" โต๊ะเตะบอล "
แต่พวกผมเรียกกันง่ายๆว่า "เตะโกล์" เป็นอันเข้าใจ
เป็นเกมส์ในร่มอีกชนิดที่เด็กๆมักไปชุมนุมรวมตัวเล่นกัน
สถานที่ตั้งโต๊ะเตะโกล์ มีตู้ม้า ตู้เกมส์ต่างๆ วางกระจายตัวไปทั้งห้อง
ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต รวมถึงวัยรุ่น มักใช้เป็นที่พบปะรวมพล
มีเล่นพนันแข่งขันแบบติดปลายนวมก็ตามแต่จะตกลง
โต๊ะโกล์ ลักษณะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยม พื้นโต๊ะจำลองสนามขนาดย่อ
มีแกนเหล็กกลมยาวมีด้ามจับ ติดตัวสำหรับเตะ จำนวนฝั่งละ 4 แถว
ใช้ลูกบอลไม้ขนาดโตกว่าลูกปิงปองนิดหน่อย
ตัวเตะบอลทำจากไม้ เป็นรูปตุ๊กตาคล้ายนักบอลแบ่งข้าง 2 ฝ่าย
ใส่ติดกับแกนเหล็ก ให้แกนสามารถขยับได้
เทคนิคการเตะ การครอบครองบอลอยู่ที่ฝีมือใครฝีมือมัน
รุ่นเล็กก็สามารถคว่ำรุ่นใหญ่ได้ ถ้าเก่งพอ
การเล่นต้องใช้แรง ชั้นเชิง และความว่องไวระดับนึง
เสียงลูกบอลถูกเตะเข้าโกล์ เสียงของไม้แกนเหล็ก
ที่กระแทกโต๊ะดังโครมคราม เรียกความตื่นเต้นเร้าใจได้ดี
ขณะที่พวกเรากำลังเล่นกันสนุกสนาน ตามฝีมือที่พอเล่นเอาสนุก
ก็ให้รู้สึกว่าเสียงดังที่โต๊ะถัดออกไปมันแปลกๆ
เพราะเสียงมันไม่ใช่ของการเตะโกล์ แต่เป็นเสียงที่ต่างไป
พวกเราหันไปดูที่โต๊ะวัยรุ่น รุ่นใหญ่
ที่เมื่อกี้เล่นกันอย่างจริงจังแบบไม่มีใครยอมใคร
ภาพที่เห็นมันไม่ใช่เตะโกล์ แต่เป็นคนเตะกันจริงๆ
มีฝ่ายนึงคว้าขวดน้ำอัดลม ตีเข้าที่หัวของอีกฝ่าย
เสียงดัง โป๊ก..โป๊ก ซึ่งมันคือไม่ใช่เสียงเตะโกล์ที่คุ้นหู
ทั้งหมัด ทั้งขวด ต่างฝ่ายต่างซัดกันนัว
สักพักฝ่ายนึงบอกพอแล้ว..พอแล้ว คือขอยอม
ที่จริงแล้ว 2 คนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน มาด้วยกัน
แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องมาตีกันนอกสนาม
หรือจะจำลองสถานการณ์ของนักฟุตบอลไทยสมัยนึง
ที่เราชอบเปรียบเปรยกันว่า "บอลไทยไปมวยโลก"
พวกเราจึงนับว่าโชคดีได้เล่นกันต่อ เพราะแต่แรกคิดไว้ว่า
จะวิ่งออกมาตั้งหลักดูอยู่นอกร้าน แต่เสียดายตังค์จ่ายค่าเกมส์
ที่เพิ่งเล่นได้ไม่นาน ...เฮ้อออ เอ้า..เล่นกันต่อเพื่อน
เรื่องของวันวานครั้งนี้ ทำให้บัสคิดถึง 2 เรื่องค่ะ
1) เรื่องของตัวเอง....ลูกแก้วสนุกเกอร์
2) เรื่องของทีมชาติ..."บอลไทยจะไปมวยโลก&บอลจบคนไม่จบ"
การแลกหมัดกัน น่าจะเป็นสายสัมพันธ์หนึ่งของเพื่อนค่ะ ถ้าถามว่าวันนั้นตีกันทำไม น่าจะหาสาระของคำตอบแทบไม่ได้ (แต่ที่แน่ๆ วันนั้นแกต่อยฉันเจ็บมาก-ฟันหักเลย :) 555
# รางวัลจากเรื่องแรกโดนไม้มะยมยกแกงค์ / รางวัลเรื่องที่สอง...โดนถล่มซ่ะเละเทะ เจ็บทั้งชาติ#