Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

ลับแลพิศวาส 2-1

คุณผู้หญิงของบ้านทัดเทวาชื่อว่าภัคพรหรือคุณแพตตี้ตอนที่เพ็ญศรีตามคุณแม่บ้านแสงไปยังตึกใหญ่นั้นเป็นเวลาราวสี่โมงเย็นแล้วแต่ได้ยินว่าคุณผู้หญิงเพิ่งตื่น


“คุณผู้หญิงท่านออกงานสังคมบ้างหลักๆแล้วคือช่วยคุณท่านดูแลคนงานต้อนรับแขกของท่านบ้างบางครั้งก็ต้องจัดเลี้ยงน้ำชาหรืองานสังสรรค์เล็กๆ ตอนบ่ายท่านจะเอนหลังงีบนิดหนึ่ง หลังจากตื่นแล้วท่านชอบจิบน้ำชาร้อนๆพร้อมกับขนมสักสองชิ้นหล่อนอย่าลืมเตรียมไว้ให้ด้วย”


แสงบุญบอกกับคนรับใช้คนใหม่ขณะพาเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินแผ่นสองข้างทางเป็นพุ่มไม้ดัดสลับกับดอกไม้เมืองหนาวดอกเล็กนานาพันธุ์หล่อนท่าทางซื่อเซ่อแถมไม่รู้กาลเทศะต้องขัดเกลากันอีกมาก


“ได้จ้ะคุณแสง”หล่อนรับปากส่งๆไปเพราะตากำลังจ้องตึกใหญ่อย่างตื่นเต้น “นี่บ้านคนหรือวังจ้ะคุณแสงใหญ่โตโอ่โถงเหลือเกิน”


แสงบุญหัวเราะน้อยๆก่อนจะยืดอกตอบ“บ้านคนสิหล่อน นี่ล่ะบ้านทัดเทวาล่ะหล่อนคงไม่เคยเห็นสิท่า” ใครไปใครมาก็ตะลึงอ้าปากค้างกันทุกคนแม้แต่แสงบุญเองตอนมาถึงใหม่ๆยังอดใจเต้นไม่ได้ทั้งตื่นเต้นทั้งภูมิใจในวาสนาของคุณหนูแพตตี้


“บ้านแบบนี้ฉันเคยเห็นแต่ในฉากละครจ้ะคุณไม่น่าเชื่อว่าจะได้มาเห็นของจริง สวยงามอลังการเสียยิ่งกว่าที่คิดไว้ เจ้านายท่านอยู่กันกี่คนเจ้าคะบ้านหลังออกใหญ่โต”


บ้านหลังใหญ่ที่เห็นอยู่ไกลๆนั้นเป็นรูปทรงตามแบบบ้านของพวกฝรั่งทั้งยังกินพื้นที่กว้างขวางจนโดดเด่นเห็นได้จากที่ไกลทั้งยังตั้งอยู่กลางลานกว้างที่มีไม้ยืนต้นเขียวชอุ่มปลูกรายรอบ ด้านที่หล่อนและแสงบุญเดินมานี้ก็เป็นทางเดินที่ตกแต่งอย่างดีคล้ายเดินอยู่ในสวนสวยที่เพ็ญศรีบอกตนเองว่าสวยกว่าสวนสาธารณะประจำจังหวัดเสียอีก


“ก็มีคุณท่านคุณผู้หญิง คุณหนู คนรับใช้ก็มีฉันกับนังแป้นนังกลอยอยู่ที่ห้องด้านหลัง”


“อ้าวก็ไหนว่าคุณหนูมีห้องอยู่ที่เรือน...นู้นด้วย” หล่อนไม่กล้าเรียกว่าเรือนคนใช้คนระดับเจ้านายทำไมจึงให้นอนเสียกับคนใช้ มันฟังดูแปลกๆ


“คุณผู้หญิงท่านไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับลูกหรอกหรือจ้ะ”


