การเดินทางในช่วงสัปดาห์
ห่างจากไดเกือบสองสัปดาห์แล้ว โอเค ก็จะมาเล่าว่าต่อจากนั้น 27 มิถุนายน....เอย มันพฤษภา...ก็ไปราเมงอีก จากการที่ได้ลิ้มรส sendai mokkori มิโสะของเขาทำหวาน เราจะไปอีก ออ ก่อนวันศุกร์วันนั้นมีการรับรู้ข่าวลือว่า sendai ทองหล่อจะยกเลิกหรือไม่ ด้วยความอยากกิน sendai เราจะเดินทางจากมีนบุรีไปสีลมแต่หกโมงเช้าโดยประหยัดก่อน(ไม่ใช้ taxi ) เพื่อไปถามสาขาสีลมถามคำถามการยกเลิกทองหล่อให้แน่ใจ การไปสีลมบางรักจากมีนฯ ใช้ 514 เพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดิน ตอนนั้นจู่ๆก็ได้ 514 ที่ไม่ผ่านน่ะ บอกเขาว่า ลง THE MALL บางกะปิละกัน บางคนก็ไม่รู้ว่ารถจะไม่ผ่านไปที่จะลงอย่างที่คิด ที่ THE MALL บางกะปิในช่วงเช้าๆ เราก็ดูรถเมล์ไปเรื่อยๆ จำไม่ได้แล้วสิว่าเราขึ้นสายไหนนะ มันไปสถานีรถไฟใต้ดินแบบว่ามันตรงจากสี่แยกรัชดาไปรถไฟใต้ดินลาดพร้าว เรามีเวลา เราก็ลง ขึ้นสะพานลอยข้ามฝั่งและเดินไปหาศาลยุติธรรมรัชดา ซึ่งเคยเป็นที่ทำงานของแม่เราก่อนจะเกษียณ ไปกินโจ๊กในโรงอาหาร รปภถามว่า มาเยี่ยมใช่ไหม เราก็ตอบว่า ใส่กางเกงขาสั้นเลยไม่ได้เข้าศาล เราแค่มาโรงอาหาร ช่วงเวลาเช้าๆที่มีเยอะ ก่อนที่ร้านราเมงทั่วไปจะเปิดใน 11 โมง เรากินอะไรเสร็จก็กลับไปรถไฟใต้ดินใกล้ศาลที่อยู่ใกล้ไม่ขึ้นสะพาน จะไปสถานีสีลมครับ จากลาดพร้าวไปสีลมใช้เงิน 40 บาท ด้วยความรู้จาก INTERNET ลงสีลมแล้ว ต่อรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดงตรงรถไฟใต้ดินนั้นเพื่อไปนนทรีย์ (แค่สถานีเดียวเอง) รายละเอียดเป็นไงนะ เหมือนจะลืมเลือน เมื่อลงนนทรีย์ เราเหมือนต้องย้อนอะ ราเมงมันอยู่สุรวงศ์ นราธิวาส 1 จำได้อยู่ว่า สี่แยกนึงที่เราเดินทาง ไปผิดทิศผิดทางจนถามมอเตอร์ไซค์รับจ้าง "พี่ๆ นราธิวาสไปทางไหน " เขาชี้ให้เราเห็นว่าเราอยู่อีกทิศ =_= อือ เราก็ไปถนนถูกแล้ว ข้ามฝั่งไปยังซอย 1 ซอยนี้ก็เคยมีประวัติว่ามาเที่ยว(แต่ตอนนั้นเป็น TAXI จากรัชดาซึ่งแถวนั้นไม่ค่อยจะไปถูกด้วย) มีประวัติว่า มาร้าน GANTETSU พอเราเข้ามา เราก็มองไปเรือยๆ แปลกใจจังว่า ทำไมเขาให้นราธิวาสเป็นแหล่งร้านราเมง เท่านั้นแหละ พอรู้ว่าการเดินทางมาถึงก่อนเวลาสักหนึ่งชั่วโมง เรานี่นั่งสูบบุหรี่หน้าร้าน SENDAI เดินชมนราธิวาสทะลุออกทานตะวัน