Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
ลับแลพิศวาส 3-6 จบตอน

“เอาแต่ใจตัว อะไรก็ต้องให้คนตามใจจะยอมสักนิดเพื่อช่วยแม่ช่วยครอบครัวก็ไม่ได้” คุณนายสายบัวเริ่มระบายความอัดอั้นตันใจ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆยามที่ท่านต้องการผ่อนคลายความเครียด ในเวลาเช่นนี้วันสุรีย์ได้แต่นั่งเงียบเป็นผู้ฟังที่ดี หล่อนอาจต้องพูดเสริมบ้างแต่ต้องคอยดูจังหวะให้ดี 

“ฉันก็เข้าใจว่าลูกต้องเจอกับอะไรมา แต่ว่าคนเราต้องมองไปข้างหน้าจะมาเอาแต่คิดวนอยู่เรื่องเก่าวันวานมันใช้ไม่ได้ เขาถูกตามใจจนเคยตัวคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุดเป็นจุดศูนย์กลางโลก ทุกคนต้องทำตามเขา” 

“ทางนั้นต้อนรับดีไหมคะ” 

“ดีมากเลยล่ะวัน ฉันอยากให้วันได้ไปเห็น ทางไปอาจจะไกลและลำบากบ้างลงเครื่องแล้วต้องนั่งรถหลายชั่วโมงแต่พอไปถึงนี่สวรรค์บนดินชัดๆ เขาพาฉันไปดูที่ทางบ้านเรือน โอ้โห เหมือนต่างประเทศเลย บ้านปลูกอยู่บนเนินก็มีหลังหนึ่ง บ้านใหญ่โตราวกับวังก็มีอีกหลังหนึ่ง มีกระทั่งคอกม้าสนามกอล์ฟ อากาศก็ดีสะอาดสดชื่นผู้คนรับใช้บริวารคึกคักเหมือนเป็นเมืองสมมติ”

“คุณเอื้องไม่ชอบหรือคะ เธอชอบขี่ม้า” เอื้องอรุณเคยหัดขี่ม้าเมื่อยังเด็ก เนื่องจากท่านผู้พันพาหล่อนไปฝึกกับครูฝึกในค่ายทหาร เป็นกีฬาชนิดเดียวที่หล่อนโปรดและทำได้ดี

“ไม่ชอบ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เอาแต่เก็บตัวอยู่บนห้อง ยิ่งตรงไหนมีผู้ชายอยู่มากๆยิ่งผวาหวาดกลัว ฉันก็เข้าใจนะวัน...แต่เอื้องจะปิดตัวเองไปถึงไหน รู้ไหมงานหมั้นเขาจัดเสียใหญ่โตของกินของใช้ระดับหรูหรา แต่ว่าที่เจ้าสาวกลับทำหน้าบึ้งหน้างอจะยิ้มสักนิดก็ไม่มี ที่ร้ายที่สุด...ไปตบหน้าคู่หมั้นเข้าอีก วันเอ๊ย ฉันนี่จะเป็นลม”

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ” วันสุรีย์พลอยตกใจไปด้วยเมื่อนึกภาพตาม

“ผู้ชายเขาติดจะหัวนอกอยู่บ้าง เขาก็หอมแก้มตามธรรมเนียม คนของเราสิโกรธหน้าดำหน้าแดงฟาดหน้าเขายังไม่พอร้องกรี๊ดๆแล้วเป็นลมล้มตึงไปอีก ฉันนี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” วันสุรีย์นั้นถึงกับหมดคำพูด คุณเอื้องน่าจะอาการหนักจริงๆ

“ฉันจำใจต้องเล่าเรื่องของเอื้องให้หมอวิสุทธิ์ฟัง ท่านก็แนะว่าคงต้องพาเอื้องไปบำบัด คนของเราก็ไม่ยอมอีก หาว่าฉันจะส่งเขาเข้าโรงพยาบาลบ้า” คุณนายสายบัวกุมขมับ อาการเดิมๆที่ท่านเคยเป็นกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าเศร้าหมองตาลอย