“นังเพ็ญเอ๊ยเอ็งนี่มันไม่รู้อะไร คุณหนูน่ะไม่ใช่ลูกของคุณผู้หญิงกับคุณท่านหรอก” แสงบุญยอมปริปากเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมานางสังเกตเห็นว่าคนครัวใหม่หน้าซื่อเซ่อแต่แววตาแฝงความอยากรู้อยากเห็นอีกทั้งดูท่าช่างพูดอยู่ไม่น้อยนางบอกให้รู้เสียเองจะดีกว่าไปซุบซิบนินทา กลายเป็นเรื่องไม่ดีไม่งามไป


“อ้าวไหงงั้นล่ะ” เพ็ญศรีเกาหัวยิก


“คุณผู้หญิงท่านเป็นเมียคนที่สองเมียคนแรกของคุณท่านน่ะเลิกรากันไปตั้งแต่คุณหนูคลอดใหม่ๆแต่คุณผู้หญิงท่านก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพียงแต่มันไม่สนิทใจเหมือนลูกแท้ๆ อีกอย่างคุณหนูอายุได้เกือบสามขวบแล้วซนเป็นลิงเชียวล่ะเอ็งเอ๊ยมีนังกลอยนั่นล่ะที่เอาอยู่”


“แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงไม่ถูกกันเรื่องธรรมดานะจ้ะคุณแสง”


“อีปากพล่อย”

จู่ๆแสงบุญก็หยุดเท้ากึกหันมาชี้หน้าตวาดคนรับใช้ใหม่เสียงดังก้องเพ็ญศรีนั้นตกใจแทบสิ้นสติหล่อนตัวสั่นขาแข้งอ่อนพาลทรุดนั่งยองๆยกมือไหว้ท่วมหัว


“เป็นขี้ข้าอย่าสะเออะนินทาเจ้านายคุณผู้หญิงท่านเป็นผู้ลากมากดีไม่มีความคิดต่ำอย่างนั้นหรอก”


“คุณแสงเจ้าขาฉันของประทานโทษ ปากพล่อยปากไม่ดีต่อไปจะไม่พูดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หล่อนยกมือไหว้ปลกๆแต่ในใจกลับสงสัย แค่พูดว่าแม่ลูกเขาอาจถูกกันแค่นี้คุณแม่บ้านถึงกับโกรธเป็นฟืนไฟผิดวิสัยคนรับใช้ทั่วไป


“จำใส่กะลาหัวไว้นะอีเพ็ญท่านเป็นเจ้าเป็นนายอย่าดึงท่านลงมาต่ำฉันนี่รับใช้คุณผู้หญิงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกรู้ดีว่าท่านเป็นคนมีเมตตาแค่ไหนเอ็งอย่ามาเอาความคิดตัวเองเหมารวมให้ท่านต้องด่างพร้อย”


เมื่อเพ็ญศรีมีท่าทางหวาดกลัวจนลนลานแสงบุญที่หน้าตาถมึงทึงราวกับนางยักษ์เมื่อครู่ก็กลับมีสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติและเดินนำต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“คุณหนูแพ็ตตี้ท่านสูงส่งเป็นถึงลูกคุณหญิงตราตั้งการศึกษาสูงจบเมืองนอกเมืองนากิริยามารยาทนี่ผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเดี๋ยวเอ็งจะได้เห็นว่าผู้ดีแท้ๆท่านกินอยู่อย่างไรจะได้สำนึกว่าอย่าเอาท่านมาล้อเล่น”


“คุณแสงคงอยู่กับคุณผู้หญิงท่านมานานสินะเจ้าคะ” หล่อนว่าแล้วไม่ผิด ลองถ้าจงรักภักดีขนาดนี้แสงบุญคงเป็นคนสนิทอันดับต้นๆ ของคุณผู้หญิงทีเดียว


“ฉันรับใช้คุณแม่ของคุณผู้หญิงเธอมาก่อนเป็นข้าเก่าที่ท่านเมตตาชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ท่านยังสาวๆ พอออกเรือนมีคุณหนูแพตตี้ก็เป็นฉันนี่แหละได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแกลองคิดดูนะเพ็ญถ้าไม่ไว้ใจจริงๆใครเขาจะฝากลูกตัวให้เลี้ยง”

