|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขอเย็นก่อน(ระวัง!)ร้อนทีหลัง
คาดว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เมื่อพูดถึงนักเรียนสถาปัตย์
แล้วนึกเห็นภาพความเซอร์ ความ'tist ผุดขึ้นมาก่อนเพื่อน
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า ของสวยๆ งามๆ ที่ต้องออกแบบนั้น
คืองานศิลปะ แต่มันก็หาใช้ศิลปะ(Fine Art)ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่
ตั้งแต่อดีต ถึงเมื่อไม่นานมานี้ คณะสถาปัตย์รับเฉพาะ
เด็กที่เรียนจบจากแผนการเรียนวิทย์-คณิต
วันปฐมนิเทศ เสียงของคณบดีที่กล่าวต้อนรับ และให้โอวาท
ที่เป็นกันเอง จนเหมือนผู้ใหญ่สอนลูกหลาน
และที่สำคัญ นี่คือการบอกกล่าวถ่ายทอด จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง
(ที่รุ่นต่างกันหลายสิบปี)
'คนที่เรียนคณะเรา(ต้อง)ไม่ใช่อาร์ทติส ใครที่คิดจะมานั่งแกะ
นั่งสลักเสลาแบบสล่า(ท่านใช้คำนี้จริงๆ ท่าจะสืบเนื่องจาก
การสอบสัมภาษณ์เด็กสักคน ที่มีคุณพ่อเป็นช่างฝีมือทางเหนือ)
หรือนั่งจมกับผลงานอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน มันไม่ทันใช้
อาจารย์ไม่ได้ว่าว่าคนเหล่านี้ไม่เก่ง แต่อาชีพอย่างเรา
ไม่ใช่อยากทำงานเมื่อไหร่ก็ทำได้ เราไม่ได้ต้องการศิลปินขนาดนั้น'
'อาชีพของเราเป็นอาชีพบริการ แม้จะไม่ถึงขนาดถือลูกค้าเป็นพระเจ้า
แต่พวกเค้าก็คือคนที่ทำให้เรามีรายได้ นอกจากการทำความฝัน
ของลูกค้าให้เป็นจริงแล้ว สิ่งที่สำคัญในวิชาชีพเรา คือ
การตรงต่อเวลา ถ้าคุณไม่สามารถทำงานให้ลูกค้าได้เสร็จ
ตามเวลาที่กำหนดแล้ว นอกจากจะเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล
และลูกค้าอาจจะยกเลิกสัญญาเอาง่ายๆ โดยเรา
ยังไม่ทันได้อะไรสักบาทแล้ว เครดิตในวิชาชีพของคุณจะเสียไปทันที'
การเรียนสถาปัตย์นั้น ไม่ใช่สักแต่นั่งฝันแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ในคณะได้
สิ่งที่คุณฝันแม้จะบรรเจิดเลิศล้ำเพียงใด ก็ต้องมีเหตุผลรองรับ
'ทำไมต้องเจาะหน้าต่างตรงนี้ เตียงวางตรงอื่นได้ไหม
ทำไมต้องใช้ฟอร์มโค้งๆ ทำเป็นเหลี่ยมๆ ไม่ได้หรือ'
ทุกสิ่งที่ขีดเขียนลงในกระดาษ ต้องมีความหมาย
ไม่ใช่ลากเล่นไปตามอารมณ์ ที่เห็นว่าสวย
ทำไมนักเรียนสถาปัตย์ จึงควรจบจากแผนวิทย์-คณิต
เพราะงานสถาปัตยกรรม มีความสัมพันธ์กับผู้คนโดยตรง
งานสถาปัตยกรรม เป็นงานสาขาเดียว ที่ผู้ใช้จะต้องเข้าไปภายใน
และูถูกห่อหุ้มด้วยประดิษฐกรรมนั้น ต่างจากผลงานสาขาอื่น
(หมายความถึงเฉพาะสิ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์จับต้องได้)
ที่แม้จะรองรับการใช้สอยและพฤติกรรมของมนุษย์
แต่ก็เป็นเพียงการสัมผัส และสัมพันธ์กับพื้นผิวภายนอกของวัตถุเท่านั้น
และผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายกว่า
ดังนั้นความปลอดภัยในงานสถาปัตยกรรมต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
เรื่องโครงสร้าง แม้จะมีวิศกรคำนวณให้ แต่เบื้องต้นสถาปนิกก็ต้องคิดได้
ดีไซน์ สวยๆ งามๆ ที่คุณคิดมา มีประโยชน์แค่ไหน
สร้างจริงได้หรือไม่ ผู้ใช้จะได้รับความสะดวกสบายจริงหรือเปล่า
ความหนาผนังที่คุณใช้ เห็นว่าสวยดี แล้วรับน้ำหนักได้แค่ไหน
มีโอกาสถล่มลงมาเป็นอันตรายกับคนหรือเปล่า
(ถ้าตึกสวยบาดใจ แต่ง่อนแง่นจนถล่มลงมาทับคนคงไม่ใช่เรื่องดีแน่)
เรื่องการรับแรง การคิดคำนวณ เป็นขั้นเป็นตอน สอนในสายวิทย์
ไม่ได้อคติ ไม่ได้กีดกัน ไม่ได้ดูถูก ว่าสายศิลป์ทำไม่ได้