“แล้วคุณท่านจะทำยังไงคะ จะล้มเลิกการแต่งงานหรือคะ”

“ไม่ได้หรอกวัน ทำอย่างนั้นได้ยังไงเอาเงินเอาทองเขามาใช้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว” ปากท่านบอกอย่างนั้น แต่วันสุรีย์เชื่อว่าสิ่งที่ท่านกังวลไม่ใช่การชดใช้เงินที่เคยเอามา แต่ท่านห่วงเงินที่จะได้ใช้ในอนาคตต่างหาก

งานแต่งงานจะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าคุณนายจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เรื่องที่จะส่งเอื้องอรุณไปบำบัดนั้นคงเป็นไปได้ยากเพราะตัวหล่อนไม่ยอมด้วยอย่างหนึ่ง ต่อให้ยอมเวลาหนึ่งเดือนนี้จะเพียงพอได้อย่างไรกับบาดแผลที่กัดลึกกินใจหล่อนจนสร้างอิทธิพลควบคุมจิตใจและร่างกายของหล่อนได้อย่างนั้น

ยังมีบางสิ่งที่วันสุรีย์หาคำตอบไม่ได้ นั่นคือท่านใช้วิธีใดจึงกล่อมคุณเอื้องอรุณยอมเข้าพิธีหมั้นได้ ทั้งที่หล่อนน่าจะคัดค้านชนิดหัวชนฝา และคำตอบนั้นมีมาถึงในเวลาหลังจากนั้นไม่นานมันทำให้วันสุรีย์แทบจะสติแตกเลยทีเดียว

อีกสองวันถัดมาคุณนายสายบัวนัดหมายกับนายบุญรัตน์ด้วยธุระบางอย่างและเดินทางไปที่ทัดเทวาอีกพร้อมด้วยช่างฝีมือคนสนิทอีกสองคน ชายทั้งสองนั้นเป็นลูกน้องเก่าของคุณท่านสว่างหนึ่งในสองนั้นเป็นผู้ที่จัดการเป็นธุระในการสร้างบ้านหลังที่ทุกคนอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ วันสุรีย์ไม่ทราบเจตนาของท่านต่อเมื่อหลังจากนั้นอีกนานจึงเข้าใจว่าท่านทำอะไร 

คุณนายและช่างทั้งสองหายหน้าไปถึงสองอาทิตย์ หล่อนกลับมาในเย็นวันหนึ่งซึ่งเหลือเวลาอีกราวห้าวันทุกคนต้องเดินทางไปยังทัดเทวาเพื่อเตรียมตัวร่วมงานแต่งงานของคุณเอื้องอรุณ คืนวันนั้นเองที่คุณนายสายบัวเรียกให้วันสุรีย์เข้าไปคุยที่ห้องนอนของเอื้องอรุณ จัดการปิดห้องเสียมิดชิดราวกับเป็นความลับที่จะแพร่งพรายไม่ได้

“ฉันมีเรื่องจะขอให้วันช่วย เรื่องการแต่งงานของเอื้อง” 

คุณนายสายบัวนั่งเสียที่เตียง ส่วนเอื้องอรุณลากเอาเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้งมานั่งใกล้ๆ วันสุรีย์นั้นนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้น ท่านกล่าวด้วยเสียงเรียบทั้งยังยิ้มน้อยๆเสียด้วยซ้ำ วันสุรีย์นึกแปลกใจเดาเอาว่าท่านจะให้หล่อนเป็นเพื่อนเจ้าสาวเสียกระมัง เนื่องจากเอื้องอรุณนั้นตัดขาดจากเพื่อนทุกคนไปนานแล้ว แต่เหตุใดต้องทำเสียมิดชิดราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

