|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
...ชีวิตที่ดีกว่า...( ตอนที่จบ )
........ รถตู้คันนั้นพาข้าพเจ้าไปถึงที่ใดก็ไม่ทราบ...ราวหนึ่งชั่วโมงรถก็จอด
นิ่งสนิท ข้าพเจ้าถูกลากลงจากรถแล้วมีคนแก้ผ้าที่ปิดปากออก...เสียงหนึ่งที่
คุ้นหูอย่างยิ่งก็ดังขึ้น
“ ไอ้เหี้ย...มึงคิดจะชักดาบกู”
“ เฮียครับ...ผมขอโทษ...ผมจะพยายามหาเงินมาคืนให้ครับเฮีย”
“ มึงจะปล้นธนาคารหรือ”....เสียงนั้นตวาดถาม
“ ผมจะไปหยิบยืมเพื่อนครับ”
“ มึงไม่มีปัญญาหรอก...อีกอย่าง..กูก็ขี้เกียจตามทวงมึงอีกแล้ว...กูจะทำให้คน
อื่นดูเป็นเยี่ยงอย่าง” เมื่อสิ้นเสียง...ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีของแข็งมากระแทกเข้าที่
ก้านคอ...จากนั้นก็ไม่รู้สึกใด ๆ อีกเลย...
............ ข้าพเจ้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว...พยายาม
ลุกขึ้นนั่ง สลัดศรีษะขับไล่ความมึนงง
“ ที่นี่ที่ไหน”...ในสมองของข้าพเจ้าครุ่นคิดพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และ
กลับพบว่าตนเองนั่งอยู่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำ...ข้าพเจ้าจับต้นชน
ปลายไม่ถูกว่าที่แห่งนี้เป็นที่ไหน อยู่จังหวัดอะไร ขณะที่กำลังงงกับสิ่งที่เกิด
ขึ้นนั้นข้าพเจ้าก็เห็นแสงไฟและเสียงของรถมอเตอร์ไซค์
........... รถมอเตอร์ไซคคันนั้นใกล้เข้ามาแล้วจอดที่ริมแม่น้ำห่างจากต้นก้าม
ปูไปไม่ไกลนัก...ความมืดทำให้มองเห็นไม่ค่อยถนัดแต่พอสังเกตได้ว่าน่าจะเป็น
ผู้หญิงกับผู้ชายวัยรุ่น...พอลงจากรถได้...ทั้งคู่ก็กอดจูบกันกลมราวกับว่าตายอด
ตายอยากมานาน ข้าพเจ้าไม่รู้จะทำไงดีก็ได้แต่นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างน้อยก็มี
มารยาทที่จะไม่เข้าไปขัดขวางความสุขของพวกเขา...สักพัก...วัยรุ่นคู่นั้นก็เสร็จ
กามกิจ หลังจากที่ทั้งสองคนสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย...ข้าพเจ้าก็กระแอม
ขึ้น
“ อะแฮ่ม”
......... ไม่มีปฏิกริยาจากหนุ่มสาวคู่นั้น
“ น้อง ..น้อง”
......... หนุ่มสาวคู่นั้นก็ยังนิ่งเฉย
“ เอ...ยังไงหว่า”...ข้าพเจ้ารำพึงอยู่ในใจ สายตาพลางเหลือบไปเห็นก้อนหิน
เล็ก ๆ จึงหยิบก้อนหินนั้นเขวี้ยงออกไป...ก็..ไม่ได้กะให้โดนหรอกครับแค่จะให้
รู้สึกตัวเท่านั้น...แต่เผอิญมันกระดอนไปโดนแขนของเจ้าผู้ชายเข้า....