ปลายซอยมีราเมง TEI ด้วย ทั้ง GANTETSU และ TEI เป็นร้านที่เข้าแล้วในย่านญี่ปุ่นธนิยะ สังเกตดูถนนทานตะวันในซอยนราธิวาส เหมือนจะเห็นร้านอุด้งด้วย เราซื้อน้ำดื่ม รอ รอ รอ ร้าน SENDAI เปิด พนักงานเป็นกันเอง มีสองแม่ลูกชายมาเข้าร้าน เราก็ได้ถามเรื่องทองหล่อ และเห็นลุงแว่นชาวญี่ปุ่น เขาว่ากันว่าชายคนนี้มีชื่อเสียงที่นอกจากทำราเมง เขาเป็นนักแสดงเสริมในละครคู่กรรม เห็นเมนูแล้ว เอ๊ะ ยังต่างจากทองหล่ออยู่นิดหน่อย ในทองหล่อมีคารามิโสะ ในสีลมเราสั่งมิโสะใส่เนย ด้วยความที่ติดใจมิโสะหวานๆทองหล่อ อิ่มแปร้เพราะปริมาณที่มาก ไม่คิด VAT ด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามา SENDAI อีก พนักงานเขาก็บอกว่า ทองหล่อกับสีลมเป็นแฟรนชายน์ ถ้าทองหล่อยังไม่ปิด เราจะไปต่อจากนั้น เราซดหมดชามเลยครับที่สีลม ญี่ปุ่นคงจะชื่นชมเรา ^^ ว่าเป็นการเคารพราเมงแบบที่ญี่ปุ่นเขาเป็น เราออกจากนราธิวาสเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟ จำรายละเอียดไม่ได้เท่าไหร่ รู้แค่ว่า เราใช้การเดิน เราไม่รู้ระยะทางก็ได้นั่งมอเตอร์ไซค์บอกว่าสถานีรถไฟ BTS พอรู้ว่ามันอีกนิดเดียวถึง เราอายมากจึงขอให้เขาเปลี่ยนไปส่งใต้ดินแทน จะไปทองหล่อก็ต้องใต้ดินไปสุขุมวิท ใต้ดินนั้นจะส่งเราลงสุขุมวิทแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่า อโศก เราจึ้น BTS ไปทองหล่อ ทองหล่อ อ๊ะ ก็ไม่ได้ยกเลิกไป ข่าวลือก็แค่ข่าวลือ เสียดายอะ มาสั่งคารามิโสะแล้วซดไม่หมด เพราะท้องเราไม่ได้ว่างแล้ว =w= ชาวญี่ปุ่นเจ้าของ sendai ทองหล่อกล่าว อาริงาโตะโกไซมัส เรื่องราเมงยังมีต่อ ในวันอาทิตย์ เราก็มาทองหล่ออีก จากการที่ google แม่งอ้างว่า ke sei ki ramen ปิดถาวร วันอาทิตย์วันนั้นก็เห็น ke sei ki ปากซอยแล้ว นอกจากจะเคยกินในทองหล่อ 13 เรามาเร็วไปหร่อย อยากรู้ว่า ke sei ki ขายไหม เพราะไม่มีนาฬิกาดู ก็แอบเดินไป sendai ก็เป็นเวลาที่ร้านยังไม่ได้เปิดบริการ พนักงานผู้สวมหมวกเป็นคนไทยที่อยู่ในร้านก่อนชาวญี่ปุ่นเจ้าของร้านจะมา เราติดใจราเมง แต่วันอาทิตย์วันนั้นเราจะเข้า ke sei ki
