|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
[สะเก็ดสถาปัตย์] เรื่อง'เหล้า'...สร้างไอเดีย
คำเตือน : การอ่านบล็อกในวันนี้อาจทำให้ความรู้สึกที่ท่านเคยมีต่อจขบ.เปลี่ยนไป
ผู้ปกครองที่มีความประสงค์จะให้บุตรหลานอ่านบล็อกนี้ โปรดพิจารณาเนื้อหาก่อน
และให้คำแนะนำตลอดการอ่าน โดยเฉพาะท่านผู้ปกครองที่
มีบุตรหลานอยากเข้าคณะนี้ควรอ่านและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อีกครั้ง
เรื่องราวในบล็อกวันนี้ เป็นเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เขียนค่อนข้างมาก
ในยามที่ได้รับรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า
ที่จะให้ผู้อื่นได้ทราบเรื่องราวนี้ด้วย แต่เมื่อเริ่มลงมือเขียนก็พบว่า
สร้างความลำบากใจอยู่พอสมควร เนื่องจากเนื้อหาอาจจะกระทบต่อ
ภาพลักษณ์ของคณะ (อันเป็นที่รู้กันภายในว่าแทบจะไม่มีดีอยู่แล้ว)
เริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อวานตอนหนึ่งทุ่ม แต่สุดท้ายก็เขียนไม่สำเร็จในคืนนั้น
ฉันไม่รู้ๆ ว่าท่านๆ กำลังอ่านเรื่องนี้เคยได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับ
คณะสถาปัตย์มามากน้อยแค่ไหน บางท่านอาจจะมองว่าเป็นคณะที่
คนที่ได้เรียนดูเท่ดี(รึเปล่า?) ดูเป็นเด็กแนว(หรอ?)
หลายคนพูดว่าผู้ชายที่เรียนคณะนี้จะดูเท่ แต่ผู้หญิงจะดูซกมก
(ก็แล้วแต่จะมอง)เพราะความเซอร์หัวยุ่งที่ปรากฏในผู้ชาย
กับเรื่องผมเผ้ากระจายในผู้หญิงมันให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
แต่ที่แน่ๆ มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่าเด็กคณะเรา เป็นพวกซกมก
ขี้เซา(ในเวลาที่คนอื่นตื่น) ขี้เหล้าเมายา ไม่หลับไม่นอน
น้ำท่าไม่อาบ(ก็มันทำงานไม่ทันนี่โว้ย)
และดูเหมือนเป็นคณะเดียวที่มีการดื่มสุรากันอย่างแพร่หลาย
สามารถดื่มภายในคณะได้โดยผู้ใหญ่ไม่มาเข้มงวดกวดขัน
ด้วยเคยผ่านวานวันเหล่านี้มาทั้งนั้น
(แต่ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยห้ามเด็ดขาดแล้วนะจ๊ะ ดังนั้นเวลามีงานเลี้ยง
จะมีอาจารย์ฝ่ายกิจการนิสิตของคณะ คอยดูแลอยู่ตลอด ซึ่งน่าสงสารอาจารย์
เป็นอย่างมากเพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยง กับพวกนิสิตจนงานเลิก
อ้อ อย่าเข้าใจว่ามาดูแลไม่ให้ดื่มนะครับ แค่ดูแลไม่ให้มีอะไรเกินขอบเขตมากกว่า)
และคณะสถาปัตย์น่าจะเป็นคณะเดียวที่การถ่ายรูปรวมในวันรับปริญญาที่หน้าคณะ
มีการเปิดแชมเปญ และเบียร์ ให้ฟองฟู่ฟูฟ่องใส่กัน สร้างความสนุกสนานเมามัน
แก่บรรดาบัณฑิตใหม่เป็นอย่างมาก(ที่สำคัญกระเซ็นมาโดนตัวรุ่นน้องปีหนึ่ง
อันยังไม่เคยต้องมลทินสุรา ที่มาบูมให้ ได้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ โดยทั่วกัน
ด้วยกลัวที่บ้านจะได้กลิ่นเบียร์ที่ติดตัว) ดูเป็นการส่งท้ายของพวกขี้เหล้าโดยแท้
หากใครได้รับโอกาสพิเศษ(ซึ่งคงไม่ค่อยมีใครได้รับ) เป็นเทียบเชิญ
มางานเลี้ยงแบบการภายในของนิสิตคณะสถาปัตย์ ไม่ว่าจะในฐานะ
แขก หรือผู้สังเกตการณ์ จะพบว่าเป็นการเลี้ยงที่ประหยัดอาหาร