......... ชายหนุ่มมองก้อนหินที่กระเด็นมาถูกแขนอย่างงง แต่ก็ยังไม่มีปฏิ
กริยาใด ๆ อีก...ข้าพเจ้าจึงร้องเรียก
“ น้อง...น้องสองคนนั่นน่ะ”
.......... เงียบ...ชายหญิงคู่นั้นไม่แม้แต่จะหันมามองข้าพเจ้า...ข้าพเจ้าเริ่มขว้าง
อีก..คราวนี้ได้ลูกมะพร้าวแห้งเล็ก ๆ...แล้วก็โดนตัวของเจ้าหนุ่มคนนั้นเต็ม ๆ เลย
ครับ...เจ้านั่นสะดุ้งโหยงรีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์บอกให้ผู้หญิงขึ้นซ้อนแล้วขับกลับ
ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ อ้าว!...เฮ้ย!..เฮ้ย!”...ข้าพเจ้าร้องลั่น...แต่หนุ่มสาวคู่นั้นไม่แม้แต่จะหันมา
มองกลับควบมอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว
.......... ข้าพเจ้าไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจออกเดินไปตามทางที่มอเตอร์
ไซค์คันนั้นกลับออกไป แต่พอจะพ้นร่มเงาของต้นก้ามปู...ข้าพเจ้าก็ขนเข้ากับ
อะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นจนข้าพเจ้าหงายท้องก้นจ้ำเบ้า
“ แม่ง!..อะไรอีกวะ”...ข้าพเจ้าสบถเสียงดังแล้วผุดลุกขึ้น พอออกเดินก็ชนเข้า
กับไอ้สิ่งนั้นอีก...คราวนี้ข้าพเจ้าค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเอามือคลำ
............ ข้าพเจ้าคลำพบเข้ากับกำแพงหรืออะไรชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเรียบ
และใส ข้าพเจ้าคลำต่อไปเรื่อย ๆ พยายามค้นหาทางออกดูหมือนว่ากำแพงนั้น
มันโอบล้อมต้นก้ามปูไว้
“ อะไรกันนี่!...หรือ...กูโดนผีหลอก!!!”.....คิดได้ดังนั้น...ทั้งขนแขนและขนหัว
ต่างแข่งขันกันตั้งชันพลางยกมือท่วมหัวในใจนึกกล่าวขอขมาลาโทษที่ได้ทำ
อะไรที่ล่วงเกินลงไป....เมื่อหาทางออกไม่ได้...ข้าพเจ้าจึงได้แต่นั่งอยู่ใต้ร่มก้าม
ปูนั่นเอง..จนรุ่งเช้า....
.......... ประมาณสองโมงเช้า...เจ้าหนุ่มสาวคู่นั้นก็กลับมาอีกครั้ง...เจ้าฝ่าย
ชายเดินนำหน้าในมือถือดอกไม้ธูปเทียนเหลียวซ้ายแลขวา ทำหน้าตื่น ๆ ที่หน้า
ผากปรากฏเหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ส่วนฝ่ายหญิงก็เดินตามก้นแจสีหน้าแลดูหวาด ๆ
“ น้อง ๆ” ...ข้าพเจ้าร้องเรียกอีก....
........... แต่ทั้งสองคนกับเดินผ่านข้าพเจ้าไปทำอย่างกับข้าพเจ้าไม่มีตัวตน
...คิดได้เช่นนั้น...ข้าพเจ้าถึงกับใจหายวาบ
“ หรือกูตายแล้ว!!!”
........... หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม...แต่ใจก็ยังไม่เชื่อ...ข้าพเจ้าเดินเข้าไปที่
สองคนนั่นพลางเอื้อมมือไปจับข้อมือของชายหนุ่ม
“ เฮ้ย!.
........... ข้าพเจ้าอุทานลั่น...ข้าพเจ้าจับข้อมือของชายหนุ่มไม่ได้..มันเหมือน
เป็นอากาศธาตุ...เท่านั้นเอง...น้ำตาก็เริ่มไหลพราก....
“ ข้าพเจ้าตายแล้วจริง ๆ”
............ ร่างของข้าพเจ้าทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิด
ขึ้น
“ ใช่สิ...เราโดนอุ้มมา...ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าถูกตีเข้าที่ก้านคอ...แล้วจากนั้นล่ะ”
........ แล้วภาพต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึก...ภาพของถังน้ำมันใบใหญ่ที่
ถ่วงด้วยก้อนหินหนักอึ้งถูกทิ้งลงไปในแม่น้ำตรงต้นก้ามปู...เมื่อได้รู้เห็นเช่นนั้น
...ข้าพเจ้าถึงกับปล่อยโฮ ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดิน ในใจคิด
ถึงพ่อกับแม่เป็นที่สุด...อยากกลับไปหาพ่อ-แม่
.......... คิดได้ดังนั้น...ข้าพเจ้าก็รวบรวมกำลังลุกขึ้นวิ่งตะบึงออกมา...แต่
...ข้าพเจ้าก็ต้องล้มหงายท้องอย่างไม่เป็นท่าเมื่อชนเข้ากับเจ้ากำแพงที่ไร้สภาพ
นั้นอีก
“ อะไรกันนี่...ข้าพเจ้าจะถูกขังอยู่ที่นี่หรืออย่างไร”....ข้าพเจ้าทุบตีกำแพงนั้น
เป็นการใหญ่ ปากก็ร้องไห้คร่ำครวญ.......เมื่อร้องไห้จนสาแกใจแล้ว ข้าพเจ้า
ก็รวบรวมสติเข้าเผชิญหน้ากับความจริง
“ ช่างมันซีวะ...ตายก็ตาย...ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องไปใช้หนี้ที่ติดค้าง”...คิดได้ดัง
นั้นก็ปาดน้ำตาที่ชุ่มโชกอยู่บนใบหน้าแล้วเดินกลับมาที่เจ้าหนุ่มสาวสองคนนั่น...
