|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อำลาชีวิตบนสังเวียน
อำลาชีวิตบนสังเวียน ผมกับดำยังคงต่อยมวยควบคู่ไปกับการเรียนอย่างต่อเนื่อง ดำได้เป็นแชมป์เปี้ยนสมใจ ส่วนผมยังคงย่ำต๊อกต่อยมวยพร้อมสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการมวยวัดคือ แพ้น็อคตลอด จนมีคนกระเซ้าเหย้าแหย่หาว่าผมต่อยแก้บน ผมเฝ้าสังเกตเห็นเด็กทั้งใหม่และเก่าเดินเข้าออกค่ายมวยเป็นว่าเล่น บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็ล้มเหลว นอกนั้นก็เลิกรากันไป ที่เก่งๆหน่อยอย่างผม ก็หน้าด้านหน้าทนอยู่มันไปเรื่อยๆอาศัยเช็ดปัดกวาดค่ายทดแทนพระคุณ เพราะผมย้ายถิ่นฐานจากบ้านพ่อบ้านแม่มาปักหลักอยู่ในค่ายอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องรอเทียบเชิญจากกลุ่มผู้สนับสนุน วันนี้หัวหน้าค่ายและบรรดาผู้สนับสนุนมาพร้อมเพรียงกันเป็นพิเศษ ทันใดนั้นเอง รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู สีดำก็มาจอดอยู่หน้าค่ายมวย ทุกคนเดินเข้าไปต้อนรับชายวัยกลางคนผิวขาว สวัสดีครับเสี่ย หัวหน้าค่าย ทักทายอย่างเป็นกันเอง ทั้งคณะสนทนากันอย่างออกรสออกชาด พอจะจับประเด็นได้ว่า ต้องการนำนักมวยในค่ายเหิรฟ้าข้ามมหาสมุทรไปปั้นให้เป็นยอดมวยเอกประดับวงการมวยไทย เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทำให้นักมวยในค่ายหลายคนเกิดแรงฮึด ขยันซ้อม ด้วยหวังว่าตัวเองจะติดเป็นหนึ่งในโครงการดาวรุ่งมุ่งสู่ลุมพินี แม้กระทั่งผมเองที่ถือเป็นนักมวยเอกในค่าย ( เอกที่ว่าคือหนึ่งเดียวที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ) สถิติการชกของผมกับดำต่างกัน ราวฟ้ากับเหว เปลวเทียนกับสปอร์ตไลน์ ดำชนะมารวด 15 ครั้ง ส่วนผมแพ้มารวด 8 ครั้ง เป็นการชกในรูปแบบมวยวัดทั้งสิ้น ไม่เคยขึ้นชกมวยรายการแม้แต่ครั้งเดียว และนั่นเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่ซ่อนไว้ในซอกหลืบของง่ามแง่งตรงโสตประสาท จริงอยู่ผมแพ้มาตลอด แต่ที่แพ้เป็นเพราะคู่ชกตัวใหญ่บ้าง เจอมวยซุ่มจากที่อื่นมากินเดิมพันบ้าง ( ผมมักมีข้ออ้างเสมอเวลาทำผิด ) ความก้าวหน้าในชีวิตนักมวยของผมจึงสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นคนอื่นคงเลิกไปนาน พ่อกับแม่ก็ร่ำๆจะขอร้องให้หยุดทรมานตัวเองแล้วตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออย่างลูกคนอื่น พ่อกับแม่คงไม่ทราบว่า ผมขอแค่เพียงชนะซักครั้งผมก็จะเลิก ภาพของความเป็นผู้ชนะยังคงไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์การต่อสู้บนผืนผ้าใบของผม หลังจากไม่ประสพผลสำเร็จในการตะบันหน้าคน ผมก็เริ่มหันเหชีวิตให้กับการศึกษาเพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็น่าจะพอพึ่งพาอาศัยได้ในยามวิกฤต อีกอย่างเงินเก็บจากการชกมวยของผมก็ไม่มีแม้แต่แดงเดียว เพราะต่อยแต่ละครั้งยังไม่พอส่งดอกแชร์ให้แม่เลย ( อันนี้แม่....ผมแอบบ่นให้ฟัง ) เมื่อจบชั้น ปวช.ผมก็เลิกต่อยมวยอย่างเด็ดขาด ด้วยวันอันไม่ถึง 17 เต็มนักตามคำแนะนำของ ทิดชวนอดีตนักมวยระดับแชมป์มวยรอบเวทีช่องสิบหาดใหญ่ อายุขนาดนี้เลิกได้กำลังดี ถ้าเลย 20 เดี๋ยวโรคพากิลสันจะถามหา ผมก็เชื่อแก ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรคพากิลสันที่ว่าเป็นเช่นไร ย้อนกลับมาที่ค่ายดาวรุ่งมุ่งสู่ลุมพินี มีนักมวยในค่ายได้ไป 2 คน หนึ่งในนั้นคือดำ ส่วนอีกคนนัยว่าให้ไปเป็นเพื่อนไว้พูดคุยยามเหงา ในส่วนของดำเองมีรายการต่อยในเวทีมาตรฐานอย่างลุมพินี ผลคือดำแพ้น๊อค และสุดท้ายก็เลิกราหันเห มาเป็นอาจารย์สอนมวยตามวิชาชีพที่เรียนมาแทน ปัจจุบันค่ายมวยได้ถูกเวนคืนกลายเป็นถนนสี่เลนสวยหรู คงทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเมื่อครั้งอดีต ภาพชีวิตของผู้คนต่างๆ ในตัวละครทุกตอนล้วนแล้วแต่มีความหมาย สุดท้ายนี้ขอไว้อาลัยให้กับการจากไปของดำอย่างไม่มีวันกลับด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ร่วมๆเกือบ 8ปี ยังคงรักและอาลัยอาวรณ์ถึงเพื่อนเสมอ มิเคยลืมเลือน ไปดีเถอะดำ........นักชกผู้พิชิต
Create Date : 13 พฤษภาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2549 14:04:29 น. |
Counter : 585 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: again (see_you ) 16 พฤษภาคม 2549 12:16:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: again IP: 124.120.78.169 26 พฤษภาคม 2549 22:40:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: วัช.. ณ ชายคา IP: 202.142.200.252 18 กรกฎาคม 2549 10:43:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เหอๆ ... เรารู้ฟามลับอย่างหนึ่งแล้วว่า..กลัวเลือด
งั้นชวนไปบริจาคเลือดที่..สภากาชาด เอาป่าว !!
จริงๆ แล้ว พี่เลี้ยงเขาก็เข้าใจบอกนะว่า..
เลือดมันสีแดง..แตงโมก็สีแดง..แบ็งค์ร้อยก็สีแดง
คิดได้ไงเนี่ย !
แต่..ตอนนี้ พี่ ดาราเดช คงไม่โดนใครมาแกล้งแล้วมั้ง
ก็สูงตั้ง 180 ใครจะมาหือ...ใช่ป่าว !!