“ต้องคุยกันให้ชัดนะแม่ ไม่งั้นเอื้องไม่ยอมด้วย” เอื้องอรุณขัดขึ้นหล่อนนั่งกอดอกหน้างอง้ำ สะบัดเสียงอย่างเอาแต่ใจ

“แม่เอื้องก็หยุดปากก่อนเถอะ แม่จะพูดอยู่เดี๋ยวนี้แล้วไงเล่า เรียกวันมาคุยต่อหน้าเอื้องเสียเลยจะได้จบๆกันไป”

“อย่ามาหลอกเอื้องอีกเลย ครั้งก่อนแม่ก็บอกว่าคุยกับเขาเรียบร้อยแล้ว ทำไมเขายังทำหน้าเหรอไม่รู้เรื่องอยู่เลยล่ะ” เอื้องอรุณเถียงอีก วันสุรีย์มองสองคนแม่ลูกอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันจะขอให้วันช่วย...” คุณนายสายบัวหันมาพูดกับวันสุรีย์พร้อมยิ้มกว้างราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่จะทำให้วันสุรีย์ยินดี แต่มันไม่ใช่เลย

“ฉันอยากให้วัน...เข้าหอแทนแม่เอื้อง”

วันสุรีย์ยิ้มค้างก่อนจะขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อหู “คุณท่านว่าอะไรนะคะ”

“แม่เอื้องเขาเป็นโรคประหลาดเข้าใกล้ผู้ชายไม่ได้เลย เขายังไม่พร้อมสำหรับเรื่องพวกนี้ วันเข้าหอแทนเขาหน่อยนะ” ผู้มีพระคุณของวันสุรีย์พูดง่ายๆราวกับใช้ให้หล่อนไปตลาดซื้อกับข้าว

วันสุรีย์แทบจะหน้ามืดมองเอื้องอรุณที่หน้าง้ำทีหนึ่งสลับกับคุณนายสายบัวที่ยิ้มกริ่มราวกับเรื่องที่หล่อนพูดออกมาเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เป็นความคิดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่วันสุรีย์เคยได้ยินมาในชีวิต หล่อนสะกดใจถามออกไปอีกครั้ง

“คุณท่านจะให้วันทำอะไรนะคะ”

“วันเข้าหอแทนแม่เอื้อง แม่เอื้องจะเข้าพิธี แต่พอกลางคืนวันก็เข้าห้องทำหน้าที่เจ้าสาวแทนไงจ้ะ”

“จะ...จะเป็นไปได้อย่างไรคะ” วันสุรีย์คนที่มั่นใจและกล้าคิดกล้าพูดถึงกับติดอ่างตะกุกตะกัก 

หล่อนเคยได้ยินมาบ้างว่ามีเรื่องแบบนี้แต่มาจากการอ่านนิยาย นางเอกถูกขายอยู่ในสถานบริการเป็นสาวสวยจนได้เป็นดาว แต่อยู่รอดปลอดภัยไม่เสียความบริสุทธิ์เพราะใช้วิธีมอมเหล้าผู้ชายแล้วเปลี่ยนให้เพื่อนมามีความสัมพันธ์แทนตัวเอง แต่เรื่องอย่างนี้เป็นไปได้ยากในชีวิตจริงผู้ชายคงต้องเมามายอย่างมากหรือไม่ก็หูหนวกตาบอดและโง่จนไม่รู้ว่าเมียที่อยู่ด้วยทุกวันกับคนที่นอนด้วยทุกคืนเป็นคนละคนกัน

อีกอย่างใครที่คิดทำเรื่องเช่นนี้ก็ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ นี่พวกหล่อนแม่ลูกเป็นบ้ากันไปหมดแล้วใช่ไหม

“ได้สิจ้ะ วันไปตัดผมออกนะ ไม่สิ ไปที่ร้านพร้อมกับเอื้องเลย ตัดให้เป็นทรงเดียวกันผมเอื้องสั้นกว่า วันก็แค่ตัดออกนิดหน่อยไม่มากหรอก” คุณนายสายบัวยิ้มตาลอย

“รูปร่างพอๆกัน พรุ่งนี้เช้าเราไปหาซื้อเสื้อผ้า เอาทุกแบบทั้งชุดนอนชุดกลางวันหรือชุดใส่เล่นอยู่บ้าน ซื้อไซส์เดียวอย่างละสองชุดไปเลย”

“ท่านคะทำแบบนี้ไม่ได้” วันสุรีย์พยายามคัดค้านแต่เสียงของหล่อนช่างเบาบางราวกับสายลมพัด นอกจากมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว 

...ไม่มีใครเขาบังคับให้คนอื่นทำกันหรอกเรื่องแบบนี้ 

วันสุรีย์อาจจะเป็นเด็กในบ้านแต่หล่อนก็มีหัวใจมีเลือดเนื้อหล่อนมีความฝันและชีวิตของตนเอง สองแม่ลูกคิดอะไรอยู่ นี่มันไม่ต่างอะไรกับบังคับให้หล่อนขายตัว 

คุณนายสายบัวกลับคิดไปอีกทาง เรื่องศีลธรรมนั้นไม่อยู่ในหัวหล่อนสักนิด หล่อนคิดไปไกลว่าวันสุรีย์กังวลจะถูกจับได้ จึงบอกแผนการที่ทำให้วันสุรีย์แทบช็อคตาตั้ง

“ฉันให้เขาจัดการให้เรียบร้อยแล้วจ้ะวัน ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะ ฉันบอกคุณบุญรัตน์ไปว่าห้องหอนั้นขอให้บ่าวสาวแยกห้องกันเปิดประตูเชื่อมหากัน ก็แบบนี้ใครๆเขาก็ทำ ฉันบอกว่าแม่เอื้องไม่ชินกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชาย ลูกสาวฉันเป็นกุลสตรีไม่เคยคบหาใครในเชิงชู้สาวมาก่อน ก็...ที่ถึงกับอาละวาดเมื่อถูกจูบแก้มนั่นปะไรเห็นกันเต็มตาทั้งงานแล้ว ฉะนั้นเรื่องการปรับตัวนั้นขอให้ค่อยๆปรับตัวพวกนั้นเชื่อสนิทเลยล่ะจ้ะวัน” หล่อนปิดปากหัวเราะคิกแต่วันสุรีย์หนาวเยือก

“ฉันให้ช่างสินจัดการให้แล้ว” คราวนี้หล่อนกระซิบราวกับเป็นความลับสุดยอด 
“ปีกซ้ายของบ้านนั้นเขายกให้คู่บ่าวสาว ฉันขอให้จัดห้องติดกับห้องเอื้องไว้อีกห้อง สำหรับให้ฉันไปพักค้างคืน ช่วงแรกที่แม่เอื้องยังปรับตัวกับชีวิตคู่ไม่ได้ฉันจะไปพักด้วย แต่วันรู้ไหมจ้ะช่างสินเขาทำทางลับให้ ทำทีว่าจะตกแต่งห้องทำตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนังแต่เจาะเป็นช่องให้มีทางเชื่อมมาที่ตู้เสื้อผ้าในห้องของฉัน วันจะอยู่ในนั้นไงล่ะจ้ะฉันจะพาวันไปอยู่ที่ห้องนั้นรอเวลาเข้าหอ วันก็เข้าไปเปลี่ยนตัวกับเอื้อง เห็นไหมใครจะไปรู้ล่ะ”

คุณนายสายบัวหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ โดยมีเอื้องอรุณเบ้ปากทำหน้าง้ำอยู่ข้างๆ 

“แม่ไปบอกอะไร ช่างสินเขาไม่สงสัยหรือไงที่สั่งให้ทำอะไรประหลาดแบบนั้น” เอื้องอรุณถามออกมาตรงกับใจของวันสุรีย์

