เรื่องราวหลากหลายของนายหมาบ้า
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ก็แค่ชีวิตคนๆนึง

เวลาประมาณบ่ายสามโมงของวันเสาร์ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อช่วงสายๆเริ่มหยุดลง ทำให้เห็นผู้คนเดินออกมาตามท้องถนนอีกครั้ง ผมนั่งตรงม้าหินที่สโมสรประจำหมู่บ้าน ตรงหน้าผมเป็นสี่แยกใหญ่ที่สามารถออกไปสู่ถนนสายหลักในเมืองหลายเส้นได้

สี่แยกนี้เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของชาวหมู่บ้านผม เพราะหลังจากที่ตัดสี่แยกเพื่อเชื่อมกับถนนสายหลักแล้ว การคมนาคมของชาวหมู่บ้านผมก็ดีขึ้นมาก จากที่ต้องเดินตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเผชิญกับรถติดในเมืองในเส้นทางที่อ้อมแล้ว ก็กลายเป็นใช้เวลาเดินทางน้อยลง พร้อมกับมีเวลาพักผ่อนที่มากขึ้น แต่สำหรับผม สี่แยกนี้มีค่าสำหรับผมมากไปกว่านั้น ผมหลับตา เอนหลังพิงกับม้าหินพร้อมกับนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยผ่านมา

ในตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมตอนนั้นก็เรียกได้ว่าเหลวแหลกเลยทีเดียว ไปมหาลัยก็เพียงแค่ได้จับกลุ่มกับเพื่อนโดดเรียน เล่นเกม สูบบุหรี่ก็เท่านั้น พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็ได้แต่มามั่วสุมกับเพื่อนในหมู่บ้านที่สโมสรของหมู่บ้านแห่งนี้แหละ จับกลุ่มคุย กินเหล้า สุบบุหรี่กันจนถึงมืดกว่าจะกลับบ้านกัน ผมใช้ชีวิตแบบนี้จนผมขึ้นปีสาม เพื่อนๆผมในหมู่บ้านก็หายหน้ากันไปทีละคน ทีละคน เหมือนพวกมันจะกลับใจทำในสิ่งที่ถูกได้ จนสุดท้ายก็เหลือผมคนเดียว ที่ตอนเย็นๆจะต้องมานั่งสูบบุหรี่ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปแบบไม่มีขอบเขตที่สโมสรนี้

ช่วงเย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ เหมือนที่เคยเป็น ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังข้ามสี่แยก ตรงเข้ามาทางสโมสรแล้วเดินผ่านผมไปตรงเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างๆ ผมมองตามเธอจนลับตาไป แล้วกลับมานึกกับตัวเองว่า เธอเป็นใคร ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆกับเธอนักนะ ก็คงเหมือนคนอื่นๆที่เคยเจอเหตุการณ์รักแรกพบนั่นแหละที่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่แค่ว่าเธอมีเสน่ห์ให้ชวนมองจนอดที่จะละสายตาไม่ได้

จนเวลาผ่านไปเดือนเศษ การเฝ้ามองเธอทุกๆเย็นก็เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของผมไปซะแล้ว จนกระทั่งผมคิดกับตัวเองว่า ปล่อยให้เป็นอยู่แค่นี้ไม่ได้แล้ว เย็นวันนั้น ระหว่างที่เธอข้ามสี่แยกแล้วเดินผ่านผมไป ผมตัดสินใจเรียกเธอ แต่อยู่ๆปากผมก็เหมือนมีหินหนักๆถ่วงเอาไว้ ผมพูดอะไรไม่ออก หัวใจเต้นแรงไปหมด เธอมองหน้าผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงถามผมว่า เธอเห็นผมมองเธอมาตั้งนานแล้ว มีอะไรอยากจะพูดกับเธออย่างนั้นหรือ ผมจึงค่อยคลายความตื่นเต้นลง แล้วเราก็ได้คุยกัน สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่า เธอเรียนอยู่ปีสองที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บ้านของเธออยู่ในซอยด้านหลังสโมสรนี่เอง

เวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของเราก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จนในที่สุด ผมขอเธอเป็นแฟนที่ม้าหินตัวนี้ ซึ่งเธอตอบตกลง แต่มีข้อแม้แค่ว่า ให้ผมเลิกบุหรี่ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย

เวลาที่เราใช้ร่วมกันเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทุกข์และสุข เราทะเลาะกันไม่ใช่ว่าจะไม่บ่อย แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่มารอขอคืนดีกับเธอที่นี่ ที่ม้าหินตัวเดิมที่เมื่อเวลาเธอเดินข้ามสี่แยกมา ก็จะเจอผมรออยู่ สาเหตุที่ผมมานั่งอยู่ที่นี่วันนี้ก็เพราะสาเหตุนี้เช่นกัน เมื่อวานเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงมาก แม้ว่าจุดเริ่มต้นมันจะเป็นเพียงแค่ความไม่เข้าใจกันเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จนในที่สุดผมพลั้งปากออกไปว่าจะเลิกกับเธอ มันเป็นแค่คำพูดที่เกิดจากอารมณ์โดยที่ไม่ได้ยั้งคิด แต่ก็ทำให้เธอวางสายทันที เวลาผ่านไปจนผมได้สติกลับมา ผมพยายามโทรกลับไปเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอแต่ไม่มีการรับสายจากเธอเลยสักครั้ง จนเมื่อเช้าวันนี้ เธอออกมาธุระกับเพื่อนข้างนอก แต่เธอก็ยอมรับสายของผม หลังจากที่ผมขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอพูดกับผมเพียงว่า หลังฝนหยุดแล้วเราค่อยมาเจอกัน ถึงแม้ไม่ได้บอกสถานที่ แต่เราก็รู้ดีว่าหมายถึงที่ไหน

ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อเจอเธออยู่อีกฝั่งของสี่แยก เมื่อเธอเห็นผม สีหน้าของเธอเป็นสีหน้าที่ผมไม่สามารถตีความหมายออกได้ ผมรวบรวมความกล้า ยิ้มให้เธอ ซึ่งผมรู้สึกหัวใจพองโตเป็นอย่างมากเมื่อเห็นรอบยิ้มของเธอที่ยิ้มตอบผมมา ผมสาบานกับตัวเองว่า ต่อไปนี้ผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจอีก ผมค่อยๆเดินออกไปรอเธอที่ริมถนนพร้อมๆกับเธอที่กำลังเดินข้ามสี่แยกมาหาผม

.
.
.
.
.


รถคันหนึ่งวื่งมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนหญิงสาวที่กลางสี่แยก เสียงเบรคดังลั่นไปทั่ว หญิงสาวล้มลงใต้ท้องรถ ล้อรถแล่นทับไปที่หัวของหญิงสาว จนกะโหลกแตก มันสมองกระจายเต็มท้องถนน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้ที่พบเห็นที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น



Create Date : 27 กรกฎาคม 2550
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 0:19:34 น. 7 comments
Counter : 407 Pageviews.

 
โอโห้พออ่านจบแล้ว...มันไม่ใช่แค่ "ก็แค่ชีวิตคนๆนึง" แต่มันเป็น..ตั้งชีวิตของคนๆนึงเลย นะค่ะ
----------------------------------------------
เศร้า...หักมุมมาก
แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ
น่าสงสารอีกหนึ่งชีวิตที่เหลืออยู่น่าดูเลยนะค่ะ
----------------------------------------------
เศร้า


โดย: Cheerfully วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:55:50 น.  

 
โอว์ จบสะเทือนใจ !


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:27:47 น.  

 
ตอนจบเนี่ย...ถึงขั้นอิ่มข้าวตรงหน้าเลยเด้อ....ผ่านมาทักทายจ้า


โดย: กาบชมพู วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:13:30 น.  

 
มันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจสุดๆๆ เป็นผมคงทำใจไม่ได้เลย


โดย: เด็กใต้ IP: 124.157.245.204 วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:54:57 น.  

 
ก็แค่ชีวิตคนๆนึง

เวลาประมาณบ่ายสามโมงของวันเสาร์ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อช่วงสายๆเริ่มหยุดลง ทำให้เห็นผู้คนเดินออกมาตามท้องถนนอีกครั้ง ผมนั่งตรงม้าหินที่สโมสรประจำหมู่บ้าน ตรงหน้าผมเป็นสี่แยกใหญ่ที่สามารถออกไปสู่ถนนสายหลักในเมืองหลายเส้นได้

สี่แยกนี้เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของชาวหมู่บ้านผม เพราะหลังจากที่ตัดสี่แยกเพื่อเชื่อมกับถนนสายหลักแล้ว การคมนาคมของชาวหมู่บ้านผมก็ดีขึ้นมาก จากที่ต้องเดินตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเผชิญกับรถติดในเมืองในเส้นทางที่อ้อมแล้ว ก็กลายเป็นใช้เวลาเดินทางน้อยลง พร้อมกับมีเวลาพักผ่อนที่มากขึ้น แต่สำหรับผม สี่แยกนี้มีค่าสำหรับผมมากไปกว่านั้น ผมหลับตา เอนหลังพิงกับม้าหินพร้อมกับนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยผ่านมา

ในตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมตอนนั้นก็เรียกได้ว่าเหลวแหลกเลยทีเดียว ไปมหาลัยก็เพียงแค่ได้จับกลุ่มกับเพื่อนโดดเรียน เล่นเกม สูบบุหรี่ก็เท่านั้น พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็ได้แต่มามั่วสุมกับเพื่อนในหมู่บ้านที่สโมสรของหมู่บ้านแห่งนี้แหละ จับกลุ่มคุย กินเหล้า สุบบุหรี่กันจนถึงมืดกว่าจะกลับบ้านกัน ผมใช้ชีวิตแบบนี้จนผมขึ้นปีสาม เพื่อนๆผมในหมู่บ้านก็หายหน้ากันไปทีละคน ทีละคน เหมือนพวกมันจะกลับใจทำในสิ่งที่ถูกได้ จนสุดท้ายก็เหลือผมคนเดียว ที่ตอนเย็นๆจะต้องมานั่งสูบบุหรี่ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปแบบไม่มีขอบเขตที่สโมสรนี้

ช่วงเย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ เหมือนที่เคยเป็น ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังข้ามสี่แยก ตรงเข้ามาทางสโมสรแล้วเดินผ่านผมไปตรงเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างๆ ผมมองตามเธอจนลับตาไป แล้วกลับมานึกกับตัวเองว่า เธอเป็นใคร ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆกับเธอนักนะ ก็คงเหมือนคนอื่นๆที่เคยเจอเหตุการณ์รักแรกพบนั่นแหละที่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่แค่ว่าเธอมีเสน่ห์ให้ชวนมองจนอดที่จะละสายตาไม่ได้

จนเวลาผ่านไปเดือนเศษ การเฝ้ามองเธอทุกๆเย็นก็เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของผมไปซะแล้ว จนกระทั่งผมคิดกับตัวเองว่า ปล่อยให้เป็นอยู่แค่นี้ไม่ได้แล้ว เย็นวันนั้น ระหว่างที่เธอข้ามสี่แยกแล้วเดินผ่านผมไป ผมตัดสินใจเรียกเธอ แต่อยู่ๆปากผมก็เหมือนมีหินหนักๆถ่วงเอาไว้ ผมพูดอะไรไม่ออก หัวใจเต้นแรงไปหมด เธอมองหน้าผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงถามผมว่า เธอเห็นผมมองเธอมาตั้งนานแล้ว มีอะไรอยากจะพูดกับเธออย่างนั้นหรือ ผมจึงค่อยคลายความตื่นเต้นลง แล้วเราก็ได้คุยกัน สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่า เธอเรียนอยู่ปีสองที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บ้านของเธออยู่ในซอยด้านหลังสโมสรนี่เอง

เวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของเราก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จนในที่สุด ผมขอเธอเป็นแฟนที่ม้าหินตัวนี้ ซึ่งเธอตอบตกลง แต่มีข้อแม้แค่ว่า ให้ผมเลิกบุหรี่ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย

เวลาที่เราใช้ร่วมกันเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทุกข์และสุข เราทะเลาะกันไม่ใช่ว่าจะไม่บ่อย แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่มารอขอคืนดีกับเธอที่นี่ ที่ม้าหินตัวเดิมที่เมื่อเวลาเธอเดินข้ามสี่แยกมา ก็จะเจอผมรออยู่ สาเหตุที่ผมมานั่งอยู่ที่นี่วันนี้ก็เพราะสาเหตุนี้เช่นกัน เมื่อวานเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงมาก แม้ว่าจุดเริ่มต้นมันจะเป็นเพียงแค่ความไม่เข้าใจกันเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จนในที่สุดผมพลั้งปากออกไปว่าจะเลิกกับเธอ มันเป็นแค่คำพูดที่เกิดจากอารมณ์โดยที่ไม่ได้ยั้งคิด แต่ก็ทำให้เธอวางสายทันที เวลาผ่านไปจนผมได้สติกลับมา ผมพยายามโทรกลับไปเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอแต่ไม่มีการรับสายจากเธอเลยสักครั้ง จนเมื่อเช้าวันนี้ เธอออกมาธุระกับเพื่อนข้างนอก แต่เธอก็ยอมรับสายของผม หลังจากที่ผมขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอพูดกับผมเพียงว่า หลังฝนหยุดแล้วเราค่อยมาเจอกัน ถึงแม้ไม่ได้บอกสถานที่ แต่เราก็รู้ดีว่าหมายถึงที่ไหน

ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อเจอเธออยู่อีกฝั่งของสี่แยก เมื่อเธอเห็นผม สีหน้าของเธอเป็นสีหน้าที่ผมไม่สามารถตีความหมายออกได้ ผมรวบรวมความกล้า ยิ้มให้เธอ ซึ่งผมรู้สึกหัวใจพองโตเป็นอย่างมากเมื่อเห็นรอบยิ้มของเธอที่ยิ้มตอบผมมา ผมสาบานกับตัวเองว่า ต่อไปนี้ผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจอีก ผมค่อยๆเดินออกไปรอเธอที่ริมถนนพร้อมๆกับเธอที่กำลังเดินข้ามสี่แยกมาหาผม

.
.
.
.
.


