การรักษาแผลไหม้และถลอก โดยเน้นความชุ่มชื้น( MOIST WOUND HEALING)
จาก Blog ที่ผ่านมาแผลที่ลาเต้ได้รับคือลักษณะแผลถลอก ทีเกิดจากการเสียดสี เป็นลักษณะแผลแบบไฟไหม้ ไฟลวกค่ะตอนแรกๆ อรก็ไม่คิดว่าคุณหมอสัตว์แพทย์ที่รักษาลาเต้ จะใช้วิธีการรักษาแบบปกติ เป็นแบบ เทเบตาดีนฆ่าเชื้อ ตามด้วยทำให้แผลแห้งซะอีกแต่ไปๆ มาๆ คุณหมอที่ โรงพยาบาลสัตว์กลับทำให้อรแปลกใจมากเหมือนกัน เพราะเขาจัดการรักษาลาเต้ด้วยการรักษาแบบที่ใช้ในการรักษาแผลถลอกและแผลไหม้แบบใหม่ หรือที่เรียกว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น หรือที่เรียกแบบภาษาอังกฤษว่า MOIST WOUND HEALING แทนค่ะ จริงๆ MOIST WOUND HEALING หรือการรักษาแผลแบบชุ่มชื้นนี้ เป็นทฤษฎีที่คิดกันขึ้นมาใหม่ในการรักษาแผลค่ะ จากที่เมื่อก่อน เราจะเชื่อกันว่าบาดแผลที่เป็นลักษณะถลอกหรือเปิดแบบนี้ ควรจะรักษาโดยการทำให้แผลแห้งให้มากที่สุด เพราะความชุ่มชื้นจะทำให้ปากแผลเป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียก และทำให้แผลหายช้าลง การที่ให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บใต้สะเก็ดแผล (scab) จะทำให้แผลหายได้ไวกว่าจนกระทั่งมีการศึกษาและพิสูจน์ จากแผลไฟไหม้ และเปิดที่เกิดจากความร้อน และพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากแผลไฟไหม้ขั้นรุนแรง มักเกิดจากการติดเชื้อที่ปากแผล (septicemia) ดังนั้นเลยมีการสนใจเกี่ยวกับการทายาฆ่าเชื้อที่บริเวณปากแผลที๋โดนไฟไหม้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดทีเกิดจากแผลไฟไหม้เป็นวงกว้างแทนแต่จากการศึกษา ก็อีกเช่นกันค่ะ การทายาฆ่าเชื้อที่บริเวณปากแผลจะมีผลทำให้กลไกลการรักษาของร่างกายช้าลงโดยเฉพาะการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ (re-epithelialization)หลังจากนั้นจากการศึกษาที่มากขึ้น มีการเปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อเสียของการรักษาแบบเน้นให้แผลแห้ง และสะอาด กับการรักษาแบบชุ่มชื้น ก็พบว่าในกรณีแผลเปิดที่ไม่มีความลึกของแผล และไม่ได้เกิดการไหม้(non-burning wound) เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างความรักษาแบบแห้ง กับแบบเปียก การรักษาแบบแห้ง จะพบว่า บริเวณเซลล์ผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปมีการตายได้ง่ายกว่าเซลล์ epidermis ใหม่ที่บริเวณรอบๆ ผิวจะเคลื่อนที่มาสร้างพื้นที่ผิวได้ช้ากว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น (impediment of Cell migration)ออกซิเจนจะซิมเข้าเซลล์น้อยลงกว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น และสารอาหารที่นำมาหล่อเลี้ยงพื้นผิวบริเวณที่เสียหายจะช้าลง รวมถึงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับการรักษาแบบชุ่มชื้น จะพบว่า มี fluid linings อยู่ที่บริเวณผิวที่เสียหายใช่ไหมคะ fluid lining หรือลักษระ film ของเหลวที่เคลือบแผลเอาไว้ เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเวลาที่มีการบาดเจ็บค่ะ ข้อดีคือ การที่มี Fluid lining ส่วนนี้เอาไว้ จะช่วยให้ epithelia ข้างๆปากแผลเข้ามาซ่อมแซมแผลได้ไวขึ้น และ collagen ที่มีอยู่ในเซลล์ผิวหนัง จะมีการเคลื่อนที่มาซ๋อมแซมผิว ทำให้ผิวมีความยืนหยุ่นที่ผิวเพิ่มขึ้น และแผลไม่ลึกเท่ากับการรักษาแบบแห้ง(Credits: ภาพโดย website //www.burnsurgery.org/Betaweb/Modules/moisthealing/part_2.htm ค่ะ) ในการรักษาแบบนี้ จะเน้นพลังในการรักษาตัวเองของร่างกายค่ะสิ่งที่เป็นข้อดีของการรักษาวิธีนี้ ก็คือ เซลล์จะมีการฟื้นฟูตัวเองได้ไว ทำให้แผลหายไวขึ้น การเจ็บปวดจะลดลง เนื่องจาก fluid linining ที่หุ้มเอาไว้จะทำหน้าที่ช่วยลดการส่งสัญญาณที่ปลายเซลล์ประสาทบริเวณผิวหนัง ทำให้เจ็บได้ลดลงอีกด้วยนะคะ แต่การรักษาแบบนี้ตั้งแต่ ครั้งแรกที่ได้แผลมาจะเน้นการล้างแผลด้วยสารที่มีลักษณะความเข้มข้นของสารใกล้เคียงกับของเหลวในเซลล์มากที่สุด (โดยมากจะเป็น 0.9% normal Saline) มีการทำครีมที่ป้องกันการติดเชื้อแบบบางๆ (หรืออาจจะกินยาปฏีชีวนะด้วยก็ได้ ในกรณีแผลใหญ่) เช่นพวกครีมที่มีส่วนประกอบของ zinc oxide (ZnO2) เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแบคทีเรียหลังจากนั้นก็มีการทาครีมที่มีลักษณะเป็น film บางๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากอากาศสู่ปากแผล (เช่น Cavilon ของ 3M) การรักษาแผลรูปแบบนี้ ใช้ได้ดีสำหรับแผลถลอก หรือแผลไหม้ที่ไม่รุนแรงนักค่ะ และการรักษารูปแบบนี้ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า6 ขวบ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ เนื่องจากเด็กๆ อาจจะมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงแบบผู้ใหญ่ค่ะ