ให้ธรรมะนำชีวิต แล้วจะเดินไม่หลงทาง
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
15 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
๗.พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

๗.พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า
เมื่อพระศาสนาของพระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า และมัณฑกัปล่วงไปแล้ว จักบังเกิดมีมัณฑกัปหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งจักมีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ สุภพราหมณ์ผู้เป็นบุตรของโตเทยยพราหมณ์ จักได้ตรัสรู้เป็น พระเทวเทพพุทธเจ้า และเมื่อสิ้นพระศาสนาของพระเทวเทพพุทธเจ้าแล้ว พระนรสีห์พุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ในกัปนี้ภายหลัง
ในกาลสมัยแห่งพระโกนาคมนพุทธเจ้า สุภพราหมณ์บรมโพธิสัตว์บังเกิดเป็น พระยาช้างฉัททันต์ ริมฝั่งสระฉัททันต์ฯ
วันหนึ่งพระอรหันตสาวกของพระโกนาคมนพุทธเจ้า ปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์ฯ พระยาช้างผู้ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ เกิดความโสมนัสยิ่งจึงดำริว่า “เราจักเผาสรีระของท่านในวันนี้” แล้วอธิษฐานว่า “ข้าแต่หมู่เทวดาผู้เจริญ ในอัตภาพก่อน ถ้าเราได้ทำบุญไว้ไซร้ เพราะบุญนั้นขอให้เลื่อย จงเกิดขึ้นในสำนักของเราในบัดนี้”
ครั้นสิ้นคำอธิษฐานของพระยาช้างโพธิสัตว์ จึงบังเกิดเลื่อยขึ้นมาตัดงาทั้ง ๒ ข้าง งาข้างหนึ่งเป็นราง อีกข้างเป็นนกยูง เพื่อเก็บสรีระศพของพระอรหันตเจ้าในรางนั้น
ช้างทั้งหลายพากันสักการะ สมโภช พระสรีระศพของพระมหาเถระ ถึง ๗ วัน เมื่อครบ ๗ วันจึงอัญเชิญร่างของพระมหาเถระออกจากราง ประดิษฐานไว้ในนกยูง พระยาช้างนำแก่นจันทน์วางไว้เหนือศีรษะของพระมหาเถระ วางร่างของพระมหาเถระไว้เหนือแก่นจันทน์ ใช้ไฟเผา นกยูงก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เตโชธาตุเผาไหม้ไม่มีเหลือ ในกาลนั้นเทวดาทั้งหลายจึงก่อพระมหาเจดีย์รองรับพระสรีรธาตุของพระอรหันต์ไว้
ในกาลนั้นพระยาช้างฉัททันต์ ได้ตั้งความปรารถนาว่า
“ข้าแต่หมู่เทพผู้เจริญทั้งหลาย ด้วยการให้งาเป็นทานนี้
ขอจงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณและพระนิพพานเถิด”
เมื่อสิ้นชีวิตลงพระยาช้างโพธิสัตว์ได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวพระอนาคตวงศ์ ตามที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรทูลขอแล้วจึงมีพระพุทธพยากรณ์ว่า พระบรมโพธิสัตว์ จักได้อุบัติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระพุทธเทวเทพบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีต้นจำปาเป็นต้นไม้ตรัสรู้ ทรงมีพระชนมายุ ๘ หมื่นปี แสงสว่างแห่งพระพุทธรัศมี ประดุจดังช่อดอกไม้ไม่มีความหนาวร้อน ส่องสว่างในสกลโลก ด้วยพระพุทธานุภาพ มหาชนทั้งหลายไม่ต้องทำมาค้าขาย ไม่ต้องทำไร่ไถนา มหาชนพากันเก็บข้าวสารแห่งข้าวสาลีหอมมาหุงต้ม ด้วยพระพุทธานุภาพ ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งซึ่งมีเคื่องประดับ และอาภรณ์ต่างๆห้อยย้อย มหาชนทั้งปวงมีรูปพรรณสีทองเป็นปกติ
จบอุเทศที่ ๗ ด้วยพระพุทธพยากรณ์ดังนี้แล



Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 12:49:59 น. 0 comments
Counter : 1067 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ศาลาลอยน้ำ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ศาลาลอยน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.