พนักงานผู้สวมหมวกชาวไทยก็ต้อนรับเราให้นั่งในร้านฆ่าเวลาได้ ดูนาฬิกาเข็มท่แขวน เราไม่ได้สั่งราเมง เราจะลองข้าวแกงกราหลี่ของ sendai บ้าง เราคิดว่าปริมาณต้องมากจนอิ่ม แต่ไม่ใช่ ที่ทำให้อิ่มเลยคือเมนูราเมง พนักงานสาวยังจำเราได้ จากวันศุกร์ที่เดินทางจากสีลม Ke sei ki เข้าไปสั่งสูตรสีส้ม เราชอบสีนี้โดยเฉพาะ เราให้ ke sei ki เป็นราเมงร้านโปรดร้านหนึ่งในใจเรา ด้วยความเข้มซุป แต่ถ้าเราไม่สั่งสีส้ม เราเคยสั่งแดง ก็เคยแต่มันนานมากแล้ว . เรื่องราเมง มีต่อในจันทร์ และ อังคาร วันจันทร์เราเดินทางตอนสี่โมงเย็น สงสัยเรื่องหนึ่งที่ google ไม่ได้บอกว่า misawa ramen รัชดาซอย 8 หายไป พอเรานั่ง taxi จากมีนฯมารัชดาเนี่ย ซอยนั้นมันถูกปิดทำลายไปนานแล้ว google ก็ดันไม่รายงานว่ามันจะไม่มีร้านนี้ ค้นพบราเมงในเอสพลานาดรัชดา เขาให้ฉายาว่า ร้านราเมง "ลุงสู้ชีวิต" ลุงเป็นคนญี่ปุ่นน่ะ จากการเดินทางมารัชดาแล้วรถมันติด ราเมงเราเลยได้รับประทานตอนทุ่มเลย โอเค เราจะเดินทางต่อไปยังธนิยะ ด้วยใต้ดิน ตอนนั้นธนิยะจู่ๆก็ เต็มไปด้วยสาวๆเชียร์ลูกค้า เสียดายวันนั้นไม่ได้พก tablet ไว้ถ่าย เห็นร้านราเมง uchidaya บอกว่า เป็นสาวเรียกลูกค้าสำหรับ karaoke ล่ะมั้ง หรือไม่เราหูไม่ดีก็ได้ยินเขาว่าเป็น kaaraoke ร้าน uchidaya ชอบด้วยเอกลักษณ์น้ำซุป เคยกินซุปกระดูกหมุมา ก็ลองราเมงแดงบ้าง โอเค ร้านนี้เป็นเส้นเล็กในเมนูปกติ ร้าน gantetsu มีเมนูใหม่มาให้ลองครับ เป็นซุปกราหลี่ผสมผสานกระดูกหมู ร้านนี้เส้นปกติจะไม่ได้เล็ก พนักงานสาวยังจำเราได้อยู่ แม้ว่ามันจะเป็นปีกว่าแล้ว ^^ ทรงผมเราก็ไม่เหมือนเดิมยังจำเราได้ วันอังคาร ครับ เราไม่ได้นอนทั้งคืน กำลังค้นดูข้อมูลไปเรื่อยๆ หาคำตอบให้ได้ว่า มีนฯ ไป พระจอมธนฯ อย่างไร เราเลือกเส้นทางนี้ มหาลัยรามคำแหงต่อรถตู้เคหะธนฯน่ะ สี่สิบบาท ตอนนั้นเราออกมาแค่ตีห้าต้นๆเอง ขึ้น 113 ไปลงราม แม่ก็โทรมาระหว่างนั่งรถตู้ แม่เองก็ไม่รู้ว่าการเดินทางใช้เวลาขนาดไหน รถตู้เคหะธนฯใช้ทางด่วนตลอด มันถึงซอยสุขสวัสดิ์ กม 9 ไม่ได้เกินหนึ่งชั่วโมง เราเดินเรื่อยๆ จนถามคนแถวนั้นว่า พระจอมฯอยู่ไกลไหม ปรากฏว่า กิโลกว่า และถ้าจะคุ้มก็ควรเข้ามาด้วยรถสองแถว (อินเตอร์เนทกล่าวกันว่า รถกระป๋อง ) ขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปครับ เท่านั้นแหละ ความรู้สึกไม่ใช่กิโลกว่า มันเกือบจะสามกิโลแล้ว สถานที่นี้ในช่วงเช้า ถ้ายรูปไว้ด้วยครับ ลง fb มาพระจอมธนฯ มาทำอะไร จุดประสงค์ที่มาก็ ร้านญี่ปุ่นประจำมหาวิทยาลัย ราเมง.....