If you love someone, do not think of what she or he does for you. But think of 'Have you done anything for him or her yet?'...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
ประสบการณ์การใช้ "จุกหลอก" และวิธีเลิก

แบ่งปันประสบการณ์เลิกจุกหลอก ตามแบบวิถีทางของเราเองค่ะ

ย้อนกลับไปเกือบปีได้ ที่เราอยู่ตรงจุดนั้น บอกตามตรงว่าเราก็รู้สึกเครียดแล้วก็เหนื่อยจริงๆ เมื่อคิดจะจัดการให้ลูกเลิกจุกหลอกให้ได้ แล้วมันก็ผ่านไปได้ค่ะ เราก็เชื่อว่าทุกครอบครัวก็ผ่านตรงนั้นมาได้เช่นกัน จะช้าจะเร็วไม่สำคัญ สำคัญที่ผู้ใหญ่ค่ะอย่าไปเครียด เรื่องนี้ไม่ได้ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องธรรมชาติล้วนๆ ค่ะ

เริ่มแรกเลย เราตั้งใจจะไม่ใช้จุกหลอก เพราะกลัวว่าจะใช้แล้วเดี๋ยวลูกจะติดจุก เลิกยากตอนโต กลัวฟันเหยิน กลัวโน่นนี่นั่นไปหมด ... แต่ก็นะ เห็นเด็กฝรั่งส่วนใหญ่ก็ใช้จุกหลอกมาตั้งแต่แรกเกิดเลย ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรใหญ่โต เราก็เข้าใจธรรมชาติของเด็กวัยก่อนสองขวบ โดยเฉพาะวัยทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน จะเป็นพฤติกรรมธรรมชาติที่จะชอบดูดเป็นปกติ (Sucking Reflex) เราก็ควรจะตอบสนองความต้องการของเค้า เพื่อให้เค้ามีความสุขถูกต้องแล้วค่ะ (เข้าข้างตัวเองล้วนๆ)

 

ช่วงแรกที่เราไม่ใช้จุกหลอก ลูกจะดูดนมบ่อยมา อิ่มแล้วก็ยังดูดต่อ กินนมจนถึงขั้น overfeed ก็คือไหลล้นออกปากเลย ยิ่งกลางคืนจะออกตามจมูกอีกต่างหาก เพราะธรรมชาติของเค้าก็ดูดแทบจะตลอดเวลาที่ตื่น

 

ช่วง 2 เดือนแรกที่เลี้ยงลูกเอง ลูกเราร้องเก่งมาก แต่ไม่ได้ร้องโคลิกนะ ร้องจิปาถะประปรายไปเรื่อย ถ้าอุ้มเค้าไว้ก็จะไม่ค่อยร้อง แต่วางแทบไม่ได้เลย ขนาดอุ้มกล่อมนอนเป็นชั่วโมง อุ้มจนมือชา พอคิดว่าหลับลึกแน่นอน วางบนเตียงปุ๊บ เธอตื่นลืมตา ร้องทันที เหนื่อยค่ะ แล้วที่สำคัญอยู่บ้านเดียวกับคุณปู่คุณย่าด้วย มีกดดันแน่นอน ปัญหาคลาสสิคที่เหมือนกันแทบทุกบ้าน

สุดท้ายคุณพ่อบ้านทนไม่ไหว ไม่อยากให้ลูกร้องบ่อยๆ เพราะร้องบ่อยๆ แล้วมันเครียดค่ะ เครียดกับผู้อาวุโสในบ้านนี่ละ ไม่ใช่ใครเลย จนต้องแวะซื้อจุกหลอกกลับมาบ้านด้วย  ตอนที่ซื้อกลับมาบ้านนี่คุณปู่คุณย่าก็ไม่เห็นด้วยนะคะ บ่นเยอะแยะเลย ไม่อยากให้หลานใช้จุกหลอก พูดโน่นนี่นั่นไปเรื่อย แต่เรากับคุณพ่อบ้านไม่สนใจคะ ก็ลองใช้จุกหลอกดู ก็ดีนะ ลูกเริ่มนอนเล่นคนเดียว ดูดจุกหลอกเพลินไปเลย เราก็เหนื่อยน้อยลง เครียดน้อยลงด้วย มันดีจริงๆ

ตอนนั้นเรียกจุกหลอกว่าเป็น "จุกมหัศจรรย์" กันเลยทีเดียว 555

... ก็ใช้จุกหลอกมาเรื่อยๆ จนช่วงหลังๆ คุณปู่คุณย่าติดใจ 555 เรียกหาจุกหลอกตลอด จนคุณพ่อต้องซื้อมาเพิ่ม ทีนี้คุณย่าบ้านเราเอะอะก็จะจับจุกหลอกใส่ปากตลอด ทั้งๆ ที่หลานไม่ได้กำลังจะนอน กำลังเล่นอยู่ด้วยซ้ำ เราก็บอกกับพี่เลี้ยงไว้แล้วว่าให้ใช้เฉพาะตอนน้องกำลังจะนอนแค่นั้นก็พอ จนสุดท้ายไม่ไหวละ ใช้จุกหลอกกันพร่ำเพรื่อเกินไปละ เดี๋ยวถึงตอนเลิกจะเลิกยาก ต้องให้คุณพ่อบ้านคุยกับคุณย่าว่าให้ลดการใช้หน่อยเถอะถ้าเห็นหลานเล่นอยู่ก็ไม่ต้องใส่ เฮ้ออ

