ชีวิต โดยลำพัง......กรำเส้นทาง อย่างอ่อนล้า......สลบไสล ใต้ชายคา......ณ เบื้องหน้า วิหารร้าง
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
26 ตุลาคม 2550

ภูหินร่องกล้า เมื่อปลายฝนต้นหนาว : ในฐานะอุทยานธรรมชาติ และอุทยานประวัติศาสตร์

นานๆ ทีมีโอกาสขึ้นเหนือ และคราวนี้ก็ได้รอบมาเยี่ยมเยือนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สัญลักษณ์และอดีตสมรภูมิรบของความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคมไทยอย่างยาวนานหลายทศวรรษ

มาเดี๋ยวนี้ ดอกไม้นานาพันธุ์ที่เคยเปรอะเปื้อนคราบคาวเลือด และราวเหมือนไร้ผู้เหลียวมอง ก็แย้มบานเป็นหลากสีสันเย้ายวนให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้ชื่นชม

น่าเสียดายที่เวลาได้ล่วงเลยจายปลายฝนสู่ต้นหนาว เข้าสู่หน้าแล้งเต็มขั้นแล้ว หลายชีวิตที่เคยสดชื่นกับฉ่ำฝนอันแสนชุ่มชื้น ก็เริ่มฉาวตามฤดูกาลที่ผลัดเปลี่ยนไปมา

แล้วสายตาก็เริ่มสาดส่ายสำรวจชีวิตพืชพันธุ์ตามสองข้างทางเดินที่ก้าวย่างไป

แม้แต่ดอกกระดาษอันแสนทนทานที่หน้าโรงเรียนการเมืองการทหาร ก็ไม่เว้น



แม้จะมีบ้างที่เริ่มบานใหม่ก็ตาม



ดอกม่วงสด หญ้าข้าวกุ่ม ผลุดจากซอกหินที่ยังคงมีสายน้ำหลงเหลือหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้อยู่



กล้วยไม้ดิน เอื้องคำ ? ที่ยังพอทนแล้งได้อีกสักระยะ



ดอกหญ้า ? ที่เริ่มสลัดกลีบ



ดอกหญ้าคาที่ทนทานกับความแห้งแล้งที่กำลังมาเยือน




ชงโค ไม้ดอกบ้าน สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาแซมในผืนป่าสูงแห่งนี้
แต่ภูหินร่องกล้าก็โอมอุ้มไว้อย่างอบอุ่น



แม้แต่บัวตอง ก็มาปักหลักปักฐานที่นี่



แต่ดอกไม้ต้นสายพันธุ์ ดอกเทียนน้ำ เจ้าบ้านมานมนานก็ยังคงแย้มยิ้มกับทุกการเปลี่ยนแปลง



กล่าวกันว่า ฉัน ดอกเอนอ้า? เป็นสมุนไพรที่ขึ้นเกลื่อนไปทั่วลานหิน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันคือใคร แม้ตัวฉันเอง



หญ้าหนวดกุ้ง ขนาดไม่เกิน 1 เซ็นติเมตรอย่างฉัน จะมีใครสนใจบ้างเล่า
ก็คงเพียงแต่เดินเหยียบย่ำผ่านไปเท่านั้นเอง



แต่ฉันที่ไม่ทราบนาม ก็ยังคงทนแล้ง ทนหนาวได้อีกสักพัก



แล้วก็เริ่มแตกผล สีน้ำเงินสดนี่ไง



หนวดฤๅษี ญาติกับตระกูลมอสชนิดหนึ่ง ที่เคยขาวโพนแผ่เป็นผืนคลุมแผ่นหินทั้งลาน ก็ไม่เว้นที่ต้องเริ่มชราภาพ



ชีวิตน้อยๆ ที่ไม่ใช่งู ไม่ใช่ปลาไหล ไม่ใช่จิ้งเหลน
แล้วทำไมถึงได้เลื้อยดิ้นไปมาอยู่บนลานหินอาบแดดยามฟ้าสางเช่นนี้หนา
แท้จริงแล้ว ฉันคือเขียดงู ชอยอยู่ในป่าธรรมชาติที่แดดส่องถึง ผู้คนเจอฉันน้อย และก็ศึกษาฉันน้อยด้วย แทบไม่มีใครเคยเจอ บางคนเข้าใจว่า ฉันเป็นงูดิน
เปล่าเลย ฉันคือ เขียดครับ เพียงแต่ไม่มีขา



ม่วงสด อย่างปลายเข็มหมุด ดอกโชสิตา ดอกไม้กินแมลง ขนาดเล็ก ขึ้นตามลานหิน แฉะ ๆ



เหลืองแสดเป็นแตรให้ทาง



อีกสักรูป



หญ้าปราบดอยอย่างฉันก็ได้แต่ถูกเหยียบย่ำตามทางเดินเช่นกัน



อีกสักรูปเช่นกัน



ม่วงพราวเป็นพวง



เช่นกัน



( ขอขอบคุณ คุณ "หนูน้อยห้อยเลนส์ L" จากห้องกล้อง canon club ในพันธ์ทิพย์ที่กรุณาให้ข้อมูลชื่อของพันธุ์ไม้ป่า และเขียดงูครับ ขอบคุณจริงๆ )

