Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอน10 บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี,บ้านองคุลีมาล และวัด๙๖๐








สาวัตถี (บาลี: Sāvatthī สาวัตถี; สันสกฤต: श्रावस्ती Śrāvastī ศราวัสตี; อังกฤษ: Sravasti)

คือเมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล 1 ใน แคว้นมหาอำนาจใน 16 มหาชนบท

ในสมัยพุทธกาล เมืองนี้รุ่งเรืองจากการที่เป็นชุมนุมการค้าขาย การทหาร เป็นเมืองมหาอำนาจใหญ่ควบคู่กับเมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ

ในสมัยโบราณ ปัจจุบันเมืองนี้เหลือเพียงซากโบราณสถาน คนอินเดียในปัจจุบันลืมชื่อเมืองสาวัตถี (ในภาษาบาลี) หรือ ศราวัสตี

(ในภาษาสันสกฤต) ไปหมดแล้ว คงเรียกแถบตำบลที่ตั้งเมืองสาวัตถีนี้เพียงว่า สะเหถ-มะเหถ (Saheth-Maheth)

ปัจจุบัน สะเหต-มะเหต ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย


เมืองสวัตถีในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองที่ใหญ่พอกับเมืองราชคฤห์และพาราณสี เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายในสมัยพุทธกาล โดยใน

สมัยนั้นเมืองสาวัตถีมีพระเจ้าปเสนทิโกศลปกครองร่วมสมัยกับพระเจ้า พิมพิสาร นอกจากนี้เมืองสาวัตถีนับว่าเป็นเมืองสำคัญในการ

เป็นฐานในการเผยแพร่พระพุทธ ศาสนาของพระพุทธเจ้าที่สำคัญ เพราะเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา

เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมายและเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุด เพราะมีผู้อุปถัมภ์สำคัญ เช่น พระเจ้าปเสนทิโกศล อนาถบิณฑิก

เศรษฐี นางวิสาขา เป็นต้น


สาวัตถี ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือวัดเชตวันมหาวิหาร (ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ถึง 19 พรรษา),

บริเวณวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล, บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (สถูป), บ้านบิดาขององคุลีมาล (สถูป), สถานที่พระเทวทัต

ถูกแผ่นดินสูบ (หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร), ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ เป็นต้น


//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%B5


----


มุมมองจากบ้านบิดาองคุลีมาล ไปยังบ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเมืองสาวัตถี





สาวสวยในคณะของเรา





อนาถบิณฑิกเศรษฐี หรือ สุทัตตอนาถปิณฑิกคฤหบดี เป็นชาวเมืองสาวัตถีในสมัยพุทธกาล มีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า

เดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี เกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก

ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก (แปลตามศัพท์ว่า

เศรษฐีผู้มีก้อนข้าวให้กับคนยากจน)


อนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระ โสดาบัน ท่านจึงมีศรัทธา

สร้างวัดเชตวันมหาวิหารถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเงินจำนวนมาก ท่านได้เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธเจ้า

และพระสงฆ์อย่างดีมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่วัดพระเชตวันที่ ท่านสร้างมากกว่าที่

ประทับใด ๆ ถึง 19 พรรษา


เรื่องราวของอนาถบิณฑิก เศรษฐี มีปรากฏมากมายในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความศรัทธา ความมี

สติปัญญา และความเอาใจใส่ในการบำรุงพระพุทธศาสนา ทำให้ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็น อุบาสกผู้เลิศในการ

เป็นผู้ถวายทาน (เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก)

หมายเหตุ: ผู้ถวายวัดพระเชตวันมหาวิหารเป็นมหาสังฆารามในพระพุทธศาสนา


//www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-ong-kulee-marn.htm





พระคุณเจ้าขึ้นไปสวดมนต์ที่บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี





จากนั้นก็เดินทางกลับโรงแรมเพราะใกล้ค่ำแล้ว





หลังจากพักที่โรงแรมหนึ่งคืน พวกเราเดินทางกันต่อในตอนเช้า ระหว่างทางกำลังมีการหาเสียงเลือกตั้ง

เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกว่าช่วงเวลาที่เราเดินทางกันนั้นกำลังเป็นช่วงเลือก ตั้งของอินเดียเขา





รถที่ปรกติติดอยู่แล้ว ก็ยิ่งชะงักลงเพราะฝูงชนมหาศาลกำลังชุมนุมฟังการปราศรัย

(ถ่ายจากภายในรถผ่านกระจกรถ ซึ่งจะเห็นบางจุดเบลอเพราะมีobject บังหน้าเลนส์)





