Group Blog |
ลงมือเจริญสติ ดูจิต พินิจใจ ในระยะหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ตัวเจ้าของบลอคเองต้องประสบกับมรสุมหลายอย่าง ที่ทำให้ชีวิตผกผัน วันนึงได้รับอีเมล์เป็นนิตยสารออนไลน์ ฉบับนึง คือ นิตยสารธรรมใกล้ตัว พอได้อ่าน รู้สึกเหมือนได้ที่ปรึกษา เหมือนได้เพื่อนที่ลงมานั่งข้าง ๆ แล้วปลอบเรา ให้เราวางทุกข์นั้นซะ เมื่อได้อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขอบคุณ บ.ก เพราะแค่อ่านบทแรกก็ทำให้ใจเราเบาสบายไปได้แยะ เต็มไปด้วยข้อคิดดี ๆ อดไม่ได้ที่จะเอาความรู้สึกดี ๆ กับนิตยสารเล่มนี้มาฝากเพื่อน ๆ ไม่ได้ ขออนุญาตแบ่งปันข้อคิดดี ๆ มาบางส่วนนะคะ "หลายเรื่องในโลก ต่อให้เราเก่งกล้าแค่ไหน ก็เกินกว่ากำลังที่เราจะเข้าไปแก้ไขได้สิ้น ถ้าความสุขของเรา แขวนไว้แต่กับโลกภายนอกจนเต็มเหนี่ยว อยากจะให้มันสุข อยากจะให้มันดี อยู่อย่างนั้นเพียงถ่ายเดียว ไม่นาน เราก็คงไม่เหลือความสุขให้เก็บเกี่ยวในหัวใจอีกเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงความจริงอย่างหนึ่งไว้ตั้งสองพันกว่าปีมาแล้ว และสิ่งนั้นก็ยังเป็นความจริงอยู่จนถึงวันนี้นะคะว่า ที่จริงแล้ว โลกนี้มีธรรมชาติที่ตรงข้ามกันอยู่ ๘ อย่าง ๔ คู่ เป็นของมีประจำโลกที่หนีไม่พ้น ท่านเรียก โลกธรรม ๘ คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ ใครได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ได้ความสุข ก็มีแต่ ความยินดี หลงครอบครองด้วยความเผลอเพลิน หลงคิดว่าความน่ายินดีจะคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป ใครเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา เป็นทุกข์ ก็มีแต่ ความยินร้าย ทนอยู่กับสภาพนั้นด้วยความไม่พอใจ ดิ้นรนแต่จะทำยังไงให้ผลักไสมันออกไปเร็ว ๆ อยู่กับโลก อย่างไรก็ต้องถูกแกว่งไปแกว่งมากับของคู่กันสองด้านนี้ อย่างหนีไม่พ้น เราจึงไม่เคยได้อะไรมาครอบครองจริง และไม่เคยสูญเสียอะไรไปจริง... ก็เมื่อสิ่งใดมีแต่ธรรมชาติแห่งความปรวนแปร เราจะหวังยึดเหนี่ยวให้สิ่งนั้นเป็นเครื่องพึ่งพิงที่แท้ได้หรือ เพียงแค่มองเห็นทุกสิ่งตามที่เป็น และยอมรับความจริงนี้ได้ ใจเราก็เบาคลายลงไปจากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเกาะกุม คลายจากความคาดหวังอันหนักแน่น อันเป็นเหตุของความทุกข์ไปได้ไม่น้อยแล้วนะคะ แท้จริงแล้ว ลำพัง ลาภ ยศ อำนาจ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ฯลฯ โดยตัวมันเอง ไม่ได้มีฤทธิ์ครอบงำผู้คนอะไรนัก แต่ตัวการที่ทำให้เราถูกเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาจนบอบช้ำ เมื่อได้มาเสียไปนั้น เป็นเพราะความ "หลง" เข้าไปยึดมั่นว่า มันเป็น "ตัวเรา ของเรา" ต่างหาก การน้อมคิดพิจารณาทุกสิ่งว่าไม่เที่ยงแท้ แปรปรวน ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ก็นับเป็นอุบายที่ช่วยให้กิเลสในใจเราเบาบางลงไปได้จริงอยู่เหมือนกัน เพียงแต่... มันอาจช่วยเราได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว หากต้องการทางออกที่ยั่งยืนกว่านั้น ชนิดขุดรากถอนโคน ไม่ต้องทุกข์เพราะการได้มาเสียไปของสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว โดยไม่กลับกำเริบอีก พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มีอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น คือ การลงมือเจริญสติ รู้กาย รู้ใจ จน "เห็น" ความไม่มีแก่นสารสาระของสิ่งเหล่านั้นอย่างแท้จริง ผ่าน "ใจ" ไม่ใช่ผ่านสมอง ไม่ใช่ผ่านความคิด อามิต ตา พุด
โดย: สรวย IP: 117.47.52.221 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:15:41:46 น.
สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ
สุดสัปดาห์นี้ พักผ่อนเต็มที่ เตรียมรับมือวันจันทร์หรือยังคะ แวะมาทักทายค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะ โดย: discipula วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:17:36:49 น.
แวะมาแอ่วค่ะ เลยถือโอกาสดูใจตัวเองด้วย...เหงาจังเลย ขออนุญาตเข้ามาแอ่วบ่อย ๆ นะคะ
โดย: ยายบ้านนอก IP: 117.47.43.206 วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:04:58 น.
มาฟังธรรมะดีๆตามมาจากลิงก์ของมฤมาศ3 สุขทุกข์เกิดขึ้นกับใจดับลงที่ใจน้อ มรสสุมไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันหรอกเพื่อนวันที่ฟ้าสงบ ตะวันก็จะขับไล่ความมืดออกไป
โดย: เกียรติศักดิ์ IP: 119.42.82.41 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:26:46 น.
ตัวหนังสือกีบพื้นสีกลืนกัน
อ่านลำบากมาก โดย: เพื่อนอีกคน IP: 125.26.223.166 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:13:53 น.
สาธุ
โดย: midtapap IP: 115.87.55.234 วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:3:03:49 น.
|
cybern
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่หัวเราะได้ ร้องไห้เป็น Friends Blog
Link |
ขอบคุณค่ะที่นำธรรมะมาแบ่งปัน