Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

จอมใจเจ้าป่า ตอน 6 part 3

                หลังจากแบกเด็กสาวมาด้วยอีกราวครึ่งชั่วโมงและยังไปได้ไม่ถึงไหนฝนก็ตกลงมาจริงๆ โชคดีที่เขาพาหล่อนมาถึงกระท่อมที่พักที่หมายตาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว


                 “บ้านใคร” ลลินาถามพลางขมวดคิ้วไม่ยอมลงจากหลัง


       “บ้านผีปอบหรือเปล่า” พวกลูกน้องของเฮียชอบเอาแผ่นหนังมาเปิดกลุ้มรุมกันดูในจอทีวีเล็กนิดเดียว เด็กสาวมักชะเง้อคอยืดยาวจะขอดูบ้าง ที่เห็นบ่อยก็ฉากผู้หญิงใส่ชุดนอนสีแดงเซ็กซี่กับกระท่อมร้างกลางป่าพอหล่อนถามว่าดูหนังเรื่องอะไรก็ตอบกันว่า บ้านผีปอบ แล้วก็ไล่ไม่ยอมให้หล่อนดูด้วยถ้ามันหนังผีธรรมดาทำไมไม่ให้ดูก็ไม่รู้


                 “บ้านคน ลงได้แล้ว” เขาตะคอก ถ้าหล่อนไม่ยอมลงจะสลัดทิ้งจริงๆด้วย


                  ยายตัวเล็กค่อยลงจากหลังแต่แค่เท้าเหยียบพื้นก็ทรุดฮวบลงพับเพียบกับพื้น เมื่อหันไปมองหล่อนก็ยิ้มหน้าแป้นแร้นในแสงสลัวเห็นเพียงฟันขาววับและประกายตาพราว


                  “เมื่อย”


                  “จะเมื่อยอะไรขี่หลังมาตลอดทาง” ตาดุตวัดผ่านแวบเดียวจากนั้นก็ไม่สนใจอีก เขาค่อยคลำทางไปค้นหาของกุกกักอยู่ที่มุมห้องฟ้าแลบแปลบปลาบทำให้มองเห็นภาพทุกอย่างขาดเป็นช่วงๆ อาศัยที่คุ้นเคยกับสถานที่จึงพอรู้ว่าข้าวของอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง


ลลินาทรุดนั่งอยู่กับที่ข้อเท้าปวดตุบพอเกร็งจะลุกก็เจ็บแปลบ มันปวดทรมานทุกครั้งที่พยายามเกร็งข้อเพื่อเคลื่อนไหว หล่อนกัดฟันใช้มือยันตัวขยับเข้าพิงผนังก่อนระบายลมหายใจยาวโชคดีที่ในบ้านมืดเจ้ายักษ์จึงไม่เห็นว่าหล่อนปวดแผลจนหน้าซีด ยามปวดแผลมือหล่อนถึงกับกำเกร็งเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามไรผม


หล่อนซุ่มซ่ามเอง เพราะถูกกักบริเวณให้อยู่แต่บนเรือนทั้งร้อนใจทั้งวิตกวุ่นวาย อาศัยช่วงเปลี่ยนเวรยามแอบปีนหนีลงมาทางระเบียงหลังครัว พอหลุดจากเรือนใหญ่ได้ก็วิ่งจี๋ไม่หยุดความที่กลัวว่าฝนจะตกมาอีกจึงวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือย่ำลงไปในหลุมดินที่ทรุดตัวจนเสียหลักกลิ้งโค่โล่ กว่าจะประคองตัวลุกนั่งได้ข้อเท้าก็แพลงหนักบวมขึ้นมาลูกเท่ามะกรูด หล่อนรีบตะกายเข้าหาร่มเงาไม้หวังว่าพักสักครู่อาการดีขึ้นแล้วค่อยคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อก็พอดีเจอกับคนที่ตามหาเสียก่อน


