คนดีไม่มีในโลกหรอก มีแต่คนไม่ดีน้อยกับคนไม่ดีมาก
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
เช เกวาร่า


“เช เกวารา” ลืมตาขึ้นมาดูโลกที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา โดยมีชื่อจริงว่า “เออร์เนสโต ราฟาเอล เกวาราเด ลา เซร์นา” ซึ่งเขาเป็นลูกชายคนโตในหมู่ลูกๆ ทั้งหมด 5 คน ของเซเลีย เด ลา เซร์นา มารดาชาวสเปน และเออร์เนสโต เกวารา ลินช์ บิดาชาวไอริช แม้หลักฐานในสูติบัตรจะระบุว่า เออร์เนสโต เช เกวาราเกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1928 แต่ความจริงแล้ววันเกิดของเขาคือวันที่ 14 พฤษภาคม 1928 ซึ่งการที่ต้องปกปิดวันเกิดที่แท้จริง ก็เพราะทางครอบครัวต้องการปกป้องมารดาของเขาจากคำครหานินทา เนื่องจากในตอนที่แม่ของเขาเข้าพิธีแต่งงานนั้น ท่านตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว

ครอบครัวของเกวาราเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ค่อนข้างจะมีฐานะ และมีแนวคิดซ้ายจัด ซึ่งตัว เช เกวาราเอง ก็มีแนวคิดเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ความจริงแล้ว หากจะบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถรอบด้านก็คงไม่ผิด แม้จะเป็นโรคหอบหืด แต่เขาก็เป็นนักกีฬามากความสามารถ แถมยังสอบเข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบัวโนไอเรส ได้ในปี 1948

เกวารา มักจะใช้เวลาในวันหยุดของเขา ไปกับการเดินทางท่องเที่ยวไปในทวีปอเมริกากลาง และในปี 1951 เกวาราพร้อมด้วยเพื่อนเก่าที่ชื่อ อัลเบอร์โต กรานาโด ซึ่งเป็นนักชีวเคมีและเป็นผู้มีแนวคิดรุนแรงทางการเมือง ได้ออกเดินทางสำรวจทวีปอเมริกาใต้ด้วยกัน หลังจากที่เคยพูดคุยเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้มาเป็นเวลาหลายปี

การเดินทางในตำนานของทั้งคู่เกิดขึ้น โดยมีมอเตอร์ไซค์ นอร์ตัน 500 ซีซี ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ลา โปเดโรซา” (จอมพลัง) เป็นพาหนะ ระหว่างการเดินทาง หนุ่มไฟแรงสองคนวางแผนว่าจะไปเป็นอาสาสมัครช่วยผู้ป่วยโรคเรื้อนริมแม่น้ำอเมซอน ในประเทศเปรูราว 2-3 สัปดาห์ ซึ่งช่วงนั้นนี่เอง ที่เกวาราได้พบเห็นด้วยตัวของเขาเองว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ยากจนและไร้ซึ่งอำนาจใดๆ เขาจึงเริ่มเชื่อว่า หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมในอเมริกากลางก็คือ การปฏิวัติ

หลังเดินทางกลับอาร์เจนตินา เกวารามุ่งมั่นรีบเรียนให้จบให้เร็วที่สุด เพื่อได้ออกเดินทางผจญภัยรอบทวีปอเมริกาใต้อีกครั้ง หนุ่มเรียนดีระดับนักเรียนทุนคนนี้สำเร็จการศึกษาในเดือนมีนาคม 1953

จากผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง ชีวิตของเช เกวารา มาถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาลงสนามเอง หลังเรียนจบในปี 1953 เช เกวารา เดินทางไปกัวเตมาลา ซึ่งในขณะนั้นเกิดรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลของประธานาธิบดีคาโกบา อาร์เบนซ์ กุซมัน ซึ่งมีแนวคิดเอียงซ้ายมุ่งปฏิรูปสังคม

การล้มล้างรัฐบาลโดยคณะปฏิวัติที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสืบราชการลับกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ทำให้เช เกวารา มองรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นพวกจักรวรรดินิยมที่พยายามต่อต้านรัฐบาลที่พยายามกล่าวถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมทางสังคมและเศรษฐกิจ ในประเทศละตินอเมริกาและประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก

ช่วงที่อยู่ในกัวเตมาลานี่เอง ที่เช เกวาราได้ชื่อเล่นอันโด่งดังว่า “เช” ซึ่งในภาษาสเปนมักใช้แทนการกล่าวถึงเพื่อน