เราเข้าใจนะว่า ปู่ย่าตายาย แทบจะทุกบ้านจะมีปัญหากับพ่อแม่ในเรื่องการเลี้ยงลูก เป็นปกติทีเดียว แบบนี้ก็ต้องค่อยๆ บอก ค่อยๆ ให้ความรู้กันไป

บ้านเราก็มีเยอะค่ะ ปู่ย่า บ้านเราเป็นคนชอบออกคำสั่งโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เลี้ยงลูกมาด้วยการแสดงความเก่งเหนือลูกตลอด ไม่เคยชื่นชมลูกตัวเองให้คนอื่นฟัง มีแต่บอกว่าลูกตัวเองไม่ได้เรื่อง แย่ คือไม่มีดีเลย ทั้งที่เรามองว่าลูกเค้าเป็นคนดี จิตใจดีเอื้อเฟื้อต่อทุกคน ทั้งคนทำงานบ้าน พี่เลี้ยงลูก  มีมารยาท ทำงานได้เก่งมาก พอมีลูกก็เป็นคุณพ่อที่น่ารักมากดูแลลูกได้ดีเยี่ยม เราชื่นชมเค้าจริงๆ

 

ว่ากันเรื่องการเลือกซื้อ "จุกหลอก" เราเลือกที่จะใช้จุกหลอกของ Avent รุ่นที่มีสีสันสดใส มีลายการ์ตูน แล้วก็สะท้อนแสงในที่มืดค่ะ เพราะกลางคืนนี่ลูกจะต้องดูดจุกหลอกจนหลับไปทุกครั้ง ดึกๆ ก็จะต้องมาคลำหาจุกหลอกเอามาเก็บตลอด ส่วนขนาด ก็จะใช้ขนาดเล็ก 0-3 เดือนมาตลอด จนลูกขวบกว่าก็ยังไม่เปลี่ยนขนาด เพราะเรามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนขนาดให้ใหญ่ขึ้นตามวัยเด็ก ดูดเล็กๆ นั่นละดีแล้ว ยิ่งโตขึ้น จุกก็ขนาดเล็กดูดไม่ค่อยสะดวกจะได้ไม่ติดใจมาก อย่าได้สร้างความสะดวกสบาย ให้เชียวนะ

 

 

จำได้ว่าเราตัดสินใจเริ่มให้ลูกเลิก "จุกหลอก" ตอนอายุประมาณ 1 ขวบ 2 เดือน ซึ่งจริงๆ เราควรจะเริ่มเลิกจุกหลอกตอนขวบนึง แต่เราก็ใจอ่อน แล้วก็ยังไม่พร้อม จนเราพร้อมแต่ก็ยังลังเลว่าจะเลิกแบบหักดิบ หรือจะเลิกแบบค่อยๆ หายไปดี

สุดท้าย เราตัดสินใจใช้วิธีเลิกแบบไม่เสียน้ำตา ทำแบบค่อยๆ หายไป ไม่หักหาญน้ำใจลูก ไม่อยากให้เค้าเป็นเด็กเกรี้ยวกราด ร้องให้กรี๊ดกร๊าด แต่วิธีนี้เราก็จะเหนื่อยหน่อย เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้วิธีนี้ ก็ต้องเริ่มวางแผนการเลิกอีกว่าจะต้องเลิกใช้ตอนกลางคืนก่อน เพราะช่วงกลางคืนเป็นเวลาของเรา เราสามารถควบคุมได้ แต่เราก็ยอมรับว่าเราจะต้องเหนื่อยหน่อย ต้องตื่นกลางคืนบ่อยแน่นอน  ส่วนกลางวันก็จะเลิกหลังจากนั้นเพราะยังมีคุณย่าอยู่ อาจจะยากหน่อย

ก่อนที่จะเริ่มแผนการเลิกจุกหลอก เราเปลี่ยนจุกหลอกของลูกใหม่หมดเลยคะ ซื้อใหม่ แบบใส ไม่มีลาย เอาแบบเรียบที่สุด เพื่อลดการจูงใจในการใช้อีกแรงนึง

ปกติก่อนนอนลูกจะดูดจุกหลอกก่อนแล้วจะหลับพร้อมกับจุกหลอกทุกครั้ง วิธีการของเราก็คือเปลี่ยนแผนการนอน แทนที่จะให้ลูกดูดจุกแล้วหลับไป ก็จะหานิทานมาอ่านให้เค้าฟังก่อนนอน ถ้าเค้าถามหาจุกก็จะให้เค้า แต่ถ้าไม่ถามหา หรือลืมไปก็จะไม่ให้ ถ้าลูกขอก็จะให้ พอเค้าหลับไปพร้อมกับจุกก็จะดึงออกทันที เราก็จะไม่นอนจนกว่าจะดึงจุกออกจากปาก ถ้าลูกตื่นมาร้องกลางคืน (ปกติลูกตื่นก็จะเอาจุกมาใส่ปากแล้วนอนต่อ ... แฮ่ะๆ ขี้เกียจ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ละ) ก็จะปลอบเค้า อุ้มเค้าก่อน ให้หลับต่อเองได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็จะให้จุกหลอกค่ะ