แค่เนียะ? เราก็มาเร็วอีกแล้ว จนกระทั่งร้านเปิดสิบโมง ที่นี่ราเมงราคานักศึกษา ชามละ 105 บาทครับ ตอนกลับบ้าน เรากะจะให้ taxi ออกสุขสวัสดิ์ปากซอย ว่าจะได้รถตู้ แต่เราสังเกตรถสองแถวที่จะนำพาเราออก มันไม่ใช่ออก กม 9 สุขสวัสดิ์ มันเป็นอีกอย่าง แต่ดีนะ ตรงใต้สะพานมีรถตู้ที่จะเดินทางกลับไปยังมหาลัยราม ชื่อ แสมดำ-รามคำแหง การที่รู้จักทุ่งครุ ยังมีราเมงอีก ชื่อ สุดยอด(เห็นเขาบอกว่าเริ่มเปิดก็ห้าโมงเย็น) โอ๊ย (วันนั้นวันอังคารเขาปิดอังคารครับ) ครับ เรื่องราเมงติดต่อมาก็เท่านี้ กว่าเราจะกลับมาไดอารี่ก็ปาไปเกือบจะสองสัปดาห์เลย เมื่อวันอาทิตย์ท่ห้า เราดูหนังโป๊แนวหนึ่ง เกิดอารมณ์สูง ดูแล้วอยากเที่ยวผู้หญิง บอกแม่ว่าขอเบิกเงินล่วงหน้าในวันนั้น(ทุกครั้งจะได้วันจันทร์) เราสังเกตป้ายรับพนักงงานนวดซึ่งเห็นตอนที่นั่งรถเมล์เดินทางระหว่างถนนรามคำแหง เป็นแหล่งใหม่ของเรา เราได้เงินมาก็นั่ง taxi ไปตามถนนรามคำแหง เราเจอป้าย เราลงครับ ว้า เก้าโมงเอง ต้องเที่ยวซื้อน้ำรอจนกว่าจะเที่ยง ที่นี่ มีสามราคา พันหก พันเก้า สองพันสาม เราใช้บริการพันเก้า แต่เราก็สงสัย สองพันสามมันจะมีทีเด็ดขนาดไหน เขาว่าไม่ต่างกัน ว้าว ห้องเป็นอ่าง ทุกที......ทุกทีเลย ไม่ว่าเราจะทำหมอนวดคนไหน มันต่างกับตอนอยู่คนเดียว อารายวะ พอได้ผู้หญิงจริง อารมณ์มันหายไปไหนอะ ตอนที่บริการ หมอเขาเสร็จเร็วกว่าเรา เป็นแบบนี้ทุกคน เราไม่สามารถหลั่งออกระหว่างอวัยวะเพศ ต้องเอามาชัก และสักพัก ชักไป อวัยวะเพศแม่งหดเล็กลงได้ อยู่คนเดียวก็หลั่งได้ไม่เกินสี่นาที พอได้ผู้หญิง สัด นกเขาไม่ขันอะ โทษใครดีวะ ชีวิตกูทำไมเป็นอย่างนี้วะ นกเขาไม่ขัน ถ้าเป็นเรา เราเลือกสมรรถภาพทางเพศแบบหลั่งง่ายมันจะดีกว่านะ เพราะเราจะหลั่งมันให้หลายทีกับหมอนวดเลย แต่นี่สิ ไม่หลังง่าย ต้องเอาออกมาใช้มือนัวเองเกินสิบนาที ถ้าเราแต่งงานกับใครสักคน มันจะมีลูกยากไหมเนี่ย นกเขามันไม่ขันอะ เอาล่ะเรื่องไดอารี่ เรื่องราเมงติดต่อกันมันก็ทำให้เบื่อราเมงเลย แต่เรื่องช่วยตัวเอง(กรณีคนเดียว ไม่มีผู้หญิง) ทำไมมันไม่เบื่อบ้างอะ ^^
Create Date : 06 มิถุนายน 2559 |
|
1 comments |
Last Update : 6 มิถุนายน 2559 10:14:04 น. |
Counter : 501 Pageviews. |
|
|
|