แต่วิธีการเรียนการสอนที่ต่างกัน สร้างความเคยชิน
และสัญชาตญาณบางอย่างมาคนละแบบ บางเรื่องเด็กสายศิลป์
คิดแบบสายวิทย์ไม่ไ้ด้ ขณะที่เด็กสายวิทย์หลายคน
ก็เรียกได้ว่าโง่ภาษา(โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ฮ่าๆ)
เรื่องแผนการเรียนอาจจะไม่สำคัญ(เห็นตอนนี้แผนอะไรก็เข้าได้)
เท่ากับตัวบุคคล บางครั้ง sense ก็ปรากฏในคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมา
หลายทักษะ ฝึกฝนเพิ่มเเติมได้ แต่บางวิชาถ้าคนไม่เคยเรียน
ก็ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย อย่างการที่เข็นให้เด็กสายศิลป์
มาเรียน structure ตอนมหาวิทยาลัย ขณะที่เด็กสายวิทย์
เรียนมากก่อนถึงสามปี แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้
เด็กสายวิทย์ที่เรียนมาสามปี อาจมีความรู้ที่เหมือนตั้งต้นใหม่พร้อมกัน
ทั้งหมดที่ผ่านเป็นการเกริ่น ...(อ่าวรึ..)
เพื่อจะบอกว่า บางครั้งอารมณ์ศิลปินในตัวนักเรียนสถาปัตย์
ที่มีอยู่ล้นเหลือ แต่ถูกกดไว้ให้แสดงออกในปริมาณพอเหมาะ
ด้วยหลักการและเหตุผล มันก็ระเบิดออกมาได้เหมือนกัน
อาการคิดงานไม่ออกเกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะต้องดูหนังสักเรื่อง
อ่านการ์ตูนสักตั้ง กินอาหารบุฟเฟต์สักสองชั่วโมง
นอนหลับสักสามงีบ ฯลฯ จึงจะคิดออก
บางครั้ง ลองคิดไปนิดหนึ่ง และมีแววว่าจะไม่ออก
หรือเหมือนจะคิดออก เลยคิดว่าน่าจะไม่ยาก
ความชิลล์ ก็จะเริ่มเกิด อาการใจเย็น สุดขั้วจะปรากฏ
ร่างกายดูคล้ายอ่อนแรงต้องการพักกระทันหัน
แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่ทำงานให้เสร็จก่อน
แต่ร่างกายที่เรียกร้อง(การพักผ่อน)ก็ช่างน่าได้รับการสนอง
เผลอแป๊บเดียว จากห้าทุ่มครึ่ง ซึ่งดูมีเวลาเหลือเฟือ
ก็กลายเป็นตีห้าครึ่งเสียแล้ว เมื่อรู้สึกตัวตื่น
อะดรีนาลีนจะหลั่งโดยอัตโนมัติ หูตาสว่างทันที
เมื่อตระหนักว่าวันนี้อาจไม่มีงานให้นำไปส่ง
รีบปั่นงานอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อุณภูมิรอบกายดูคล้ายพุ่งสูงขึ้นจนแทบจะเผาผลาญ
โต๊ะทำงาน และอุปกรณ์ทั้งหมดจนมอดไหม้
และสำคัญที่สุดใจของเจ้าของงาน คงเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว
สิ่งที่คิดได้ในยามนี้ คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ตนมีงานส่ง
และจะดีมากขึ้นถ้างานดูเสร็จ(เพราะจะเวลาคงเสร็จจริงๆไม่ได้)
คราวนี้แหละ เราจะก้าวสู่ขั้นตอนการ 'เผา'
ไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดต้องใช้คำนี้ แต่ชวนให้คิดถึง
สำนวน 'สุกเอา เผากิน' อย่างไรชอบกล
ซึ่งพฤติกรรมนี้ย่อมส่งผล ถึงคุณภาพงานที่ตกต่ำ
จากการเผากลางอากาศ อาจกลายเป็นเผาจริง
เหมือนบรรดาเพื่อนจอมแสบหลายๆคน
ที่ตั้งตนเป็น Model Burner เผางานจริงหลังส่ง
ให้สมกับความเจ็บช้ำใจ การเผางานแทบไม่เคย
สร้่างผลดีกับใคร ยกเว้นตอนเผาคิดทุกอย่างมาดีแล้ว
แต่อย่างไรเสีย คุณภาพงานก็ไม่อาจสู้
คนที่ทำแบบมีเวลาพออยู่นั่นเอง
ดังนั้นจงอย่าประมาท ใจเย็นจนเกินควร
'วันคืนไม่คอยท่า วันเวลาไม่เคยคอยใคร'
ไปอ่านหนังสือซะไป ยัยเจื้อยแจ้ว
ราตรีสวัสดิ์คร้าบทุกท่าน
Create Date : 21 ธันวาคม 2551 |
|
45 comments |
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 16:23:11 น. |