หล่อนดีใจแทบบ้าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังอยู่ดีไม่มีร่องรอยบาดแผลเพิ่มเติม แถมยังปากจัดเหมือนเช่นเคย ลลินาแอบอมยิ้มยามเห็นเขาทำหน้าไม่สบอารมณ์แสดงว่าแข็งแรงดีเป็นปกติและหน้าหงิกเป็นปกติอีกด้วย 


บอกไม่ถูกเช่นกันว่าเพราะเหตุใดจึงห่วงหามากมายปานนั้นจะว่ากลัวไม่มีเพื่อนเล่นก็...คงไม่ใช่บอกได้แต่ว่านับวันยิ่งผูกพันแค่ได้ยินข่าวร้ายความรู้สึกแปลกๆก็เอ่อล้นในใจจนลืมตัวไม่กลัวต่อสิ่งใดขออย่างเดียวขอให้ได้เห็นกับตาให้รู้แน่ชัดว่าเขายังปลอดภัยแค่นี้ก็พอใจแล้ว


เจ้ายักษ์จุดตะเกียงน้ำมันเก่าคร่ำคร่าที่มุมห้องไม่นานแสงวับแวมก็สาดส่องพอให้มองเห็นภายในกระท่อมเก่าโทรมได้ชัด ลลินาหดตัวแนบฝาบ้านที่ทำจากไม้นึกในใจว่าบรรยากาศน่ากลัวราวกับบ้านผีสิง 


กระท่อมทั้งหลังมีห้องเดียวกั้นฝาทั้งสี่ด้านโดยการตีด้วยไม้แบบหยาบๆแต่ก็แข็งแรงพอใช้อย่างน้อยก็พอคุ้มแดดคุ้มฝน ประตูเป็นไม้ไผ่เก่าคร่ำคร่าขัดไว้ด้วยกลอนอันเล็กชนิดที่ว่าเจอลมแรงๆปะทะเข้าคงปลิวพื้นห้องยกสูงทำจากไม้ไผ่สาน เวลาขยับตัวพื้นจะยุบยวบได้ยินเสียงเนื้อไม้เสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าดหน้าต่างเป็นตอกสานมีกรอบเป็นลำไม้ไผ่ผ่าครึ่งซีกที่เจ้าของสถานที่จัดการแง้มเปิดไว้แค่ครึ่งเดียวพอให้อากาศถ่ายเท


ลลินานึกในใจ...นี่คงเป็นบ้านจริงๆของเจ้ายักษ์


โถน่าสงสารไม่นึกว่ามันยากจนถึงขนาดนี้


เจ้ายักษ์ยังค้นของต่อไปนำออกมาวางเรียงรายหลายอย่าง จากนั้นก็หิ้วถังน้ำพลาสติกหายออกไปข้างนอกพอกลับเข้ามาอีกครั้งก็เอาแต่จุดกองไฟวุ่นอยู่ แต่ดูท่าทางจะคล่องแคล่วดีเพราะเผลอแป๊บเดียวก็ติดไฟต้มน้ำกาใหญ่ได้สำเร็จ หลังจากนั้นหล่อนก็ได้กินอาหาร ที่ชิดฝาฝั่งครัวมีกล่องพลาสติกใส่อาหารแห้งหลายชนิดหล่อนชะเง้อมองเห็นเจ้ายักษ์หยิบถ้วยโฟมออกมาเลือกโดยส่องดูกับแสงไฟพักเดียวโจ๊กสำเร็จรูปร้อนๆก็ส่งให้ถึงมือ


“อยากกินมาม่า” ก็มันหิว กินแค่โจ๊กมันไม่อยู่ท้อง บะหมี่สำเร็จรูปสักห่อน่าจะดีกว่า


ตาดุมองหล่อนอย่างโกรธๆทำท่าเหมือนจะเขวี้ยงถ้วยข้าวทิ้งเด็กสาวรีบคว้าไว้ก่อน มีกินดีกว่าอด


“ให้ขมิ้นด้วยนะ” หล่อนยังไม่วายห่วงเพื่อน เจ้ายักษ์สะบัดหน้าพรึบแต่พักเดียวเพื่อนตัวน้อยก็ได้กินโจ๊กเหมือนๆกันเด็กสาวยิ้มกริ่มแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเจ้ายักษ์คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองห่อใหญ่ๆออกมาลวกกินพลางยิ้มเยาะดูเถอะ ทีหล่อนกับเจ้าขมิ้นให้กินโจ๊กแหยะๆ ตัวเองกินอิ่มหนำสำราญ มันน่านัก