มีเพียงหมูปิ้งเจ้าอร่อย เหล้า มิกเซอร์ และดนตรีขับกล่อมเท่านั้น
ก็สามารถอยู่กันได้ถึงเที่ยงคืน(กำหนดเวลาใช้สถานที่คณะ)
นั่นเป็นข้อเสียอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เพื่อนชาวมุสลิมไม่สามารถร่วมงานได้เลยสักครั้ง
เนื่องจากเป็นงานที่มีสิ่งขัดต่อหลักศาสนาอย่างครบครัน ทั้งหมู ทั้งเหล้า
มีตัวอย่างให้ดูกันว่าคนภายนอกอื่นเค้ามองคณะสถาปัตย์ในเรื่องนี้อย่างไร
ได้รับฟอเวิร์ดเมล์จากพี่สาว ในหัวข้อ เด็กมหาลัยแต่ละคณะซื้อดอกไม้กันแบบไหน..มาดู?
ลองอ่าน แล้วดูที่ทำไฮไลท์สีแดงสิจ๊ะ
เค้าเห็นเด็กคณะเราฝักใฝ่แต่สุราหรือนี่
ไหนจะฟอเวิร์ดเมล์ที่คนเรียนคณะอย่างเราเขียนส่งต่อๆ กันมา
หัวข้อ ...คุณจะเป็นเด็กสถาปัตย์เมื่อ......
มีหลายสิบข้อ ที่อ่านแล้วมันใช่ มันตรงใจ แต่จะตัดตอนมาให้อ่าน
เฉพาะช่วงที่เกี่ยวข้องก่อน ไว้บล็อกหน้าจะเอาแบบเต็มๆ มาให้อ่าน
นั่นคือ
' ค่าใช้จ่ายกว่า50%จะหมดไปกับการเรียน+ทำงาน
ท่านมักจะไม่ค่อยมีเงินกินข้าว แต่สามารถหาเงินมากินเหล้าได้
เวลาคนบอก ดื่มน้ำสิงห์ คุณนึกถึงเหล้ามากกว่าน้ำเปล่า
'
ขนาดนั้นเลยรึ แต่บรรทัดแรกขอบอกจริงแท้แน่นอน
แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่า อาจารย์ที่คณะนอกจากจะไม่ได้ต่อต้านการดื่มเหล้าแล้ว
บางครั้งยังแนะนำให้นิสิตดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยนะ
แม้อาจจะดูน่าแปลกใจสำหรับคนคณะอื่น แต่แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลแน่ๆ
และเหตุผลดีๆ (หรือวิธีการแถดีๆ)ที่ว่า ก็ได้รับการเปิดเผย
ในคาบเรียนวิชา Architectural Psychology
หรือวิชาจิตวิทยาสถาปัตยกรรม เป็นวิชาที่รวมศาสตร์หลายแขนง
เข้าด้วยกัน อาทิ Psychology Science Mythology
รวมถึง Technology เพื่อให้นิสิตเรียนรู้และเข้าใจ
ถึงความต้องการของมนุษย์ในทุกๆ ด้าน เพื่อจะสามารถออกแบบสถาปัตยกรรม
ที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ดีที่สุด และทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขึ้น
เรื่องราวมันเริ่มจากความเชื่อของมนุษย์ในยุคก่อนๆ ที่เชื่อว่าการสร้างสรรค์
สิ่งใหม่ ๆ ใหม่ เป็นงานของพระเจ้าเท่านั้น มนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ไม่มีสิทธิ์
ดังนั้นผู้มีอาชีพอย่าง สถาปนิก หรือบรรดาจิตรกร จึงเป็นอาชีพที่แข่งขัน
และท้าทายกับพระเจ้า เมื่อมีความเชื่อนี้คอยกดดันอยู่ มนุษย์ก็จะเกิดความกลัว
กังวล กลัวผิด จิตรกรในสมัยก่อนจึงเป็นบ้ากันเยอะ เพราะความกลัวในเรื่องนี้
ทั้งสถาปนิกและจิตรกร จำเป็นต้องทำงานอย่างดีที่สุด ประณีตที่สุด
จะทำเขี่ยๆ ชุ่ยๆ ไม่ได้ และผู้ใดที่ทำงานได้ดีเยี่ยม ดูไร้ที่ตี จะได้รับการยกย่อง
ว่ามีฝีมือระดับ'เทพ' แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีฝีมือระดับเทพได้ นะคะ
ต้องขอเอ่ยถึงเทพเจ้า ของกรีกโรมันอีกสององค์ คือเทพอพอลโล
อันเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ แสงสว่าง กลางวันและอะไรที่มัน