แสงบุญยิ้มมากขึ้นเมื่อนึกถึงตอนนี้ ดวงตายาวรีนั้นลอยคว้างราวกับเคลิ้มฝัน บุญคุณของท่านท่วมหัวหล่อนเองก็รักคุณหนูราวกับเป็นลูกแท้ๆ ทั้งรักทั้งเกรงและจะติดตามรับใช้เธออย่างภักดีไปตลอดชีวิต


เพ็ญศรีแอบเบ้หน้าคุณแม่บ้านเพ้อไปใหญ่แล้วทีเรื่องตัวเองพูดเสียดิบดีก็เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าคุณผู้หญิงให้คนรับใช้เลี้ยงลูกติดของผัวเพราะไม่สนิทใจถ้าอย่างนั้นที่หล่อนพูดออกไปมันผิดปากเสียที่ไหนกันเล่า ตัวแม่เลี้ยงคงรังเกียจหรือไม่ก็ขี้เกียจเอามาเป็นภาระลงทุนจ้างคนใช้เพิ่มให้เอาเด็กไปเลี้ยงไกลหุไกลตาเสียที่เรือนคนใช้


เพ็ญศรีสังเกตได้ว่าคุณแสงบุญชอบให้หล่อนซักถามแม้ปากจะบอกรำคาญแต่หลายเรื่องหล่อนก็เล่าเสียเองด้วยความภูมิใจแท้ๆแต่เป็นการเล่าแบบที่หล่อนอยากให้เพ็ญศรีรู้และเชื่อตาม จะคิดออกนอกกรอบที่หล่อนวางไว้ไม่ได้แม้แต่น้อยแม่ครัวคนใหม่ยังได้เรียนรู้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าหากจะให้คุณแม่บ้านใหญ่คนนี้พอใจหล่อนไม่อาจพูดประจบเอาใจนางแต่เพียงอย่างเดียวแต่ต้องสรรเสริญคุณงามความดีของคุณผู้หญิงด้วยอีกประการหนึ่ง


ด้านนอกของบ้านทัดเทวานั้นว่างดงามแล้วภายในยิ่งสวยงามกว่าที่เพ็ญศรีคิดไว้เป็นพันเท่าแสงบุญพาหล่อนเดินเข้าสู่ตัวบ้านทางประตูด้านข้าง ผ่านห้องครัวสวยแบบฝรั่งไปสู่ห้องรับแขกที่จัดวางด้วยชุดรับแขกแบบหรูหราไม่ใช่เก้าอี้โซฟาบุหนังเทียมอย่างที่ขายกันตามร้านเฟอร์นิเจอร์แต่เป็นชุดเก้าอี้ชุดใหญ่ที่ออกแบบและเลือกใช้สีให้เข้ากับสีของผนังห้องและเครื่องเรือนชิ้นอื่น


ห้องโถงชั้นล่างนี้รายล้อมด้วยกรอบหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้แสงส่องผ่านจนสว่างสดใสผ้าม่านโคมไฟที่ผนังและโคมระย้าที่เพดานล้วนแต่มีลวดลายสีสันเข้ากันราวกับสถานที่ราชการใช้รับรองแขกบ้านแขกเมืองที่โดดเด่นกว่าใครคือบันใดเวียนกว้างที่กึ่งกลางบ้านทอดตัวคดโค้งอ่อนช้อยขึ้นสู่ชั้นสองทำจากหินอ่อนที่ทั้งสวยงามและหรูหราน่าเกรงขาม


“ชุดรับแขกนั่นเขาเรียกชุดหลุยส์สั่งทำพิเศษ ช่างต้องมาวัดพื้นที่เอาแบบ สีมาให้เลือก ห้องนี้ใช้รับแขกของคุณผู้หญิงเพราะกว้างขวางสะดวกยังมีห้องข้างบนอีกนะแต่นั่นเป็นห้องส่วนตัวสำหรับท่านได้พักผ่อนเอ็งเคยได้ยินไหมเก้าอี้ยาวแบบโซฟาตัวเดียวราคาแสนห้า เคยเห็นหรือเปล่า”


“แสนห้า” เพ็ญศรีถึงกับตาลุก “มันจะนุ่มนิ่มนั่งสบายสักแค่ไหนก็ไม่รู้นะคะคุณแสงมิน่าล่ะเขาถึงว่าวาสนาคนเราไม่เท่ากัน”


“เบาะทำจากหนังวัวแท้ทั้งตัวไม่มีรอยต่อเลยล่ะหล่อนเวลาลูบนี่นิ่มมือที่สุดแต่นั่งสบายไหมนี่ฉันไม่รู้เพราะไม่เคยอาจเอื้อมไปนั่งของท่าน”


ที่ชั้นล่างนี้นอกจากมีส่วนรับแขกและพักผ่อนของเจ้าของบ้านแล้วยังมีห้องอาหารที่เปิดไปสู่สวนสวยบริเวณด้านข้างซึ่งจะจัดโต๊ะรับประทานอาหารหรือจัดงานเลี้ยงเล็กๆจิบน้ำชาชมความงามในยามบ่ายแก่ก็ทำได้เนื่องจากอยู่ในทิศที่ได้ร่มเงาจากตัวตึกเองและต้นไม้ใหญ่น้อยบดบังแสงอาทิตย์จัดจ้าได้อย่างดีสนามหญ้าที่เห็นจากกรอบหน้าต่างนั้นเขียวขจีตัดแต่งเรียบเสมอกันตามโคนต้นไม้ก็ไม่มีใบไม้แห้งที่ร่วงเกลื่อนหรือถูกกวาดกองไว้จนรกสายตา


แสงบุญให้เพ็ญศรีนั่งรอเสียที่พื้นพรมใกล้กับชุดรับแขกชุดสวยขณะนางจะขึ้นไปเรียนคุณผู้หญิงท่านก็ลงมาเสียก่อน แสงบุญจึงรออยู่เสียที่เชิงบันไดประสานมือนอบน้อมแต่ก็มองท่านอย่างชื่นชมสุดหัวใจ


คุณผู้หญิงของบ้านทัดเทวาเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวสมส่วนแต่ในความคิดของเพ็ญศรีนั้นท่านติดจะผอมไปสักนิดใบหน้าสวยได้รูปจัดว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้สวยจนน่าตะลึงเช่นแม่วันเพ็ญศรีเพิ่งเข้าใจความคิดของบ่าวที่ภักดีอย่างแสงบุญว่าหงุดหงิดเพียงใดที่จู่ๆสาวใช้คนใหม่ก็หน้าตางดงามชวนมองเสียขนาดนั้นคุณแม่บ้านจึงได้บังคับให้แม่วันคลุมหน้าตาไว้ตลอด คงกลัวคุณผู้ชายถูกใจหล่อน แต่จะว่าได้หรือเรื่องแบบนี้คนใช้สาวสวยได้ไต่เต้าเป็นคุณนายบ้านเล็กกันมานักต่อนักแล้ว


คุณผู้หญิงมีผิวขาวผ่องอย่างผู้ดีที่ไม่เคยสัมผัสแดดลมนิ้วมือเรียวงามเคลือบสีอ่อนวาววามดูบอบบางเช่นคนไม่เคยทำงานหนักเพ็ญศรีเห็นชัดตอนที่หล่อนปิดปากหาวนึกขันในใจว่าคุณแม่บ้านบอกให้สังเกตว่าผู้ดีแท้ๆเขาอยู่กินกันอย่างไรมีกิริยาอย่างไร เพ็ญศรีก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรประหลาดกว่าชาวบ้านทั่วไป คุณผู้หญิงเธอเดินง่วงๆลงมาและปิดปากหาวก็เท่านั้นเพ็ญศรีเกือบจะหลุดขันเสียด้วยซ้ำไป


“แสงจ๋ามีอะไรให้หนูกินบ้างคะ นอนมากไปหน่อยข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินหิวจัง”


เพ็ญศรีอ้าปากค้างอีก อย่างแรกคือคุณผู้หญิงอายุก็เฉียดสามสิบเข้าไปแล้วยังแทนตัวเองว่าหนูฟังดูตลกพิลึก อีกอย่างไหนว่าท่านมักเอนหลังตอนบ่ายแต่ทำไมพูดเหมือนเพิ่งตื่นนอนเอาเย็นย่ำ หรือจะเป็นผู้ดีแต่เปลือกเสียก็ไม่รู้เพ็ญศรีเก็บความขบขันไว้ ค่อยเอาไปเม้าท์กับแม่วันนั่นทีหลัง แม่นั่นอาจไม่ช่างคุยแต่คงเป็นผู้ฟังที่ดี ชีวิตที่นี่จะได้ไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก


“แป้นเตรียมไว้แล้วค่ะคุณขา” แสงบุญส่งมือให้คุณผู้หญิงจับเพื่อพาเดินมาที่ชุดเก้าอี้ คุณผู้หญิงยังปิดปากหาวอีกครั้งก่อนจะเดินนวยนาดทรุดกายนั่งลงอย่างชดช้อย


“นี่คนรับใช้คนใหม่ค่ะเพิ่งมาถึงวันนี้ แม่เพ็ญกราบคุณผู้หญิงเสียสิ” แสงบุญบอกเพ็ญศรีพาซื่อกราบลงกับพื้นเหมือนกราบพระที่วัดคุณผู้หญิงหัวเราะคิกเห็นฟันขาววับเป็นระเบียบ


“เรารับสองคนไม่ใช่หรือจ้ะต้องให้ได้สองคนนะหนูจะเอาแป้นกับกลอยไว้ใช้ ไม่ให้วิ่งรอกทำกับข้าวกับเลี้ยงเด็กเปรตนั่นอีกหรอก” คุณผู้หญิงพูดเสียงสูงต่ำกลอกตาไปมาทำกิริยาเหมือนเด็กวัยรุ่นขัดใจคุณแม่บ้านก็รีบพูดเอาใจ


“ได้มาสองคนค่ะแต่อีกคนหนึ่งนั่นหล่อนสุขภาพไม่ดีไอค็อกไอแค็กทั้งวันหน้าตาผมเผ้าก็สกปรกรุงรังแสงเลยไม่พามากลัวจะทำบ้านเลอะเทอะ”


เพ็ญศรีมองคุณแม่บ้านตาค้างแต่เห็นอีกฝ่ายพูดอย่างไม่สะทกสะท้านจึงหุบปากเฉยเสีย


“ยี้คนสกปรกไม่ชอบอาบน้ำหรือเปล่าคะ หนูไม่ชอบเลยแต่ก็ดีแล้วค่ะให้เลี้ยงเด็กนั่นล่ะเหมาะแล้วชอบเล่นสกปรกตัวเลอะแถมร้องไห้กรี๊ดๆ ทั้งวันหนูเบื่อ บางวันปวดหัวจนนอนไม่หลับเลย”


แสงบุญขยับจะพูดแต่นึกขึ้นมาได้ว่าคนรับใช้คนใหม่นี่มันช่างสอดรู้สอดเห็นนักจึงหันมาสั่งเพ็ญศรี


“เพ็ญหล่อนไปดูของว่างมาให้คุณผู้หญิงทีห้องเล็กๆติดกับห้องครัวจะมีเด็กรับใช้อยู่คนชื่อแป้นหล่อนให้นังแป้นยกของมานะแล้วก็ถามนังแป้นว่าคุณหนูตื่นหรือยัง นังกลอยมันพาคุณหนูไปเล่นที่ไหนตัวหล่อนก็ไปบอกนังกลอยให้เอาคุณหนูไปส่งให้แม่วันแล้วค่อยเข้ามาที่นี่เข้าใจหรือเปล่าที่ฉันพูดนี่ ต้องให้พูดซ้ำไหม”


