|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
๗.พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า
๗.พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า เมื่อพระศาสนาของพระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า และมัณฑกัปล่วงไปแล้ว จักบังเกิดมีมัณฑกัปหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งจักมีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ สุภพราหมณ์ผู้เป็นบุตรของโตเทยยพราหมณ์ จักได้ตรัสรู้เป็น พระเทวเทพพุทธเจ้า และเมื่อสิ้นพระศาสนาของพระเทวเทพพุทธเจ้าแล้ว พระนรสีห์พุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ในกัปนี้ภายหลัง ในกาลสมัยแห่งพระโกนาคมนพุทธเจ้า สุภพราหมณ์บรมโพธิสัตว์บังเกิดเป็น พระยาช้างฉัททันต์ ริมฝั่งสระฉัททันต์ฯ วันหนึ่งพระอรหันตสาวกของพระโกนาคมนพุทธเจ้า ปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์ฯ พระยาช้างผู้ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ เกิดความโสมนัสยิ่งจึงดำริว่า เราจักเผาสรีระของท่านในวันนี้ แล้วอธิษฐานว่า ข้าแต่หมู่เทวดาผู้เจริญ ในอัตภาพก่อน ถ้าเราได้ทำบุญไว้ไซร้ เพราะบุญนั้นขอให้เลื่อย จงเกิดขึ้นในสำนักของเราในบัดนี้ ครั้นสิ้นคำอธิษฐานของพระยาช้างโพธิสัตว์ จึงบังเกิดเลื่อยขึ้นมาตัดงาทั้ง ๒ ข้าง งาข้างหนึ่งเป็นราง อีกข้างเป็นนกยูง เพื่อเก็บสรีระศพของพระอรหันตเจ้าในรางนั้น ช้างทั้งหลายพากันสักการะ สมโภช พระสรีระศพของพระมหาเถระ ถึง ๗ วัน เมื่อครบ ๗ วันจึงอัญเชิญร่างของพระมหาเถระออกจากราง ประดิษฐานไว้ในนกยูง พระยาช้างนำแก่นจันทน์วางไว้เหนือศีรษะของพระมหาเถระ วางร่างของพระมหาเถระไว้เหนือแก่นจันทน์ ใช้ไฟเผา นกยูงก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เตโชธาตุเผาไหม้ไม่มีเหลือ ในกาลนั้นเทวดาทั้งหลายจึงก่อพระมหาเจดีย์รองรับพระสรีรธาตุของพระอรหันต์ไว้ ในกาลนั้นพระยาช้างฉัททันต์ ได้ตั้งความปรารถนาว่า ข้าแต่หมู่เทพผู้เจริญทั้งหลาย ด้วยการให้งาเป็นทานนี้ ขอจงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณและพระนิพพานเถิด เมื่อสิ้นชีวิตลงพระยาช้างโพธิสัตว์ได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตฯ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวพระอนาคตวงศ์ ตามที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรทูลขอแล้วจึงมีพระพุทธพยากรณ์ว่า พระบรมโพธิสัตว์ จักได้อุบัติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระพุทธเทวเทพบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีต้นจำปาเป็นต้นไม้ตรัสรู้ ทรงมีพระชนมายุ ๘ หมื่นปี แสงสว่างแห่งพระพุทธรัศมี ประดุจดังช่อดอกไม้ไม่มีความหนาวร้อน ส่องสว่างในสกลโลก ด้วยพระพุทธานุภาพ มหาชนทั้งหลายไม่ต้องทำมาค้าขาย ไม่ต้องทำไร่ไถนา มหาชนพากันเก็บข้าวสารแห่งข้าวสาลีหอมมาหุงต้ม ด้วยพระพุทธานุภาพ ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งซึ่งมีเคื่องประดับ และอาภรณ์ต่างๆห้อยย้อย มหาชนทั้งปวงมีรูปพรรณสีทองเป็นปกติ จบอุเทศที่ ๗ ด้วยพระพุทธพยากรณ์ดังนี้แล
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 12:49:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1067 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|