แจ่มแจ้งแดงแจ๋ อย่างเทพเจ้าแห่งความจริง เป็นเทพที่มีเมตตาต่อมนุษย์
เผยปริศนากลเทวดา(ที่มักเห็นว่าการแกล้งมนุษย์เป็นเรื่องสนุก)
ให้กับมนุษย์ เมื่อนำมากล่าวในเชิงสัญลักษณ์แล้ว อพอลโลก็คือการมุ่งสู่
ความสว่างสดใส ความเข้าใจ ดั่งแสงที่ฉายส่องให้ปรากฏ
Dionysus เป็นที่รู้จักกันในนามของ เทพแห่งองุ่น และเหล้าองุ่น
ดูแลการเก็บเกี่ยวผลองุ่น และยังเป็นเทพแห่งความสำราญ สนุกสนานรื่นเริง
สัญลักษณ์ของ Dionysus คือ 8 หรือ ∞ เรียกว่า Möbius Plane หรือ Möbius Strip
Möbius Plane เอง ก็ถือเป็นความตื่นเต้นของวงการคณิตศาสตร์
เพราะเป็นวัตถุ 3 มิติ ที่มีเพียง 1 ด้าน หากเราเริ่มต้นลากเส้นจากจุดใดจุดหนึ่ง
บน Möbius Plane ไปเรื่อยๆ ตามแนวยาวของกระดาษ
เส้นนั้นจะกลับมาบรรจบกันที่จุดเดิม ซึ่งจะวนไปไม่มีสิ้นสุดตามความหมายของ
infinity นั่นเอง
ภาพจาก
//en.wikipedia.org/wiki/Image:M%C3%B6bius_strip.jpg
ความน่าพิศวงของ Möbius Plane ทำให้กลายมาเป็นสัญลักษณ์
ของ Dionysus ที่เป็นตัวแทนของความคลุมเครือ ความมืด ลึก เบา
ล่องลอย ในทางจิตวิทยา Dionysus เป็นสภาวะจิตอีกตัวหนึ่งของมนุษย์
ที่จะถูกทำให้เกิดขึ้นได้ด้วย Dionysus Juice หรือที่เรียกกัน
ง่ายๆ ว่า 'เหล้าองุ่น' นั่นเอง คุณสมบัติจากเทพแห่งเหล้าองุ่นถูกถ่ายทอด
ลงไปในเครื่องดื่มที่ได้รับการดูแลจากพระองค์ สร้างสภาวะคลุมเครือ
ในจิตใจของมนุษย์ ในจิตใต้สำนึก ในความทรงจำ จินตนาการจะผุดขึ้นมา
ดั่งภาพฝัน ซึ่งระยะที่เกิดได้นั้น ก็คือช่วงที่กำลังกรึ่มๆ นั่นเอง^^
หากอพอลโลที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ดั่งแสงสว่าง เปรียบเป็นเส้นตรง
แบน ไร้ข้อกังขาใดๆ ให้ต้องค้นคว้า
ไดโอนีซุส ก็เป็นดั่งระนาบใหม่ที่เราไม่เคยเห็น เกิดความคิดใหม่ๆ
ที่จะสร้างสถาปัตยกรรม หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้
ในสภาวะจิตใจปกติ
แต่การดื่มเครื่องดื่มของเทพอย่างเหล้าองุ่น
ที่มีการพิสูจน์แล้วว่ามีปริมาณหน่วยของยีนส์ในจีโนม
(รหัสพันธุกรรม) มากกว่ามนุษย์นั้น (มนุษย์ 25,000 หน่วย
ขณะที่องุ่นมี 32,000 หน่วย เหนือกว่ามนุษย์เห็นๆ )
ผู้ที่ต้องการความกล้าจะต่อกรกับพระเจ้า เมื่อแสวงหา
ความช่วยเหลือจากเทพ ก็จงประมาณตนให้พอเหมาะ
ปริมาณการดื่มนั้นต้องพอให้ผ่อนคลาย สมองแจ่มใส
ไอเดียกระฉูด ไม่ใช่ดื่มจนเมาไม่รู้เรื่องอย่างนั้นไม่ได้ประโยชน์
สัญลักษณ์แห่ง ไดโอนีซุส คือเลข 8 ที่มีทั้งครึ่งบนครึ่งล่าง
หากควบคุมให้อยู่ในครึ่งบนได้ ย่อมเกิดความคิดสร้างสรรค์
แต่ถ้าตกสู่ครึ่งล่างเมื่อไหร่ ผู้นั้นก็จะหลุดจากภาวะมนุษย์
ถูกควบคุมโดยจิตฝ่ายต่ำแทน
ที่เล่าให้ฟังในตอนต้นว่าอาจารย์แนะนำให้นิสิตดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ก็เนื่องจากนิสิตคนนั้น ทำงานออกแบบเท่าไหร่ๆ ตรวจแบบกี่ครั้ง
ก็ยังไม่พัฒนา อาจารย์เลยแนะนำให้กลับบ้านลองไปดื่มไวน์ดู
เผื่อจะคิดอะไรแปลกๆ ใหม่ได้บ้าง ไม่อยู่เฉยๆ ให้สมองทึบตื้ออยู่อย่างนั้น
