1 อาทิตย์ผ่านไป
ผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์ค่ะ สำหรับควอเตอร์นี้ อิอิเป็น 1 อาทิตย์ที่รู้สึกแปลก ๆไม่ยุ่ง ออกจะว๊างงงงงงง ว่างงงงงงงง ด้วยแต่เป็น 1 อาทิตย์ที่ไม่สบายใจเอาซะเลยในหัวมีอะไรที่ต้องคิด ๆ ๆ ๆ ตลอด คิดว่าจะทำอะไร ต่อไป ยังงัย....แต่ไม่ทำ เอริ๊กกกกกกกกกกกกกกกตอนเรียน ม.ปลาย จำได้เลยว่ามีอาจารย์คนนึงพูดไว้ว่า...คนเราจะทำอะไรได้ดีที่สุด เมื่ออยู่ในภาวะกดดันเล็กน้อย นึกกันออกป่าวคะ...ถ้าไม่กดดันเลย เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ งานก็จะไม่เสร็จแต่ถ้ากดดันมาก ๆ ๆ ๆ ก็พาลจะสติแตกไปซะก่อน เราเชื่อคำพูดนี้และยึดถือเป็นคติประจำใจมาโดยตลอดค่ะ (พยักหน้าหงึก ๆ ขณะพิมพ์)เพราะฉะนั้น...งานทุกอย่างจึงจะเริ่มทำตอนใกล้ ๆ deadline ไปซะหมดกร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่กดดันทำไม่ได้เว้ยเฮ้ย..เริ่มควอเตอร์มา สิ่งแรกที่วิ่งเข้าชน deadline ก่อนเรย ก็คือ statement of purpose ค่ะ จำได้ว่าตอนสมัครเรียนโท...ใช้เวลาเขียนอยู่เดือนกว่า...ตรวจแล้วตรวจอีก ส่งให้คนโน้นคนนี้ดูจนพรุนไปหมดคราวนี้สมัครเรียน PhD...เค้าให้เวลาเขียนเดือนกว่าเหมือนกันใช้ไป 3 วันถ้วย เย่ยยยยย ถ้วน 3 วันแห่งความหฤหรรย์3 วันแห่งความทรมานนนนนน 3 วันนนนนนนนนนนนนน(นึกว่าเราแย่แร้ว ไปคุยกะเพื่อน มันบอกมันเขียน 3 ชั่วโมงเอง เอริ๊กกกกกกกก)ไม่รู้ว่าปัญหาของเรากะไอ้ writing นี่มันเป็นงัยมันไปกันไม่ได้เรย ศรศิลป์ไม่กินกันอย่างมากกกกกกกกกไม่รู้จะอธิบายความคิด (ที่ไม่ค่อยมี) ออกมาเป็นคำพูดที่สละสลวย ชวนอ่าน และเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรเฮ้ออออออออออออออ ไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน....แล้วก็ไม่รู้ว่าจะแก้ยังงัยมึนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเฮ้อออออออ!!!ต่อจากนี้ก็จะมีอีกหลาย ๆ อย่างที่จะทยอยกันวิ่งเข้าชน deadline ค่ะไม่รู้จะมีคนเป็นเหมือนเรารึป่าวหลายครั้งที่มีอะไรวิ่งเข้ามาเยอะ ๆ เราก็ยังมีศรัทธานะศรัทธาในตัวเอง....ว่ายังงัยเราก็จะผ่านมันไปได้แหละตอนนี้ไม่รู้ล่ะ ว่าต้องทำยังงัย...แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะยังงัย เราก็ต้องผ่านไปได้จิดวงดี พระคุ้มครองซะอย่าง แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย