแผ่นโมแน่ๆคือชื่อไทย เพราะขณะที่ค่ายหนังใช้ชื่อ “สงครามธนูพิฆาต” แผ่นโมใช้ “ศึกโคตรธนูอหังการ สะท้านภพ ถล่มแผ่นดินเถื่อน” แม่งงง... โคตรอลังการ 55




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
4 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 2:46:21 น.
Counter : 2114 Pageviews.

 
 
 
 
อ่านคำวิจารณ์ สนุกโคตรเลยล่ะ 555555
หนังเหนิงไม่ต้องเน้นกันแระ

 
 

โดย: ป้าแก่ๆ (เสี่ยวเฟย ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:59:07 น.  

 
 
 
มาบล๊อกนี้ทีไร ได้หัวเราะกลับไปทุกที

เท่ดีเนอะที่เขียนว่า “พร้อมปักเข่า 23 กุมภา...”

ก็วันนี้แล้วสิเนี่ย
 
 

โดย: VELEZ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:13:42 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ ...


ไม่ได้คุยกับคุณแฟนผมนานเลย ... เห็นชื่อวันนี้อัพบล็อกหน้าหลัก
เลยรีบวิ่งเข้ามาทักทายกันก่อนเลย (ก่อนจะลืม) ..


รีวิวและบล็อกวิจารณ์ต้องบอกว่า .. สุดๆ ค่ะ แต่ก็ดีนะค่ะเพราะว่า
มีจุดยืนของตัวเองดี คือ ไม่ชอบก็บอกได้ว่าไม่ชอบตรงไหน ของเราเรื่องนี้
ยังไม่ได้ดูเลย แต่เห็นคลิปเพลงประกอบของเรื่องนี้แล้วก็ชอบดี น่ารัก
เลยทำให้พาลอยากดู แต่ว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดูเรื่องนี้แบบเต็มๆ สักทีค่ะ

สำหรับเรื่อง คนอื่นขำแต่เราไม่ขำ แถมเห็นแล้วหงุดหงิดอีกต่างหากว่า
ทำไมคนอื่นขำได้ขำดี อันนี้เข้าใจเลยเพราะเคยเกิดความรู้สึกกับการ
ขำมุกของ โน้ต อุดม เราบอกได้ว่าเราดูแล้ว สว่นใหญ่ดันไม่ค่อยขำอ่ะค่ะ
แต่ว่าหลายคนอย่างน้องชายเรา มันหัวเราะแบบว่าลืมโลกเลย
ส่วนเราเหรอ ดูเหมือนกัน อะไรเหมือนกัน แต่ว่าทำไม๊ เราไม่ยักขำอ่ะ
แต่กลับเฉยๆ เลยล่ะค่ะ ...


 
 

โดย: JewNid วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:22:45:32 น.  

 
 
 
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะคุณแฟนผมฯ
 
 

โดย: VELEZ วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:16:37:24 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

แฟนผมตัวดำ
 
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add แฟนผมตัวดำ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com