แต่นิสิตที่อาจารย์แนะนำ จะเป็นชั้นปีที่สูงๆ หน่อยนะคะ
ปีสามขึ้นไป ถึงระดับปริญญาโท ที่สามารถซื้อสุราได้เองตามกฎหมาย
ทราบหรือยังคะ ว่าทำไมเด็กสถาปัตย์ถึงนิยมดื่มเหล้ากัน(ฮ่าๆ..)
__________________________________________________
มาถึงเรืองอัดอั้นตันใจเมื่อวาน หลังจากเลิกเรียน
ไม่ทราบว่าด้วยความตึงเครียดจากการตรวจแบบ
หรือความเครียดเมื่อนึกถึงงานใหญ่ที่ต้องใช้เวลาสองวัน
ทำให้เสร็จและส่งในวันจันทร์ ทำให้สมองตื้อไปหมด
และไม่ทราบว่าทำอย่างไรจึงจะหาย เริ่มงานใหม่ก็ไม่ได้
เลยจะหาทางดับความฟุ้งซ่าน โดยการชวนเพื่อว่า
'แก...อยากกินเหล้าว่ะ' หวังจะให้เพื่อนด่าสักสองคำสามประโยค
ให้เราเลิกฟุ้งซ่าน แต่ผิดคาดแฮะเพื่อนแต่ทำหน้างงๆ นิดหน่อย
แล้วถามกลับว่า'ที่ไหนดีล่ะ...อยากปลดปล่อยเต็มที่แล้ว'
อ้าว ไม่ใช่แค่เราที่เป็นอย่างนั้นนี่หว่า แต่สุดท้ายหลังจาก
ตระหนักถึงค่าอุปกรณ์การทำงานพันกว่าบาทที่เพิ่งจ่ายไป
และปัญหาที่อาจเกิดกับทางบ้านหลายๆ คน ที่อาจจะโดนเฉ่ง
เมื่อเห็นสภาพลูกตอนกลับบ้านในเย็นวันศุกร์
อีกทั้งเกรงว่าถ้ามีอาการตกค้าง(แฮ้งค์) ในเช้าวันเสาร์
งานการจะไม่ได้ทำกัน จึงแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างเงียบเหงา
กลับมาพยายามอัพบล็อกไอ้เรื่องเหล้าๆ นี่ แต่เขียนเท่าไหร่
ก็ไม่ได้อย่างใจ เลยเดินลงไปหาน้องที่เรียนคณะเดียวกัน
แต่พักอยู่ห้องชั้นล่าง ถึงอาการที่เกิดขึ้น น้องบล็อกค่อนข้าง
ตกใจเพราะไม่เคยเห็นเรามีอาการประหลาดแบบนี้
และทุกทีจะดื่มเหล้าก็ต่อเมื่อมีงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น
ไม่ได้ดื่มวันธรรมดา แบบนี้ แต่น้องบอกว่า มันก็เกิดขึ้นได้
และจะไม่ห้ามไม่ให้ดื่มด้วย แถมยังฝากซื้อไวน์ คูลเลอร์อีกขวดหนึ่ง
พอดีพี่รหัสส่งข้อความมา บอกว่าคืนเมื่อวานจะมีพระจันทร์เต็มดวง
ใหญ่ที่สุดในรอบปีตอนเที่ยงคืน เราเลยโทร.กลับไป
เลยได้ข้อมูลเพิ่มว่าวันที่ 13 จะมีฝนดาวตกด้วย
เราเล่าอาการอยากดื่มให้พี่รหัสฟัง พี่รหัสก็บอกว่าไม่แปลก
แต่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนที่ไม่ได้ดื่มประจำอย่างแก
พี่บอกว่าอยากกินก็ซื้อ เราบอกว่าไม่มีตังค์ อืม จริงๆ มี
แต่ไม่เคยเสียตังค์ซื้อเหล้าเอง พี่เลยแนะนำว่า ก็ลองซื้ออะไรที่เป็นขวดๆ ที่เซเว่นสิคิดซะว่ากินชาเขียวแล้วกัน ราคาต่างกันไม่กี่บาทหรอก
ก็เลยเดินออกไปซื้อมาตอนสามทุ่ม ของน้องเป็นไวน์ คูลเลอร์
ขวดสีทอง ของเราเป็นเครื่องดื่มขวดสีเขียว มีดาวสีแดงขนาด 330cc
จริงๆ ตามกฎหอเค้าไม่ให้เอาเข้ามากิน แต่ข้าพเจ้าได้ฝ่าฝืนเป็นที่เรียบร้อย
กลับมาที่ห้องน้องมีข้าวเกรียบปลาอยู่พอดี เลยแกล้มๆ นิดหน่อย
ไวน์คูลเลอร์ ของน้องอร่อยมากเห็นว่าจะออกขายแต่ช่วงหน้าหนาว
เพราะเป็นองุ่นที่ปลูกในประเทศไทยที่จังหวัดเลย
ดื่มของตัวเองได้นิดเดียว ก็ผลุนผลันออกไป เก็บภาพพระจันทร์เต็มดวง
น้ำเพราะกลัวว่าถ้าดึกกว่านี้จะลับเหลี่ยมตึกไปเสียก่อน
แต่ปรากฏว่า ยิ่งดึกก็ยิ่งขึ้นสูงจนเกือบกลางฟ้า
ไปตั้งกล้องแถวสระว่ายน้ำ น้องยังแซวว่าดื่มเบียร์ชมจันทร์