เราเดินชมภูหินร่องกล้า ชื่นชมดอกไม้ในฐานะอุทยานแห่งชาติ แต่ขณะเดียวกัน แท้จริงแล้ว ที่นี่ยังเป็นอดีตสมรภูมิรบ ในฐานะอุทยานประวัติศาสตร์เช่นกัน
ที่นี่เคยมีการสู้รบที่ดุเดือดของผู้คนในสังคมที่มีความคิดเห็นต่อแนวทางการพัฒนาประเทศ

นามผาชูธง ที่เคยสะบัดธงแดงไปมา บัดนี้คือธงไตรรงค์ที่พลิ้วไหวตามกระแสลมภูเขาแล้ว



ร่องกล้าเล็ก และร่องกล้าใหญ่ ( ชะง่อนผาด้านไกล ) ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นไร ทั้ง 2 ผา ได้ตั้งตระหง่านมานับร้อยนับพันปีอยู่ที่นี่ของมันอยู่แล้ว และไม่เคยโค้งคำนับสยบให้ใคร



วันเวลาที่บันทึกถึงการศึกนามยุทธการภูหินร่องกล้า ที่สังเวยชีวิตทั้งสองฝ่าย



หินผาที่แกร่งแห่งนี้ จะยืนยาวไปอีกนานเพียงใด



กับบนลานที่สึกกร่อนไปตามลมและห่าฝนสาดจนกลายเป็นปุ่มปมที่ผู้สัญจรผ่านมาขนานนามไว้ว่า ลานหินปุ่ม และเมื่อมันลู่ไปตามมุมแดด มันก็ดูราวราบเรียบขึ้นมา



แต่เมื่อครั้นทำมุมกับแสงบ้าง ก็ดูทะมึนขึงขังขึ้นมาทันที



มันเป็นปุ่มเป็นปมแม้ลาดชันตั้งฉากกับโลก



นักธรณีวิทยา สรุปว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากเดิมบริเวณแถบนี้อยู่ก้นแม่น้ำ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาครั้งใหญ่ โก่งยกตัวสูงขึ้นมา พร้อมกับการสึกกร่อนจากฝนที่ซัดสาดมานานนับพันนับหมื่นปี จนดูเป็นร่องเป็นปุ่มปมบ้าง ตามแรงของน้ำกัดเซาะ ผู้ผ่านไปมาจำนวนไม่น้อยมักเข้าใจผิดไปว่า เป็นการแห้งสนิทของลาวาที่ไหลออกมาจากภูเขาไฟเมื่อนมนานมาแล้ว



ป่าที่ยังคงสมบูรณ์ ทะมึนอยู่ในความสลับซับซ้อนของภูหินร่องกล้า บนเทือกเขาเพชรบูรณ์



ฟ้าต้นหนาวเข้าหน้าแล้งบนร่องกล้า ฝุ่นควันก็คลุ้งกระจายบดบังฟ้าใสเอาไว้
แม้ในยามพระอาทิตย์อัสดงบนลานหินแตก



เข้าสู่โหมดอุทยานประวัติศาสตร์เต็มตัวเสียที

โรงเรียนการเมืองการทหาร ในสภาพที่บูรณะให้เหมือนเดิมที่สุด
ที่นี่เคยเป็นที่ฝึกสอนนักเรียนนักศึกษาที่เคยมาเข้าร่วมกับการต่อสู้ในเขตป่าเขาของกลุ่มคนที่ไม่เห็นพ้องกับรัฐบาลหรือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยนั่นเอง และภายหลังก็กลายมาเป็นที่ตั้งของสำนักฝ่ายนำของพลพรรคไป



สำนักที่นี่มีบ้านพักมากมายหลายหลัง ล้วนอยู่ใต้ร่มเงาของป่าไม้ใหญ่เพื่อป้องกันการถล่มจากเครื่องบิน



มีคำบรรยายประกอบอยู่แทบทุกบ้าน แต่ผู้รู้มักกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง มันก็แค่บ้านหลังหนึ่งของผู้ที่เคยมาอาศัยอยู่ และผ่านไปเท่านั้น



ต้นไทรยังคงกอดรัดยางแดงที่สะลัดไม่เคยออกตลอดมา มันจะยังคงเกาะติดอยู่ในความคิดของผู้ผ่านไปมาอีกนานเพียงใด



มันหยั่งรากฝากใบอยู่เช่นนี้อย่างยาวนาน มิรู้ลืมเลือน



หลักฐานหนึ่งที่หลงเหลือให้เป็นประจักษ์พยานแก่ผู้พบเห็นที่ไม่ต้องการคำบรรยายมากมายนัก