จราจรจำเป็น(เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้ง) ถือธงมาโบกกำกับการจราจร ทำให้เราผ่านไปได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าจะต้องรอนานก็เถอะ





ระหว่างทาง เนื่องจากเป็นระยะทางอันยาวไกล คณะเราแวะที่นี่ค่ะ


ศูนย์การดูแลผู้แสวงบุญโดยวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย





วัวอาบแดดที่ข้างวัด ๙๖๐





วัดนี้อยู่ห่างจากชายแดนอินเดีย-เนปาล 2 กิโลเมตร เป็นจุดพักที่ทัวร์คนไทยทุกคณะต้องแวะ วัดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อ

รองรับคนไทยที่จะข้ามแดนไปลุมพินี วัดนี้อยู่ในความดูแลของวัดไทยกุสินารา


ที่นี้จะมีบริการต่างๆไว้พร้อม สำหรับผู้เดินทาง ทั้งห้องน้ำ(ที่ต้องบอกว่าดีที่สุดในระหว่างการเดินทางไปสังเวชนียสถาน)

โรงอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ คำว่า 960 9 หมายถึงรัชกาลที่ 9 60 คือครองราชย์ครบ 60 ปี

เราแวะพักทานข้าวเที่ยงที่นี่ด้วยอาหารกล่องที่นำมาจากโรงแรม





วัดตกแต่งได้สวยงามน่ารักมาก มีรูปปั้นพระพิฆเนศ พร้อมทั้งป้ายประวัติพระพิฆเนศกำกับเป็นความรู้สำหรับผู้สนใจ





พระพิฆเนศ ที่เป็นโลหะหล่อข้างประตูทางเข้าวัด





ศิลปสวยงามของรูปปั้นหนุมาน เทพแห่งความซื่อสัตย์





พระฤษีกาลสิทธิ





โคนันที





มีกระท่อมแบบไทยๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์





พระพรหม





พุทธวิหาร ๙๖๐





ป้ายสวยๆของศาลานะโม





มีโรตีอร่อยให้ทาน ชอบถ้วยที่ทำจากใบไม้อัดเป็นรูปทรงถ้วย น่ารักดีค่ะ เห็นนิยมใช้ทั่วไปในอินเดีย





ด้านข้างหน้าวัดไทยกุสินาราฯ เปิดเป็นคลินิกบริการสาธารณะ

-----

วัตถุประสงค์

- เพื่อขยายงานพระธรรมทูตไทยให้เต็มพื้นที่ในพุทธภูมิ

- เพื่อคุ้มครองดูแลให้ความสะดวกแก่ผู้มาแสวงบุญทั้งชาวไทยและนานาชาติ

- เพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาล เกียรติคุณคณะสงฆ์ไทยขจรไกล

- เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์โดยความร่วมมือทางศาสนา วัฒนธรรม ระหว่างไทยกับอินเดีย

- เพื่อตั้งเป็นคลินิกการปฐมพยาบาล สาขาของกุสินาราคลินิก

- เพื่อเป็นศูนย์รวมข่าวสารข้อมูลอำนวยความสะดวก แก่ผู้แสวงบุญที่ชายแดน ๒ ประเทศ


//www.watthai960.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=538686887&Ntype=6


พวก เราพักทานอาหารที่หอบหิ้วมาจากโรงแรมกันที่นี่ ก่อนจะเดินทางยาวเข้าประเทศเนปาล ค่ะ

ขอบคุณวัดไทยแห่งนี้ที่ทำให้เราได้มีโอกาสพักเหนื่อยและทานอาหารกันก่อน เดินทางต่อ


ขอจบตอนที่ 10ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป ราตรีสวัสดิ์ค่ะ














Create Date : 08 เมษายน 2554
Last Update : 8 เมษายน 2554 20:31:18 น. 11 comments
Counter : 4489 Pageviews.

 
สาธุครับ อยากจะแวะไปมนัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งอีกสักครั้งในชีวิตครับ แต่ไม่ทราบว่าจะได้ไปเมื่อไหร่หนอ ผมเคยไปมาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ตอนนั้น ถนนหนทางค่อนข้างจะไม่ค่อยสะดวก ห้องน้ำก็ไม่มี ยกเว้นที่โรงแรมเท่านั้น ส่วนตอนเดินทาง ผู้ชายก็หามุมดี ๆ แล้วก็.........ส่วนผู้หญิงก็จะต้องใช้ผ้าทำเป็นฉากกั้น แล้วหมุนเวียนกันเข้าไปเก็บดอกไม้อะไรปานนั้น ไม่ทราบว่าตอนนี้ เป็นยังไงบ้างครับ จะติดตามตอนต่อไปครับ


โดย: chaichoti วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:23:07:39 น.  