สุนทรีจริงๆ นะ อืม...ถ้ากระดกเบียร์ไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วยคงสุนทรีกว่านี้
แต่เอาลงไปข้างล่างไม่ได้เดี๋ยวยามเห็น เลยทิ้งเบียร์ไว้บนห้อง
แล้วกลับมาดื่มต่อคนเดียว
เพิ่งเคยถ่ายภาพตอนจิตอยู่ในสภาวะไดโอนีซุสเป็นครั้งแรก
เบลอดีมั้ยขอรับท่าน เห็นภาพในบล็อกคนอื่นเค้าใสๆ กันทั้งนั้น
ภาพดูเบลอๆ ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ สงสัยเพราะฤทธิ์ไดโอนีซุส
ดอกไม้สีขาวกับดวงจันทร์ทอแสง
สว่างมากๆ ยังกับไฟนีออน แข่งกับไฟในเมืองได้สบาย
ดวงไม่ใหญ่เท่าไหร่(อยู่ดูไม่ถึงเที่ยงคืน) แต่ความสว่างต้องยกให้
ภาพสุดท้ายยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลไดโอนีซุสเหมือนเดิม
เอ...หรือว่าอาการประหลาดของเรา จะเป็นเพราะ
อิทธิพลของดวงจันทร์
หลังจากพยามยามขอความช่วยเหลือจากไดโอนีซุส
ทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นอย่างมาก ไร้สิ่งติดค้างในอารมณ์
แต่เห็นท่าท่านเทพคงจะเห็นว่าสภาพร่างกายของมนุษย์ตัวจ้อยนี้
ท่าจะฝืนทำงานต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงบันดาลใ้ห้นิทราจนถึงเช้า
บล็อกไม่ได้อัพ งานไม่ได้ทำ แต่หลับสบายเป็นบ้า
ตื่นมาก็เลยรีบพิมพ์บล็อกต่อให้เสร็จ แล้วจะไปลุยงานแล้วจ้า
สรุปเสาร์อาทิตย์ไม่ได้พักตามเคยน้า อาจจะอัพบล็อกอีกทีตอนงานเสร็จจ้า
--------------------------------------------------------------------------------
พี่เอ็มขา ในที่สุดสิ่งที่หนูรอคอยก็มาถึงค่ะ
โปสการ์ดพี่เอ็มถึงมือหนูแล้ว ขอบคุณมากๆ ค่ะ
แอบยับตรงมุมนิดหน่อย ฮือๆ โมสาร์ตอนเด็กน่ารักมากเลย
พี่เอ็มส่งโปสการ์ดรูปอะไรมาหนูก็ชอบทั้งนั้นแหละจ้า
ยังไงข้อความที่เขียนกับรูปภาพก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะจ๊ะ
โอ๊ะๆ ลืมบอกไป ภาพในโปสการ์ดคือ Mozart ตอนอายุสามขวบจะ
ตัวเล็กนิดเดียว แต่พยายามดีจริงๆ
Create Date : 13 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 16:42:43 น. |
|
44 comments
|
Counter : 2469 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มังกรนอนใต้เมฆ (cruduslife ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:01:59 น. |
|
|
|
โดย: ... (ขามเรียง ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:43:28 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:10:55:00 น. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน...แว่บงาน... (Devonshire ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:11:28:35 น. |
|
|
|
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:11:31:15 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:11:44:16 น. |
|
|
|
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:12:10:14 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:12:11:38 น. |
|
|
|