Counter : 834 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: มังกรนอนใต้เมฆ (cruduslife ) 21 ธันวาคม 2551 22:54:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวเจิมงอน (discipula ) 21 ธันวาคม 2551 22:56:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 22 ธันวาคม 2551 7:40:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: momster 22 ธันวาคม 2551 8:36:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่มารูน.. (Devonshire ) 22 ธันวาคม 2551 8:51:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida 22 ธันวาคม 2551 10:41:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: มังกรนอนใต้เมฆ (cruduslife ) 22 ธันวาคม 2551 15:24:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: chinanod 22 ธันวาคม 2551 20:15:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 22 ธันวาคม 2551 20:37:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: momster 22 ธันวาคม 2551 20:41:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่มารูน..ใกล้ทำสมาธิ..ครอกฟี้.. (Devonshire ) 22 ธันวาคม 2551 23:37:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 23 ธันวาคม 2551 0:44:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: momster 23 ธันวาคม 2551 8:20:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 23 ธันวาคม 2551 9:08:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) 23 ธันวาคม 2551 9:44:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida 23 ธันวาคม 2551 9:59:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: มังกรนอนใต้หนังสือ (cruduslife ) 23 ธันวาคม 2551 20:14:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่มารูน..อัพบล็อกแล้วจ้า... (Devonshire ) 23 ธันวาคม 2551 21:04:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 24 ธันวาคม 2551 8:07:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida 24 ธันวาคม 2551 14:18:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: momster 24 ธันวาคม 2551 18:36:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ta Pling 24 ธันวาคม 2551 21:13:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 25 ธันวาคม 2551 8:23:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่มารูน... (Devonshire ) 25 ธันวาคม 2551 10:30:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) 25 ธันวาคม 2551 11:04:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: amaki 25 ธันวาคม 2551 12:33:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: iaye 25 ธันวาคม 2551 12:42:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 25 ธันวาคม 2551 13:09:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่1เจ (momster ) 25 ธันวาคม 2551 13:11:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) 25 ธันวาคม 2551 17:10:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่มารูน...รอบค่ำ... (Devonshire ) 25 ธันวาคม 2551 21:25:18 น. |
|
|
|
|
|
|
Im not going to tell the story the way that
it happened. Im gonig to tell it the way
I remember it.
--Great Expectations--
|
|
|
|
|
|
|
ให้ทันกับเวลาเน็ตที่หอจะตัด
เพราะมันเล่นฟรี ชะเอิงเิงิงเงย