“เข้าใจเจ้าค่ะ” เพ็ญศรีคลานเข่าออกไปก่อนจะค่อยเดินเนิบช้าไปทางห้องครัว


“อ้วนอย่างนี้จะมาแอบกินของกินหรือเปล่าคะ” ภัคพรมองตามแล้วเบ้ปาก 

“คนเป็นแม่ครัวนี่หุ่นแบบนี้แทบทุกคนเลยหนูถึงไม่ชอบทำกับข้าว ขืนทำเองชิมนั่นชิมนี่ได้อ้วนฉุ”


หล่อนลูบหน้าท้องที่แบนราบทำหน้าแหยอย่างกลัวเป็นจริงจังแสงบุญต้องปลอบใจคุณหนูของหล่อนด้วยการลูบไล้แขนเรียวและพูดเอาใจ


“โอ้ยไม่อ้วนหรอกค่ะ ผอมเพรียวอย่างกับจะปลิวลมอย่างนี้ กินอีกเท่าไรก็ไม่อ้วนตอนนี้สบายใจได้แล้วนะคะ เด็กสองคนนั่นให้คุณหนูเรียกมารับใช้ได้เต็มที่ไม่ต้องห่วงอะไรอีก”


“แสงน่ารักที่สุดเลยหนูรักแสง”ภัคพรดึงมือเหี่ยวมาแนบแก้มอีกฝ่ายก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หัวใจพองโต


“เอาเด็กนั่นไปไว้ที่เรือนคนใช้คืนนี้เลยนะจ้ะกลางคืนเอาแต่ร้องกรี๊ดหนูนอนไม่หลับ”อันที่จริงถ้าหล่อนไม่นอนตื่นสายโด่ง ยามกลางคืนก็น่าจะนอนได้ไม่ลำบากนักแต่ภัคพรก็ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้


“คุณท่านจะมาเมื่อไรคะรอบนี้”


“โอ้ยไม่รู้เขา ขับรถแข่งบ้างไม่ก็เข้าป่าล่าสัตว์ทำอะไรก็ไม่รู้ ไปนานๆได้ยิ่งดีหนูเบื่อจะตายอยู่แล้วไม่รู้ทนมาได้ยังไงตั้งปี” ภัคพรชักสีหน้าชีวิตคุณผู้หญิงตระกูลเก่าแก่ไม่ได้เป็นอย่างที่หล่อนฝันสักนิดยิ่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยแล้ว หยาบเถื่อนถ่อยไม่มีสมบัติผู้ดีไม่สมกับเป็นคนมีเชื้อสายแม้แต่น้อย


“อย่าเพิ่งเบื่อสิคะลืมแล้วหรือคุณแม่สั่งมาว่าอย่างไร”แสงบุญลดเสียงลงแทบกระซิบ รอให้เด็กสาวนำถาดเงินวางกาน้ำชาและขนมปังชิ้นเล็กมาจัดวางตลอดจนเทน้ำชาร้อนๆควันกรุ่นให้จนเรียบร้อยและกลับออกไปจึงได้พูดต่อ


“ท่านอยากให้มีคุณหนูตัวเล็กๆเร็วๆทางนี้จะได้หมดข้ออ้างเรื่องจดทะเบียนสมรสเสียที”


“หนูไม่อยากมีนี่คะมีลูกก็อ้วนน่าเกลียดนมยานหย่อนคล้อย หมดสวยกันพอดี”ภัคพรเบ้หน้าทำท่าจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มแต่แล้วก็นึกขึ้นได้


“แสงปรุงรสให้หนูหน่อยสิคะ” หล่อนนั่งเอนหลังพิงโซฟาตัวสวยหยิบเอานิตยสารสำหรับผู้หญิงขึ้นมาเปิดแสงบุญกุลีกุจอเติมน้ำตาลเทียมและนมสดปรุงให้อย่างที่หล่อนชอบเจ้าตัวจึงได้ยกขึ้นจิบ