“แม่ก็บอกว่าเอื้องป่วย โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ชอบเล่นซ่อนหา ตกกลางคืนชอบเข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าหรือไม่ก็ร้องหาแม่จะต้องมานอนกับแม่” คุณสายบัวหัวเราะคิก “แม่ย้ำกับเขาว่าเรื่องนี้พูดกับใครไม่ได้เลยใครถามก็บอกแต่ว่ามาทำตู้เสื้อผ้า มันเป็นเรื่องน่าอายแม้แต่ผัวแม่เอื้องหรือคนในครอบครัวเขาแม้แต่คนเดียวจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะหาว่าเราสติไม่ดี”

วันสุรีย์ได้ฟังถึงกับถอนหายใจยาว ช่างสินคงคิดไปแล้วว่าพวกหล่อนสติไม่ดี แต่ก็คร้านจะใส่ใจเพราะคนร่ำรวยบางจำพวกก็มักทำเรื่องประหลาดที่มนุษย์มนาปกติที่ไหนเขาไม่ทำกัน 

“แต่คุณนายคะ วันคงทำไม่ได้” หล่อนตัดสินใจบอกออกไป วันสุรีย์ไม่ใช่เด็กสาวขลาดกลัว หล่อนยอมให้เรื่องบ้าๆนี่เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

“จู่ๆจะให้วันไปทำเรื่องอย่างนั้นกับใครก็ไม่รู้ วันทำไม่ได้ วันอาย” วันสุรีย์บอกเสียงแข็ง เรื่องที่คุณนายพูดออกมานั้นมันเหลวไหลสิ้นดี พวกเขากำลังจะตบตาคนอื่นด้วยวิธีการตื้นเขินเพราะหวังในเงินทอง คนของทัดเทวามีหรือจะโง่ให้หลอกได้ หากถูกจับได้ขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน

อีกอย่างแม้วันสุรีย์ไม่มีประสบการณ์เลวร้ายกับเพศชายเช่นเอื้องอรุณก็จริง แต่วัยน้อยนิดเพียงสิบแปดปีทั้งชีวิตไม่เคยทำตัวออกนอกกรอบที่ดีงาม เพื่อนชายสักคนยังไม่เคยมี จะให้ทำเรื่องบัดสีอย่างนั้นหล่อนจะไปทำได้อย่างไรไม่ใช่หมาใช่แมวที่ถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จับมาเข้าคู่สมสู่กัน...ยิ่งคิดก็ยิ่งอดสู

“อีกอย่างคุณท่านจะทำยังไง คุณคนนั้น...ที่เขาจะแต่งงานกับคุณเอื้องเขาก็ไม่ได้ตาบอดนี่คะ ต่อให้วันกับคุณเอื้องจะเหมือนกันยังไงเขาก็ต้องรู้” วันสุรีย์ไม่อยากจะพูดว่ามันเรื่องปัญญาอ่อนชัดๆ

“ฉันบอกเขาแล้วว่าแม่เอื้องไม่ชอบนอนเปิดไฟ เอื้องจะนอนไม่หลับถ้ามีแสงจ้า คุณบุญรัตน์เขาก็เชื่อ ห้องนั้นเขาติดหลอดไฟสลัวให้แค่สองดวงผ้าม่านหน้าต่างก็หนาไม่มีแสงจันทร์ที่ไหนเล็ดรอดเข้ามา หรือต่อให้เห็นวอบแวบเขาก็ไม่รู้หรอก ถึงตอนนั้นแค่ให้แม่เอื้องออกอุบายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่หลังฉากแถวตู้เสื้อผ้านั่น วันก็สวมรอยแทนได้เลย”