รถคันหนึ่งวื่งมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนหญิงสาวที่กลางสี่แยก เสียงเบรคดังลั่นไปทั่ว หญิงสาวล้มลงใต้ท้องรถ ล้อรถแล่นทับไปที่หัวของหญิงสาว จนกะโหลกแตก มันสมองกระจายเต็มท้องถนน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้ที่พบเห็นที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น



โดย: เด็กใต้ IP: 124.157.182.194 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:43:02 น.  

 

Newsเดอะเนชั่นกรุงเทพธุรกิจคม-ชัด-ลึกเนชั่นสุดสัปดาห์ทีวี + วิทยุเนชั่นแชนแนลเนชั่นเรดิโอเนชั่นบรอดแบนด์หางานเนชั่นอีจ๊อบส์วัยรุ่นเนชั่นจูเนียร์เนชั่นคอมิกส์ท่องเที่ยวไทยแลนด์ดอทคอมซื้อคอมพิวเตอร์คอมเซฟวิ่งเนชั่นกรุ๊ป

รักหมา-หมาบ้า-เรื่องที่คุณนึกว่ารู้ดีแล้ว (4)
ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงเรื่องหมาบ้าแล้ว ก็คงจะมีจินตนาการเห็นภาพเช่นเดียวกับผม คือ ภาพของความบ้าคลั่ง กัดไม่เลือกหน้า ฯลฯ จนกระทั่งกลายเป็นคำเปรียบเปรยกับพฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์ว่า "เหมือนหมาบ้า" แต่ความจริงแล้วไม่ถูกต้อง เพราะหมาบ้าของแท้ตัวจริงเสียงจริงนั้นมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบดุร้าย ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กับอีกแบบหนึ่งเรียกว่า แบบซึม

"แบบซึม" นั้นน่ากลัวกว่า เพราะยากแก่การสังเกต แต่กระนั้นก็ยังสามารถระมัดระวังได้ เพราะอาการของหมาบ้าแบบซึมนี้ จะผิดไปจากหมาปกติคือ หมาจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมมืดๆ เช่น ตามใต้ถุนบ้าน ไม่ออกมากินน้ำกินอาหาร เนื่องจากพิษของไวรัสหมาบ้าจะทำให้เกิดอาการหวาดกลัวแสงสว่าง กลัวกระทั่งลมที่พัดโดน หมาบ้าแบบซึมนี้ ยังคงมีอาการขากรรไกรแข็ง ลิ้นห้อย และมีน้ำลายไหลอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหมาบ้าแบบดุร้ายนั่นเอง และถ้าไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวด้วยก็จะมีอาการเช่นนี้จนกระทั่งตายไปในที่สุด

ความน่ากลัวของหมาบ้าแบบซึม อยู่ที่ความไม่รู้ของเจ้าของที่เข้าไปเรียกหรือนำตัวออกมาจากที่หลบซ่อน เพื่อให้อาหารหรือดูแลด้วยความห่วงใย แต่เนื่องจากหมาบ้าไปแล้ว จำไม่ได้แล้วว่าไหนเจ้าของ จึงอาจถูกกัดเอาแล้วติดเชื้อโรคหมาบ้านี้ได้

เรื่องหมาบ้าแบบนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบกัน แต่จากนี้เป็นต้นไป จะว่าใครว่าดุร้ายเหมือนหมาบ้า ก็ขอให้ระบุชัดเจนลงไปด้วยว่า เป็นชนิดไหน บ้าแบบดุร้าย หรือบ้าแบบซึม ผู้คนรอบข้างจะได้วางเนื้อวางตัวได้ถูก...

คุณหมอปานเทพ แนะนำว่าไม่ว่าคุณนึกว่าหมาจะบ้าแบบไหนก็ตาม วิธีที่ดีที่สุด คือ ต้องรอให้หมาตัวนั้นตายแล้วส่งหัวไปพิสูจน์ ลำพังการสังเกตอากัปกิริยาหรือฟังจากคำบอกเล่านั้นหาพอเพียงไม่ และเพื่อป้องกันมิให้เกิดพฤติกรรมตามคำพังเพยที่ว่า "ชี้โพรงให้กระรอก" คือเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอที่ว่า ต้องส่งหัวหมาที่ตายแล้วไปพิสูจน์ อย่ากระนั้นเลย เรามาพร้อมใจกระทำการให้หมาตายเสียเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน จะได้ร่นระยะเวลาแทนที่จะรอให้หมาตายเองซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ คุณหมอจึงให้คำแนะนำว่า "ให้ขังหมาไว้ก่อนแล้วรีบไปปรึกษาหมอจะดีกว่า"

ครับ...ถูกหมากัดไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วยังจะใจเย็นรอให้หมาตายก่อน แม้จะไปปรึกษาหมอก็เถอะ ผมว่าทำใจลำบากครับ ถ้าเช่นนั้นฟังคำแนะนำจากผมดีกว่า คือวิธีป้องกันโรคหมาบ้าที่ดีที่สุดคือ อย่าให้หมากัด...ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง แต่ใครเถียงผมได้ ?

คราวนี้มาถึงคำแนะนำสุดท้ายว่า ทำอย่างไรเมื่อโดนหมากัด ไม่ว่าหมานั้นจะบ้าหรือไม่บ้าก็ตาม เรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ฟังหมอปานเทพดีกว่า...

"หมากัดอย่ากัดตอบ..." คุณหมอเริ่มประโยคอย่างนี้จริงๆ ครับ "มิฉะนั้นจะเจ็บปาก" นี่ล่ะ

"รีบชำระล้างบาดแผลด้วยน้ำ ฟอกสบู่เพื่อขจัดคราบน้ำลายและสิ่งสกปรกออกไปให้มากที่สุด รวมทั้งเชื้อไวรัสหมาบ้าที่อาจปลอมปนเข้ามาด้วย จากนั้นใส่ยาสำหรับแผลสดก่อนไปพบแพทย์ ที่สำคัญคืออย่าลืมจับหมาตัวที่กัดคุณขังไว้ดูอาการอย่างน้อย 10 วัน เพื่อให้รู้แน่ว่าเป็นบ้าหรือไม่ แพทย์อาจให้ยาป้องกันบาดทะยัก ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้แก่ท่าน"

เฉพาะคำแนะนำตอนนี้ ผมขอแถมให้ว่า ตลอดระยะเวลา 10 วันนี้ คุณต้องตั้งสติให้ดี อย่าให้เพี้ยนไปด้วยความหวาดกลัวเสียก่อน ซึ่งจะโดนหมามันหัวเราะเยาะเอาว่า กุ๋ย กุ๋ย หน้าไม่อาย เค้าไม่ได้บ้าซักหน่อย ฮ่า ฮ่า...

"หากหมาที่ถูกขังไว้ตายลงก็ควรตัดหัวนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยให้แน่นอนต่อไป" คุณหมอแนะนำอย่างนี้ ซึ่งผมมองไม่ออกจริงๆ ว่าจะตัดหัวหมาด้วยเครื่องมืออะไร และอย่างไร จึงตั้งใจจะหาโอกาสถามหมอว่า แทนที่จะตัดหัวก็นำส่งมันทั้งตัวเลยไม่ได้หรือ ซึ่งผมว่าหมอน่าจะเห็นใจคนที่ไม่ได้เรียนวิชาผ่าตัดอย่างพวกเรา

กรณีหมาตายระหว่างถูกขัง ก็มีเรื่องให้หมอเตือนเช่นกัน "ไม่ใช่ว่าถ้าตายแล้วจะหมายความว่าหมาตัวนั้นเป็นบ้าเสมอไป มีเหมือนกันครับที่พอถูกหมากัดก็จับหมาขังทันที คิดเอาว่าบ้าแน่เลย ไม่มีใครดู อดข้าวอดน้ำ 3-4 วัน ก็ตายเพราะอดอาหาร ไม่ใช่ตายเพราะเชื้อหมาบ้า ฉะนั้นโปรดนำหัวหมาไปชันสูตรให้แน่นอน"

"ถ้ามีประกันก็อย่าลืมรีบแจ้งผู้แทนเพื่อเคลมค่าทำขวัญซะด้วย" คุณหมอ กล่าวปิดท้าย




โดย: เด็กใต้ IP: 124.157.182.194 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:49:19 น.  

 


โดย: นากาชิม่า วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:47:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พันธุ์หมาบ้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โปรแกรมเมอร์หนุ่มจนๆคนนึง T.T
New Comments
Friends' blogs
[Add พันธุ์หมาบ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.