 
คุณ chaichoti เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ มีวัดไทยหลายแห่ง
หากหนุ่มสาวก็พักวัดได้ค่ะ ไม่ต้องเด็ดดอกไม้เหมือนอย่างแต่ก่อน อิอิ
แต่ย่าไปแบบคนแก่พักโรงแรมก็จะสะดวกสบายกว่าค่ะ


โดย: ดา ดา วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:23:55:34 น.  

 

แวะมาชมภาพงามๆ ของย่าดาต่อค่ะ
งดงามไปทุกภาพเลยค่ะย่าดาขา
แหล่มค่ะแหล่ม


โดย: อุ้มสี วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:1:28:55 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับย่าดา

ย่าดาเขียนรายละเอียดได้ดีจริงๆครับ
หลายที่ผมก็ไป
แต่ไม่ได้เก็บข้อมูลเลยครับ แหะๆๆๆ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:5:50:14 น.  

 
แวะมาทักทายครับ อ่านเพลินเลยครับผม อยากมีโอกาสไปบ้าง


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:9:40:46 น.  

 
ได้รับข้อมูลเรื่องราวทางศาสนา ที่น่าสนใจมากๆค่ะคุณย่าดาพร้อมภาพสวยงามมากๆ

ปล.ข้อมูลเรื่องชื่อต้นไม้ของคุณย่าดา มีประโยชน์มากๆ
เวลาเสิร์ทหาข้อมูลชื่อต้นไม้ในอิเตอร์เน็ทค่ะ
ขอบคุณไว้ ณที่นี้เลยนะค่ะ


โดย: tui/Laksi วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:10:09:39 น.  

 

ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานในช่วงสงกรานต์
แต่อ้อมแอ้มกะว่าจะไปกราบเท้าพระในบ้าน 2 องค์
พร้อมพวงมาลัยผูกแบงค์เทาๆในวันใดวันหนึ่งล่ะ..
ก่อนที่เพื่อนๆจะไปเที่ยวยาวหลายวัน
แวะไปหาท่านบ้างนะค่ะ ท่านเป็นห่วงค่ะ
และอ้อมแอ้มขออวยพรให้เพื่อนๆเที่ยวสงกรานต์
ด้วยความสุขสดชื่น ปลอดจากภัยยันต์อันตรายนะค่ะ
สวัสดีป๊ใหม่นะค่ะ...(^^)



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:19:11:23 น.  

 

แวะมาโหวตท่องเที่ยวและการเดินทางให้ย่าดาค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:7:56:26 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สวัสดียามสายยยยยยย อิอิอิ

ยังไม่ได้เดินทางไปไหนค่ะ รออยู่ 5555 :)


โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:11:37:09 น.  

 
วันนี้ย่า,ลูกสาวและแฟน ไปรดน้ำอวยพรคุณแม่ค่ะ
สุขสันตวันสงกรานต์นะคะทุกท่าน


โดย: ดา ดา วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:16:05:08 น.  

 

เพื่อความสะดวกในการชมทริบอินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ย่าจึงรวมลิงค์ไว้ดังนี้ค่ะ:-

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่1 พระเจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่2 ต้นศรีมหาโพธิ์,พระพุทธเมตตา(ที่พุทธคยา)

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่3 เนรัชรา,บ้านนางสุชาดา,วัดญี่ปุ่นและวัดไทยพุทธคยา

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่4 สวดมนต์ที่พุทธคยาอีกครั้ง

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่5 นาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่6หลวงพ่อดำ,มูลคันธกุฏี เขาคิชฌกูฏ

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่7 ตโปทาราม (ความแตกต่างระหว่างชนชั้น),ทอดผ้าป่าวัดไทยกุสาวดี

Incredible India! (ทริบอินเดียภาคพิเศษ)

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่8 วัดไทยสารนาถ,ธัมเมกขสถูป สารนาถ

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอนที่9 ล่องแม่น้ำคงคายามค่ำ,วัดเชตวันมหาวิหาร

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอน10 บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี,บ้านองคุลีมาล และวัด๙๖๐

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ตอน11 ลุมพินีสถานที่พระตถาคตประสูติ

อินเดีย: ตามรอยพุทธศาสนา ไหว้สังเวชนียสถาน 4 ตำบลว ตอน12 มหาปรินิพพานวิหาร และ มกุฏพันธนเจดีย์ (ตอนจบ)


โดย: ดา ดา วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:4:09:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.