|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กรรมาชน
เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์ แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครัน จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน
บทกวีนี้ในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙ มักจะได้ยินเสียงโฆษกหนุ่มนักศึกษาผิวขาวผมยาวกล่าวก่อนที่สมาชิกในวงจะเริ่มบรรเลง ท่วงทำนองของเพลงเพื่อมวลชนซึ่งขึ้นต้นเนื้อเพลงว่า
"ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี
อันถือว่าเป็นเพลงที่แรก จิ้น/กรรมาชน และนพพร ยศถา ได้ร่วมกันประพันธ์ขึ้น อันเป็นเพลงที่กล่าวได้ว่าตรงกับความรู้สึกมากที่สุดของพวกเราในขณะนั้น
กรรมาชนเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตที่ก่อเกิดจากนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๖ มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่นักศึกษาประชาชนลุกขึ้นมาร่วมกันขับไล่เผด็จการทหารได้สำเร็จ อันเป็นประวัติศาสตร์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่ยิ่งใหญ่
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดผลสะเทือนในหมู่นักศึกษาและประชาชนมากมาย ช่วงนั้นผมและเพื่อนๆยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ เรียก ม.๑(เป็นนักศึกษาปี ๑ ที่เรียนรวมกัน ยังไม่แยกคณะชัดเจน ทั้ง แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช และวิทยาศาสตร์) โดยจะไปแยกคณะอีกทีตามคะแนนสอบรวมในปี ๒ ในช่วงนั้นมีวงดนตรีเพื่อชีวิตต่างมหาวิทยาลัยได้ก่อเกิดขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว ที่จำได้ก็มีวง คาราวานและไดอะเลคตริก พวกเราเป็นกลุ่มเพื่อนๆที่มักจะแวะเวียนไปฝึกซ้อมดนตรีที่ชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัยอยู่ก่อนแล้ว โดยบางกลุ่มเล่นเพลงสตริง แต่ผมถนัดเล่นเพลงลูกทุ่ง มีครั้งหนึ่งจำได้ว่า เป็นงานรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้นใต้ตึกฟิสิกส์ข้างสระน้ำ (อยู่ติดกับโรงพยาบาลรามา) คุณจิ้น(กุลศักดิ์ เรืองคงเกียรติ) ได้มาเตี้ยมกันก่อนขึ้นเวที ว่าจะเล่นเพลง คนกับควาย และเพลงเปิบข้าว สองเพลง เพื่อให้เพื่อนๆนักศึกษาได้ฟัง จากความมีทักษะทางดนตรีของจิ้น(ชื่อนี้ได้มาจากการที่เขาเคยเป็นมือแซกโซโฟนของวง ดิ อิมเมจิ้น ซึ่งเป็นวงสตริงชื่อดังวงหนึ่งในขณะนั้น) ทำให้การผสมผสานเสียงดนตรีเป็นไปอย่างเร่าร้อนโดยใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้าเล่นในแนวฮาร์ดร็อกจึงสามารถตรึงอารมน์นักศึกษาทุกคนได้เป็นอย่างมาก ประกอบกับเนื้อหาของเพลงที่กระแทกแดกดันชวนให้คิด และในยุคนั้นงานรับน้องหรืองานทั่วๆไปของมหาวิทยาลัยมหิดลส่วนใหญ่จะเป็นวงดนตรีประเภทลีลาศ รำวงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าการแสดงในครั้งนั้นจะสะกดและตรึงตรานักศึกษาแทบทุกคน และส่งผลให้เกิดการรวมตัวขึ้นเป็นวงอย่างจริงจังในชื่อกรรมาชน ในเวลาต่อมา
Create Date : 27 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 27 ตุลาคม 2548 23:51:06 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1088 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:4:44:08 น. |
|
|
|
โดย: เหลืองทั่วหล้า IP: 202.149.25.197 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:32:54 น. |