หลังรัฐประหาร เชเดินทางกลับอาร์เจนตินาเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นเดินทางต่อไปเม็กซิโก ซึ่งที่นั่น เขาได้พบกับฟิเดล คาสโตร ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่นั่น เชได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก “กลุ่ม 26 กรกฎาคม” กลุ่มก่อการปฏิวัติประเทศคิวบา ของฟิเดล คาสโตร และกองกำลังของคาสโตร 80 คน ที่มีเช เกวารา อยู่ด้วยได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญ จนสามารถเอาชนะกองกำลังของพลเอกฟุลเกนซิโอ บาติสตา ผู้นำคิวบาที่กดขี่ข่ม
เหงชาวคิวบาผู้ยากไร้ได้

เมื่อคาสโตรได้ขึ้นเป็นผู้นำคิวบา เชก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทั้งรัฐมนตรีและประธานธนาคารแห่งชาติของคิวบา นอกจากจะมีอิทธิพลในทางนโยบายแล้ว เชยังมีอิทธิพลต่อแนวคิดของประชาชน และเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นไปอีก หลังตีพิมพ์หนังสือเรื่อง “การทำสงครามแบบกองโจร” ซึ่งเขาเขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่เรียนรู้มาจากการสู้รบ โดยในหนังสือเล่มนี้พูดถึงกลวิธีที่คนกลุ่มเล็กสามารถเอาชนะกองทัพที่เป็นระบบระเบียบของรัฐบาลได้ ด้วยการสนับสนุนจากชาวบ้านทั่วๆ ไป

หลังกลับจากเดินทางทัวร์จีน อียิปต์ แอลจีเรีย และ คองโก นาน 3 เดือน เชก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เขาไม่ปรากฏตัวในคิวบาเลยนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 1965 ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวว่าเขาหลบหน้าเพราะนโยบายที่วางไว้สมัยเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมล้มเหลว หรือว่าคาสโตรซึ่งใกล้ชิดกับโซเวียตไม่พอใจที่เชหันเข้าหาจีนมากขึ้น ไปจนถึงเรื่องที่เชได้รับความนิยมมาก จนคาสโตรเห็นว่าเขาเป็นภัยคุกคาม

วันที่ 3 ตุลาคมปีเดียวกัน คาสโตรออกมาเปิดเผยว่าได้รับจดหมายไม่ลงวันที่ ซึ่งเชส่งมาให้เขาเมื่อหลายเดือนก่อน ระบุว่า เช เกวารายังมุ่งมั่นในการปฏิวัติคิวบา แต่ได้ตัดสินใจเดินทางไปช่วยเหลือและร่วมต่อสู้แบบกองโจรในต่างประเทศ และขอประกาศลาออกจากตำแหน่งทั้งหมดในพรรค ในรัฐบาล และในกองทัพ อีกทั้งยังสละสิทธิพลเมืองคิวบา ที่ได้รับมาหลังร่วมปฏิวัติในปี 1959 ด้วย

ความเป็นไปของเช เกวารา เป็นความลับอยู่นานถึง 2 ปี ในปี 1967 จึงปรากฏแน่ชัดว่าเขาไปปรากฏตัวอยู่ที่โบลิเวียเพื่อนำการปฏิวัติต่อต้านประธานาธิบดี เรเน บาร์เรียนโตส ที่นั่นเชเผชิญกับภารกิจยากลำบาก ในการนำกลุ่มกองโจรต่อสู้กับกองทัพโบลิเวียที่ได้รับการฝึกและสนับสนุนเป็นอย่างดีจากซีไอเอ

ในวันที่ 8 ตุลาคม 1967 เชถูกกองทัพโบลิเวียจับกุมตัวได้ ประธานาธิบดีบาร์เรียนโตสสั่งการให้สังหารเขาทันทีที่รู้ข่าว เขาถูกนำตัวเข้าไปในอาคารของโรงเรียนสภาพเก่าแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกมัดตัวติดกับแผ่นกระดาน ว่ากันว่าผู้ปลิดชีพบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เป็นเพียงทหารระดับนายสิบที่ไม่ช่วยในการจับไม้สั้นไม้ยาว

เช เกวาราจบชีวิตลงเมื่ออายุ 39 ปี ร่างของเขาถูกนำถ่ายภาพและนำไปจัดแสดง อีกทั้งมีการพิมพ์ลายนิ้วมือของเขาเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมือทั้งสองข้างของเขาถูกตัดส่งไปให้ฟิเดล คาสโตร ซึ่งออกมาประกาศข่าวการเสียชีวิต พร้อมสั่งชาวคิวบาทั่วประเทศไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม

หลังการจากไปของเช ไม่มีใครรู้ว่าศพของเขาอยู่ที่ไหน จนกระทั่งไป 1995 จอน ลี แอนเดอร์สัน ผู้เขียนชีวประวัติของ เช เกวารา ได้ไปสัมภาษณ์ ทหารระดับพลเอกของโบลิเวียคนหนึ่ง จนได้ทราบว่า ศพของเช ถูกฝังอยู่ที่รันเวย์แห่งหนึ่ง นอกเมืองวัลเลกรองด์ ในโบลิเวีย

ปี 1997 มีการนำศพเช เกวารา กลับคิวบา หลังการตรวจสอบทางดีเอ็นเอพบว่าเป็นร่างของเขาจริง ฟิเดล คาสโตรจึงสั่งการจัดพิธีศพยิ่งใหญ่สมเกียรตินักปฏิวัติ ก่อนจะนำร่างของเช ฝังที่เมืองซานตา คลารา ซึ่งเป็นเมืองที่เขาชนะสงครามการปฏิบัติคิวบา

การเผยแพร่ภาพศพของเช เกวารา ทำให้ตำนานของเขาเป็นที่กล่าวขวัญ และกระตุ้นให้เกิดการเดินขบวนประท้วงการสังหารเขาทั่วโลก มีการเขียนบทความและบทกลอนอุทิศให้การจากไปของบุรุษนักปฏิวัติ แม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดคอมมิวนิสต์ก็ยังชื่นชมการอุทิศตนของเขา

ชาวตะวันตกรุ่นหนุ่มสาวหลายคนยกย่องเช เพราะเขาละทิ้งชีวิตสบายๆ ไปต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง และเมื่อมีอำนาจในคิวบา เขาก็ยังยอมสละตำแหน่งต่างๆ เพื่อไปต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ จนกระทั่งเสียชีวิต

เช เกวารา กลายเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพและเสรีภาพ ภาพถ่ายเขาที่ อัลเบอร์โต กอร์ดา ช่างภาพชาวคิวบา บันทึกไว้ช่วงทศวรรษ 1960 กลายเป็นหนึ่งในภาพที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดในรอบศตวรรษ

ที่น่าเสียดายก็คือ เช เกวารา กลายเป็นวัตถุทางการค้า ภาพของเขาไปปรากฏอยู่บนสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด หมวก สติกเกอร์ โดยมีคนไม่มากนักที่เข้าใจหรือพยายามเรียนรู้ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาต่อสู้เรียกร้องมาโดยตลอด



Create Date : 12 กรกฎาคม 2550
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 22:47:22 น. 4 comments
Counter : 708 Pageviews.

 
เป็นนักรบในอุดมคติ ผมจริงๆ ครับ


โดย: เกราะเมือง IP: 58.9.141.253 วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:12:22:34 น.  

 
นักปฎิวัติที่เท่.....


โดย: อะตอม IP: 118.173.115.122 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:18:46:37 น.  

 
สุดยอดครับคนๆนี้เป็นฮีโร่ในดวงใจ ไม่ยึดติดลาภยศ ไม่เอาความสบายมาทำลายพี่น้อง


โดย: พลเมือง IP: 183.89.155.72 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:34:48 น.  

 
บางที่คนดีคนบางคนมองว่าเลวเเต่คนเลวโดนมองว่าดีถ้าทุกคนลองนึกดูว่าคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยอะไรคือความเป็นจริงกว่ากัน เช ปฏิวัติเพื่อให้คนได้มองเห็นความเป็นจริงในระบบชนชั้น คนรวยมีกจะได้เปรียบส่วนคนจนก็โดนกดหัวเหมือนไม่มีตัวตนในสังคม ทั้งๆที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน มนุษย์นึกถึงวัตถุนิยมมากเกินไปจนลืมไปว่าสิ่งของกับจิตใจมันเทียบกันไม่ได้ ยศ อำนาจ เงินทอง เป็นเเค่วัตถุสิ่งของ ขอเเสดงความนับถือ เเด่เช บุคคลที่โลกไม่ลืม


โดย: เสรีไทย IP: 192.168.200.139, 58.9.202.60 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:12:25:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

communist
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันเป็นเเค่เพียงปุถุชนธรรมดาที่เกิดมาเผชิญหน้ากับโลกสีหม่น
Friends' blogs
[Add communist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.