......... ที่ใต้ต้นก้ามปู...เจ้าสองหนุ่มสาวจุดธูปเทียนกล่าวคำขอขมาเป็นการ
ใหญ่
“ ลูกขออภัยที่มาทำมิดีมิร้ายในที่นี้”...เจ้าฝ่ายชายพูด
“ พี่..พี่...วันนี้หวยออกลองขอหวยด้วยสิ”
“ เออ..เออ..งั้น...ผมขอหวยสักสองตัวนะครับ...เราสองคนจนเหลือเกิน หาเช้า
กินค่ำเงินทองก็หายาก”...เจ้าฝ่ายชายเริ่มพรรณา
“ หากถูกจะเอาหัวหมูกับเหล้ามาถวาย”...น่าน..มันเริ่มติดสินบนแล้ว
............ พอมันพูดจบก็เอาธูปปักลงบนพื้นดินที่โคนต้นก้ามปู...ข้าพเจ้าเกิด
นึกสนุกขึ้นมาเลยเอื้อมมือไปเขียนเลข ๖๙ตรงพื้นดินที่เป็นฝุ่น
“ พี่!..พี่!..นั่น!..นั่น!”..ฝ่ายหญิงชี้มือให้ฝ่ายชายดูด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
“ ฮึ่ย!”...เจ้าฝ่ายชายลุกพรวดขึ้นพลางยกมือไหว้แล้วหมุนตัวกลับโดยมีฝ่าย
หญิงวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว
สามเดือนผ่านไป...
........... ข้าพเจ้ายังหาทางออกจากต้นก้ามปูไม่ได้...เจ้าหนุ่มสาวคู่นั้นมากัน
อีกแล้ว คราวนี้มันขับรถกระบะใหม่เอี่ยมป้ายแดงเข้ามา...อ้าวแล้วหลังรถนั่น
มันอะไร...อ๋อ...บ้าน..เอ๊ย...ศาลทรงไทยสวยงามเชียว..อ้าวนั่นใครล่ะแก่หงอม
แล้วยังจะมาทำไมกัน
........... แล้วพิธีตั้งศาลขึ้นบ้านใหม่ก็เริ่มขึ้น...ข้าพเจ้ามีบ้านอยู่แล้วครับ
บ้านที่สวยงามปลูกอิงแอบกับต้นก้ามปูใหญ่ชายฝั่งแม่น้ำที่ร่มรื่น ลมแม่น้ำพริ้ว
พัดเย็นสบายจริง ๆ
......... หลายเดือนต่อมา
......... วันนี้ข้าพเจ้าได้บ้านใหม่อีกหนึ่งหลัง...กว้างขวางใหญ่โตกว่าเดิมมาก
มาย...ที่ต้นก้ามปูมีผู้คนเอาผ้าสีสวยหลากหลายสีมาห่มมาพัน..ดูสวยงามดี
ครับ พื้นที่ที่ซึ่งเมื่อก่อนรกร้าง...ตอนนี้ถูกถากถางจนเตียนโล่ง...มีพ่อค้าแม่
ขายมาจับจองขายของกันทั้งวันทั้งคืน...ตอนกลางวันมีลิเกและละครรำให้ดูส่วน
ตอนกลางคืนก็มีหนังกลางแปลงตลอดทั้งคืนเรียกว่ามาปักหลักปักจอกันเลยที
เดียว...เรื่องอาหารการกิน...ข้าพเจ้ามีกินอุดมไม่เคยขาด ทั้งเหล้ายาปลาปิ้ง
เหลือเฟือโดยเฉพาะเมื่อใกล้วันหวยออก ไม่รู้ว่าผู้คนมาจากไหนเป็นพันเป็น
หมื่นคน...แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าเข้าหล่านั้นมารบกวนอะไรหรอกครับ...จะมีที่
รบกวนอยู่บ้างก็กลิ่นธูปและก็เสียงประทัดที่จุดกันทั้งวัน มันออกจะน่ารำคาญ
อยู่บ้าง...แต่...ช่างเถอะก็เขาศรัทธานี่
........... ตอนนี้ข้าพเจ้าเปลี่ยนชื่อ-แซ่ใหม่แล้ว...ที่ซุ้มบันไดหน้าบ้าน...ป้าย
ไม้ใหญ่โตแกะสลักเป็นตัวหนังสือลายไทยอย่างสวยงาม แลดูเข้มขลังอย่างไร
บอกไม่ถูก...เจ้าหนุ่มคนนั้นนั่นเองที่ทำมาให้....ป้ายไม้เขียนว่า
.....ศาลเจ้าพ่อก้ามปู.....
......................จบแล้วจ้า............................
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 8:33:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 514 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
cumpreram |
|
|
|
|