“ถ้ามีลูกกับท่านเมื่อไรฐานะของคุณหนูจะมั่นคงขึ้นอีกมากรู้ไหมคะเมียคนก่อนของท่านได้ไปเท่าไรสิบล้านบาทค่ะเฉพาะเงินสดเท่านั้น ยังมีเครื่องเพชรเครื่องทองอีกพะเรอแถมโฉนดที่ดินกลางกรุงอีกแปลงแปลงเล็กๆ เนื้อที่ไม่ถึงไร่ แต่มูลค่าเท่าไรรู้ไหมคะเจ็ดสิบห้าล้านค่ะ” แสงบุญตื่นเต้นนักกับเรื่องที่ “เขาว่า” มา นั่นคือมูลค่าของเด็กชายวัยสามขวบคนนั้น ทายาทรุ่นหลังเพียงคนเดียวของทัดเทวา


ตระกูลทัดเทวาเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดลูกหลานมาหลายชั่วอายุคนทรัพย์สมบัติทั้งที่ดินและหุ้นส่วนในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่กลับมีผู้สืบทอดสายตรงน้อยจนแทบจะนับหัวได้ในแต่ละชั่วอายุจะมีบุตรชายเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นไม่มากไปกว่านี้


“โอยรู้สิคะคุณแม่ก็บอกหนูมาแบบนี้เหมือนกันแล้วแสงไม่รู้หรือคะว่าตอนหย่าหล่อนได้มากกว่านั้นตั้งกี่เท่า บางทีถ้าหนูเลิกกับเขาอาจได้เงินมากกว่าสินสอดที่เราได้มาก็ได้นะคะ” ภัคพรกลับมองเป็นเรื่องน่าขัน


“ต๊ายคุณหนูพูดอะไรอย่างนั้น”


“ก็จริงนี่คะหนูชักจะเบื่อแล้วนะ แรกๆก็สนุกดีหรอกแปลกหูแปลกตามีเงินให้ใช้คล่องมือแถมได้ไปเมืองนอกตามใจอยาก แต่ตอนนี้หันไปทางไหนก็เซ็งค่ะแล้วดูคุณสามีสิคะไปไหนก็ไม่รู้ตะลอนไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดยานน้ำ ส่วนหนูได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่กับสมบัติบ้าที่ไม่ใช่ของเรา”


“ทูนหัวก็อย่าคิดมากถ้ามีลูกเมื่อไรก็เป็นครอบครัวสมบูรณ์คุณท่านก็อยู่กับคุณหนูไม่ไปไหนหรอกค่ะ”


“แสงไม่รู้อะไรเขาทำหนู...เจ็บ” หล่อนบอกเสียงเบานัยน์ตาเคียดแค้นชิงชัง


“คุณหนู” แสงบุญตกใจจนต้องยกมือทาบอก


“จริงนะจ้ะเหมือนสัตว์สมสู่ ระบายความใคร่ทำๆแล้วก็ไปไม่มีเรื่องอารมณ์ความรู้สึกสักนิด เห็นแก่ตัวที่สุด”


“เจ้าประคุณเอ๊ยผัวเมียกันค่ะ”นางได้แต่ตื้อในอกเวทนาคุณหนูที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนลูกกลับต้องตกเป็นเครื่องมือแสวงหาความร่ำรวยของครอบครัว


“คุณท่านก็ยังมีข้อดีท่านไม่เคยชวนทะเลาะตบตีเหมือนครอบครัวอื่น”


“เย็นชาต่างหากคะทั้งเย็นชาทั้งอวดดีถือตัว เชอะ ถ้าไม่มีเงินคิดเหรอว่าหนูจะเอา” ภัคพรเหยียดยิ้มรังเกียจ 

“คอยดูนะจะกอบโกยเอาไปให้มากที่สุดได้พอแล้วหนูจะหนีไปให้ไกลเลยทีเดียว เหมือนแม่คนนั้นไงคะเมียคนเก่าของเขาหนูเข้าใจดีทีเดียวว่าทำไมหล่อนถึงได้หย่า ใครจะทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้หนูอยากรู้นัก”




 

Create Date : 11 มกราคม 2558
0 comments
Last Update : 13 มกราคม 2558 8:00:10 น.
Counter : 713 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.