กินกันเสร็จแล้วก็ทิ้งจานใส่ถุงดำผูกไว้เป็นขยะก็ดีไม่ต้องล้างจานชาม อีกพักใหญ่เจ้าของบ้านก็หิ้วถังน้ำเล็กๆเข้ามาหาพร้อมกับตะเกียงอันเดียวของบ้านเขานั่งขัดสมาธิดึงเท้าข้างที่บวมปูดวางบนหน้าตัก คิ้วเข้มๆขมวดเมื่อเห็นแผลชัดข้อเท้าเล็กบวมแดงหวังว่าเส้นเอ็นจะไม่ฉีกขาดมากไม่งั้นคงต้องรักษาตัวนาน เขาลองกดเบาๆรอบส่วนที่บวมเด็กสาวก็ร้องโอดโอย


เจ้ายักษ์นุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อเขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำในถังบิดจนหมาดจากนั้นค่อยเช็ดไปรอบข้อเท้ามือใหญ่จับประคองเบามือคิ้วเข้มขมวดเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ดูจะตั้งอกตั้งใจปฐมพยาบาลเต็มที่


“เวลาหัวโน ยายต้มไข่ประคบ” เด็กสาวบอก หน้าดุก็บึ้งขึ้นมาอีกไม่รู้หล่อนพูดอะไรผิด


“บวมแบบนี้เขาไม่ประคบร้อนต้องประคบน้ำแข็งให้เลือดหยุด น้ำแข็งไม่มีใช้น้ำเย็นลูบไปก่อน”


อ๋อ ก็ใครจะไปรู้เห็นบวมๆนึกว่าเอาไข่ต้มรักษาก็ได้


“เอาน้ำมันนวดทาด้วย”


“ยิ่งนวดก็ยิ่งบวมหุบปากเสียทีเถอะ” เอาอีกแล้วถูกรำคาญอีกแล้วลลินาชักน้อยใจคนเขาเจ็บเพราะเป็นห่วงตัวหรอก เอะอะก็ด่า


เธอปล่อยให้เจ้ายักษ์ทำความสะอาดแผลผ้าเย็นๆถูกประคบรอบๆแผลอยู่นานจนเห็นว่าใช้ได้แล้วก็เอาผ้าผืนยาวอีกผืนพันหลวมๆรอบข้อเท้าข้างที่เจ็บทั้งยังเช็ดคราบดินคราบฝุ่นให้เท้าขะมุกขะมอมอีกด้วยท้ายที่สุดหมอนแบบสี่เหลี่ยมเก่าจนมีคราบดำก็ถูกนำมารองข้อเท้าไว้น่าแปลกที่อาการปวดตุบบรรเทาลงไปจริงๆ


“ต้องยกขาสูงกว่าหัว” เด็กสาวทำหน้างงจะให้หล่อนตีลังกาหรือไง หน้าตาเหรอหรานั้นคงทำให้เขาเข้าใจความคิดเสียงห้าวจึงตวัดห้วนอีก


“หมายถึงตอนนอนต้องหาอะไรรองให้ขาสูงกว่าหัว” อ๋อ แล้วก็ไม่บอกปล่อยให้เข้าใจผิดๆ


“กินพาราแก้ปวดมั้ย”


“ไม่ชอบกินยา” คุณหนูแหม่มขึ้นชื่อนักว่ากินยายาก จนโตเป็นสาวขนาดนี้ยายพรต้องเอายาเม็ดบดเป็นผงละลายน้ำใส่ช้อนป้อนให้ถึงปากจึงจะยอมกิน


เด็กสาวนึกในใจ เจ้ายักษ์นี่บทจะดีก็ดีเหลือหลายบทจะร้ายก็...ร้ายเสียจนน่าหมั่นไส้ หน้าดุๆยังคงก้มหน้าก้มตาประคบข้อเท้าโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำเป็นไม่สนใจหล่อนไอ้ท่าทางแบบนี้...มันน่าแกล้งไหมล่ะ


“เช็ดให้ด้วย” หล่อนยกเท้าข้างที่ยังปกติขึ้น แตะปลายนิ้วเท้าลากไล้ที่ต้นแขนล่ำ ยิ้มให้อย่างหวานหยด เห็นนะว่าตาสีเข้มที่พยายามจะทำเป็นดุนั่นหวั่นไหว ให้ใจแข็งยังไงก็คงนึกถึงวันนั้นบ้างหรอกน่า...วันที่อะไรๆไม่เป็นใจให้สานต่อทั้งที่อยากใจแทบขาด


ชายหนุ่มตวัดตามองแค่นิดเดียวลงมือบิดผ้าผืนเล็กให้หมาดจับเท้าเล็กขะมุกขะมอมไว้ด้วยมือข้างหนึ่งค่อยบรรจงเช็ดคราบดินคราบทรายค่อยหลุดออก เช็ดเสร็จแล้วแต่เด็กช่างยั่วยังมองเขานิ่งคล้ายจะท้าทาย


ในขณะที่ตาจ้องตามือก็ลูบสูงขึ้นไปอีกหล่อนใส่กางเกงขาสั้นเหมือนเคย ถัดจากเท้าเรียวขาวนุ่มเนียนมือจึงเป็นปลีน่องแข็งแรงและต้นขาตึงกระชับเขาขยับมือรุกไล้ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างเผลอไผล ตาสบกับดวงตากลมที่ไม่ยอมหลบเช่นกันนอกจากปากหล่อนจะยิ้มแล้วแววตาของหล่อนยังยิ้มอีกด้วย แถมมันเป็นยิ้มที่เชิญชวนชัดๆ


วีรสิงห์ทิ้งข้าวของในมือ นาทีนี้อะไรก็ไม่น่าสนใจมากไปกว่าร่างเล็กที่จงใจยั่วอารมณ์ให้กรุ่น เขาเปลี่ยนเป็นคว้าจับเอวคอดออกแรงเพียงนิดยกร่างเล็กขึ้นมาคร่อมหน้าตัก 


หน้านวลลอยมายิ้มอยู่ใกล้ๆหล่อนโอบรอบคอเขาไว้ก่อนที่ริมฝีปากเล็กฉ่ำจะขยับเข้ามาแนบลิ้นนุ่มกล้าถึงขนาดว่าจงใจเริ่มรุกอย่างกึ่งกล้ากึ่งลังเลวีรสิงห์ประคองศีรษะทุยไว้มั่นตอบโต้กลับด้วยสัมผัสรุกเร้าร้อนแรงที่มากประสบการณ์กว่าวินาทีหลังจากนั้นก็พบว่ามันพัวพันไปหมดจนไม่รู้ลิ้นใครเป็นลิ้นใคร รสหวานซ่าที่ปลายลิ้นยั่วให้กระหายมากยิ่งขึ้นหล่อนหวานสมชื่อยิ่งได้ดูดกลืนก็ยิ่งหอมหวาน


ริมฝีปากเล็กๆนั้นทั้งยั่วเย้าชวนเชิญให้เขาเวียนดูดย้ำซ้ำๆอย่างกระหายจนมันกลายเป็นสีแดงจัดและช้ำบวมต่างคนต่างหอบหายใจถี่แรงเริ่มหมดการบังคับตนเองไปทุกที


“แน่ใจแล้วเหรอ คราวนี้ไม่มีระฆังช่วยนะ”





 

Create Date : 20 มกราคม 2556
2 comments
Last Update : 20 มกราคม 2556 9:43:33 น.
Counter : 1933 Pageviews.

 

มารอค่า

 

โดย: ม่าน IP: 110.168.78.209 31 มกราคม 2556 9:01:00 น.  

 

มารอด้วยอีกคนค่า

 

โดย: น้ำ IP: 24.132.84.85 8 กุมภาพันธ์ 2556 19:28:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.