โดย: nanida วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:13:07:26 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:13:57:32 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:14:00:40 น. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน...งานใกล้เสร็จแร้ว... (Devonshire ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:14:10:12 น. |
|
|
|
โดย: Ta Pling วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:16:04:04 น. |
|
|
|
โดย: Ta Pling วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:16:05:27 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:20:01:36 น. |
|
|
|
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:3:55:31 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:6:29:26 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:9:46:24 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:10:34:05 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:14:15:05 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:14:32:18 น. |
|
|
|
โดย: น้องหลิน (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:15:10:39 น. |
|
|
|
โดย: เจื้อยแจ้ว(ตายไปแล้ว) (cruduslife ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:15:30:29 น. |
|
|
|
โดย: nanida วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:17:05:44 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:18:29:59 น. |
|
|
|
โดย: malarn cha วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:19:03:31 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:20:13:48 น. |
|
|
|
โดย: iian_angle วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:21:53:21 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:22:00:26 น. |
|
|
|
โดย: วาฬอันดามัน วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:22:31:15 น. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน...งานเสร็จแล้วจ้า... (Devonshire ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:22:39:02 น. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน..มาราตรีสวัสดิ์จ้า... (Devonshire ) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:0:10:26 น. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:0:58:07 น. |
|
|
|
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:9:36:37 น. |
|
|
|
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:12:41:43 น. |
|
|
|
|
|
|
Im not going to tell the story the way that
it happened. Im gonig to tell it the way
I remember it.
--Great Expectations--
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากทำงานเสร็จแล้วนะจ๊ะ
ตอนนี้ขอไปปั่นงานก่อน
อืม...แล้วที่รูปเบลอๆ น่าจะเป็นเพราะปรับโฟกัสมั่วอ่านะคะ
หึหึ อายจัง