แทรกเตอร์ที่ฝ่ายต่อต้านยึดครองมากผู้รับเหมาสร้างทางยุทธศาสตร์เพื่อหวังตัดทางถนนราดยางผ่าเขตที่มั่นภูหินร่องกล้าแห่งนี้

ผุ้รู้กล่าวว่า หากที่มั่นแห่งนี้ยังคงดำรงอยู่ แทรกเตอร์คันดังกล่าวอาจไม่เห็นซากให้เห็นจนบัดนี้ แต่จะถูกแปลงเป็นมีดพลั่วจอบกระทะให้แก่ชาวเขาม้งที่อาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ที่นี่กันมากว่าชั่วอายุคนแล้ว



ห่างไปไม่ไกลนัก ลำห้วยที่หล่อเลี้ยงสมาชิกของพลพรรคในโรงเรียนการเมืองแห่งนี้ ก็ถูกพัฒนาเป็นเครื่องทุ่นแรงกังหันพลังงานน้ำ เพื่อใช้ในการตำข้าวครกกระเดื่องแบบโบราณ



อีกด้านหนึ่ง ก็เพื่อหวังปั่นไฟใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันจากภายนอกเขตที่มั่นภูหินร่องกล้าแห่งนี้



ด้วยความแรงของกระแสน้ำแห่งนี้นี่เอง



มันยังหล่อเลี้ยงอุ้มชีวิตพืชพันธุ์มากมายไว้ด้วย



แล้วถัดมาก็คือ สำนักอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายปกครองท้องถิ่น หรืออาจถือเสมือนศาลากลางจังหวัดก็ได้ ซึ่งก็ยังคงอยู่ใต้เงาร่มไม้ใหญ่เช่นกัน



และแน่นอนเหลือเกิน ย่อมต้องมีผู้ว่าการ ไปจนถึงนายอำเภอ ซึ่งย่อมต้องมีคุกเป็นสัญลักษณ์

ผู้รู้กล่าวไว้ว่า นับแต่ที่มั่นแห่งนี้จัดตั้งขึ้นมาจนสลายตัวไป มันเคยขังคุกคนร้ายเพียงคนเดียว และชายผู้นั้นก็เป็นคนสติไม่เต็มทำรายคนไปคนหนึ่ง

โดยความเป็นจริงแล้ว สิ่งปลูกสร้างไม้ทั้งหมดนี้ควรพังทะลายหมดสิ้นตามอายุขัยของมัน แต่ทั้งหมดก็บูรณะเพื่อเป็นอุทยานสืบเท่าทุกวันนี้



กับอีกมุมถึงในอาณาบริเวณเดียวกัน



และแน่นอนว่า ในความปลอดภัย มันคงต้องอาศัยถ้ำแห่งนี้เมื่อที่มั่นถูกถล่มจากที่สูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ และปืนใหญ่



และทั้งหมดคือ 1 วันบนภูหินร่องกล้า
ภาพอีกด้านหนึ่งของผาชูธง หรือ ร่องกล้าเล็กนั่นเอง



จบบริบูรณ์ครับ




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2550
7 comments
Last Update : 26 ตุลาคม 2550 22:25:05 น.
Counter : 5063 Pageviews.

 

น่าไปเที่ยวบ้างจัง

 

โดย: kitty (kittymaew ) 27 ตุลาคม 2550 1:41:05 น.  

 

สวยจัง
ถ่ายเก่งจัง
มาสอนกันบางนะ
แระจาแวะมาชมบ่อยๆนะค่า

 

โดย: dekzin 27 ตุลาคม 2550 11:43:53 น.  

 

แจ่มไปเลย ตกลงมันเขียดจริงเหรอนี่!!

คม ชัด ลึก!!

รูป มาโคร ก็ สุดยอดดดด ดอกไม้เล็กๆพอมาโครแล้วมันสวยกว่าดอกใหญ่ๆอีกน่อ

อยากดูภาพใหญ่ๆอ่า

 

โดย: Spring2life 27 ตุลาคม 2550 12:07:07 น.  

 

งาม มากๆ

 

โดย: wildbirds 29 ตุลาคม 2550 18:13:04 น.  

 

ถ่ายรูปสวยมากๆครับ จุใจอีกต่างหาก
ดูกันเพลินเลยครับ

 

โดย: bigwores 1 พฤศจิกายน 2550 12:18:41 น.  

 

ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
ตามมาเที่ยวคราวนี้ได้ความรู้เยอะเลย
บางภาพก็เพิ่งจะเคยเห็นที่นี่น่ะค่ะ
ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ

 

โดย: null (juandmee ) 2 พฤศจิกายน 2550 22:07:05 น.  

 

 

โดย: joyjeen 3 สิงหาคม 2552 22:00:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


UCKARA
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ทำผิดทำถูกเป็นประจำ
[Add UCKARA's blog to your web]