|
|
|
| |
|
|
นักดนตรีและนักร้องตลอดจนผู้ร่วมกิจกรรมของวงกรรมาชนในช่วงแรกได้แก่ จิ้น(กุลศักดิ์ เรืองคงเกียรติ)หัวหน้าวงและมือคีย์บอร์ดผู้มีความเร่าร้อนรุนแรงจนบางทีเพื่อนๆตามอารมณ์ไม่ทัน ,
นพ(นพพร ยศถา) บุรุษนิ่งเงียบที่มีความคิดที่ล้ำลึก เป็นที่ปรึกษาทางด้านความคิดให้เพื่อนๆ ผู้มากมายปัญหาอยู่เสมอ ผู้ซึ่งเป็นผู้ชี้นำด้านความคิดทางการเมืองและเขียนบทกวีและแต่งเพลง แต่ตนเองร้องเพลงไม่เป็น ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วที่เขตชายแดนกัมพูชา
บัติ (สมบัติ ศรีสุขอัยกา)มือกลองผู้มีกำลังวังชาชาวเป็นชาวอยุธยาแต่มักจะมีแนวคิดแปลกๆ
เริญ (จำเริญ วัฒนศรีสิน)มือเบสยามยาก บุรุษซึ่งใจเย็นเป็นน้ำแข็งแต่ลุ่มลึกในปรัชญา ,
อี๊ด (พงษ์สันต์ ทองเนียม)มือเบสแพทย์ทหารที่มีรอยยิ้มพิฆาตใจสาว
บื๋อ(บุญลือ วงศ์ท้าว)แพทย์ทหารอีกคนเป็นได้ทั้งโฆษกและนักร้องที่เพื่อนๆรัก
เตี้ย(วิโรจน์ สิงห์อุตสาหะ)มือเบสและกลองยามยากอีกคนผู้รักความเป็นธรรม ,
อ๊อด(พิชัย สุธาประดิษฐ์)โฆษกผิวขาวผมยาวประบ่าชาวใต้ที่มีบทกวีมาฝากให้แฟนเพลง
หมู(พลศิลป์ ศิวีระมงคล)มือกีตาร์คอร์ดผู้ซึ่งมีความละเอียดเป็นเลิศ ,
ปู่ (ปรีดา จินดานนท์)จิ๊กโก๋กางเกงขาบานหลุดก้นผู้เป็นผู้ดูแลควบคุมระบบเสียงให้น่าฟังซึ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว ,
นิด(มาลี แสงมณี)สาวร่างเล็กแต่ใจแกร่ง นักศึกษาด้านกายภาพบำบัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ด.ร. อมร ทวีศักดิ์เป็นสาวนักร้องหญิงคนเดียวของวง"กรรมาชน"ในช่วงนั้น และเป็นผู้ร้องเพลง"เพื่อมวลชน"ที่รู้จักดี
ตี้(กิติพงษ์ บุญประสิทธิ์)นักร้องและมือแอคคอร์ดเดี้ยนหนุ่มที่เสรีกว่าเพื่อน
นอกจากนี้ก็ยังมี จอก ผู้ขับร้องเพลงเจ้าพระยาฮาเฮในเทปกรรมาชนชุดที่ ๑ และ หมอแก่ผู้ที่เป็นเสมือนผู้จัดการด้านวางแผนจัดจำหน่ายเทปให้กับวง
จากการที่วงกรรมาชนได้รับการต้อนรับจากเพื่อนนักศึกษาอย่างดีประกอบกับมีพี่(อาทิหมอเหวง หมอหงวน)ที่ให้ความสนับสนุนทั้งในด้านความคิดและเครื่องไม้เครื่องมือ
ทำให้วงกรรมาชนยิ่งมีกำลังใจและก่อเป็นวงดนตรีที่มีศักยภาพได้ในเวลาต่อมา
ในช่วงแรกยังไม่มีเพลงที่แต่งเองของวงมากนัก ก็อาศัยเพลงที่วงดนตรีรุ่นพี่เช่น คาราวานหรือไดอะเลคตริก
โดยนำมาเรียบเรียงใหม่เป็นสไตล์ของตัวเอง ต่อมาก็ค่อยๆสร้างบทเพลงของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลงานของ จิ้น
เช่นเพลง กรรมาชน,แสง,กูจะปฏิวัติ,อินโดจีน,สลัมและเพื่อมวลชน เพลงนี้นิด-มาลี(ปัจจุบันชื่ออมร)เป็นคนขับร้องคนแรกที่ขับร้องได้อย่างไพเราะจับใจ
นอกจากนั้นก็เป็นเพลงที่รุ่นเก่าๆได้ประพันธ์ไว้ เช่น คนกับควาย(สมคิด สิงสง),เปิบข้าว,แสงดาวแห่งศรัทธา,เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ(จิตร ภูมิศักดิ์),หาบเร่(วงไดอะเลคตริก),ชาวนารำพึง(สมบัติ)
ช่วงนั้นพวกเรามีการใช้ชีวิตรวมหมู่ที่ดีมากโดยนอนรวมกันอยู่บนชั้นหกตึกฟิสิกส์ซึ่งเป็นห้องเก็บเครื่องดนตรีของวง ห้องน้ำก็เป็นห้องทดลองทางชีวภาพซึ่งอยู่ติดกับห้องดนตรี
เวลาจะเดินเข้าห้องน้ำต้องผ่านกรงของสัตว์ทดลองหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นลิง กระต่าย หนู จนบางครั้งพวกเรายังสงสัยว่าไม่แน่อาจจะติดเชื้อหรือสารเคมีจากสัตว์ทดลองเหล่านี้ก็ได้ทำให้เรามีความบ้ามากกว่าปกติ
เพลงสลัมที่จิ้นแต่งทำนองมาก่อนก็มาช่วยกันต่อเติมเนื้อร้องกันในห้องแห่งนี้