“เสียงพูดล่ะคะ วันกับคุณเอื้องเสียงไม่เหมือนกันสักหน่อย” หล่อนอยากเอามือกุมขมับ เพราะอ่อนใจกับสองแม่ลูก

“ไม่เหมือนแต่ก็คล้ายมากเชียวล่ะ ถ้าไม่จับสังเกตจริงๆไม่รู้หรอกฉันยังจำผิดบ่อยๆเลย” 

เสียงของวันสุรีย์และเอื้องอรุณคล้ายกันจริง แต่ก็ไม่ได้เหมือนเสียจนแยกไม่ออก นอกจากนี้เอื้องอรุณเป็นคนพูดจาห้วนเป็นมะนาวไม่มีน้ำในขณะที่วันสุรีย์ชินกับการรับคำสั่งจึงมักทอดเสียงอ่อนคนที่ฟังจนชินหูย่อมรู้ดีว่าผิดแผกกัน

“เอาเถอะน่าวันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเถอะ ขอแค่เดือนเดียว หรืออย่างมากไม่เกินสองเดือน ก็หย่ากันแล้ว”

“ท่านว่าอะไรนะคะ”

“เราไม่แต่งงานจนถือไม้เท้ายอดทองหรอกวัน” เอื้องอรุณพูดแทรกเข้ามาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “แค่เข้าใกล้ก็คลื่นไส้อยากอาเจียนจะแย่แล้ว เราไม่รู้ว่าจะทนอยู่ได้สักกี่วัน”

“สักเดือนหนึ่งก็แล้วกันนะเอื้อง อดทนหน่อย ค่อยหาเหตุหย่า” สองคนแม่ลูกคุยกันราวกับว่าวันสุรีย์ตกลงร่วมแผนการเรียบร้อยแล้ว

“วันไม่ทำนะคะ” วันสุรีย์ตัดสินใจบอก คุณนายสายบัวถึงกับหันขวับมามองหล่อนอย่างไม่เชื่อสายตา ส่วนเอื้องอรุณนั้นยักไหล่แบมือทำปากเป็นคำ “ฉันว่าแล้ว” โดยไม่มีเสียงลับหลังมารดา

“วันทำไม่ได้หรอกค่ะ วันทำใจไม่ได้” หล่อนรับไม่ได้ หนำซ้ำยังเสื่อมศรัทธากับผู้มีพระคุณอีกด้วย บางทีคุณนายสายบัวอาจต้องไปรักษาตัวเสียพร้อมกันกับเอื้องอรุณ ความทุกข์โศกที่หล่อนได้รับมันกัดกินหล่อนไปหมดแล้วกระทั่งสติรับรู้และคุณธรรมพื้นฐานก็ยังไม่มีจึงได้เพ้อเจ้อคิดอะไรบ้าบอเป็นตุเป็นตะเช่นนี้

“วันไปคิดดูก่อน ลองคิดดูดีๆคิดดูสักสองสามคืน” คุณนายสายบัวบอกเสียงเรียบหน้าตึงตาวาวอย่างไม่พอใจ “วันจะไปอยู่ที่ไหน ตัวเองอาจจะพอเอาตัวรอดได้ทำงานก๊อกๆแก๊กๆไปวันๆ แต่แววแก่มากแล้วนะบ้านช่องไม่มีซุกหัวนอนจะอยู่กันยังไง”

วันสุรีย์สะดุ้งหนาวเยือกไปถึงสันหลัง ไม่เคยคิดว่าคุณนายสายบัวที่เมตตาหล่อนมาตลอดชีวิตจะมาไม้นี้ ตอนนี้กระทั่งยายแววที่เป็นข้าเก่าหล่อนยังไม่สนใจ วันสุรีย์ตื้อในอกอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆและหนีไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้เสียนัก...แต่หล่อนทำได้อย่างนั้นหรือ




Create Date : 25 มกราคม 2558
Last Update : 25 มกราคม 2558 8:50:56 น. 0 comments
Counter : 753 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.