เหนื่อยแบบนี้อยู่ประมาณอาทิตย์นึงแล้วดีขึ้น เห็นผลเลยค่ะ ตอนนี้กลางคืนก่อนนอน บางคืนก็ไม่ได้ใช้จุกหลอกเลย ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง จนค่อยๆ เฟดออกไป

อ่อ ลืมไป เรามีหนังสือเล่มนึงที่ชื่อ "บาย บาย จุกหลอก" เอามาอ่านให้ลูกฟังบ่อยๆ แล้วก็เล่านิทานเรื่องจุกหลอกให้เค้าฟัง ว่าไม่มีใครดูดจุกหลอกแล้วประมาณนี้ ต้องเล่า ต้องพูดบ่อยๆ เค้าจะซึมซับไปเอง


จนช่วงกลางคืนแทบจะไม่ได้ใช้จุกหลอกแล้ว ต่อไปก็ช่วงกลางวัน เราก็ต้องไปนั่งคุยกับพี่เลี้ยงเลยว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไร เราเลิกจุกหลอกกลางคืนได้แล้ว ให้พี่เลี้ยงจำกัดการใช้จุกหลอกให้เคร่งครัดช่วงกลางวันด้วย ใช้เฉพาะตอนนอนกลางวันเท่านั้น พอน้องหลับจุกหลอกหลุดให้รีบเอาออกไปให้ห่างมือน้องทันที เพราะเค้าสามารถใช้มือคลำๆ หยิบเอามาใส่ปากได้เอง

เราให้เวลาพี่เลี้ยงประมาณเกือบเดือนค่ะ พอได้ยินว่าน้องไม่ค่อยร้องหาจุกแล้ว หลับเองได้บ้างแล้ว บางวัน เราก็เก็บจุกหลอกที่วางให้ใช้ข้างล่าง เอาไปเก็บให้พ้นหูพ้นตาไม่ให้เห็นอีกเลย

สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาเลย ลูกไม่เคยถามหาจุกหลอก ถ้าเค้าไม่เห็น

สำเร็จผลที่ 1 ขวบ ประมาณเดือนที่ 4 ไม่ได้ใช้จุกหลอกอีกเลย

ผลดีอีกอย่างที่เห็นคือ ลูกนอนหลับกลางคืนได้นิ่งมากกว่าเดิม แทบจะไม่มีร้องกลางคืนเลย นอนเงียบ หลับสนิทตลอดทั้งคืน

 

 

อันนี้เป็นบทความจากเวป //www.babydoc.pk/index.php?p=2_6

เราอ่านแล้วรู้สึกเข้าใจชัดเจนดี ก็เลยแปลแบบคร่าวๆ ตามความเข้าใจของเรา มาแบ่งปันกัน อาจจะไม่ถูกต้องเป๊ะ แต่ก็เขียนแบบให้เข้าใจง่ายๆ

ข้อดีของการใช้จุกหลอก
1. ให้ลูกดูดจุกหลอกดีกว่าให้ลูกดูดนิ้วแน่นอน เพราะทำให้เกิดปัญหากับการขึ้นของฟันได้น้อยกว่า
2. พ่อแม่สามารถควบคุมการใช้จุกหลอกได้ แต่ถ้าลูกติดดูดนิ้วแทนจะยากที่จะควบคุมเพราะเค้าจะดูดเมื่อไหร่ก็ได้  เวลาที่ดีเหมาะสมที่จะเลิกจุกหลอกโดยปกติคือ 1 ขวบ ซึ่งเราสามารถโยนจุกหลอกทิ้งได้ แต่เราไม่สามารถเอานิ้วเค้าไปทิ้งได้
3. มีรายงานทางการแพทย์ล่าสุดระบุไว้ว่าการใช้ "จุกหลอก" อาจจะ (may) ลดความเสี่ยงจาก Sudden Infant Death Syndrome (SIDS) หรือ Cot death ได้

ข้อเสียของการใช้จุกหลอก
1. ถ้าไม่ดูแลทำความสะอาดจุกหลอกให้ดี ก็จะเป็นแหล่งเชื้อโรคให้กับลูกได้
2. ถ้าใช้จุกหลอกไม่เหมาะสม จะนำไปสู่ปัญหาการให้นมแม่จากเต้า ฟันผุ ติดเชื้อทางหู
3. ไม่ควรใช้จุกหลอก ติดกับสายคล้องคอ เพราะไม่ปลอดภัย และจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุถึงเสียชีวิตได้ หากตัดสินใจให้ลูกใช้จุกหลอก ควรใช้อย่างฉลาดและปลอดภัย

วิธีการใช้จุกหลอก
1. ควรให้จุกหลอกเมื่อลูกทานนมอิ่มแล้ว ใช้จุกหลอกกรณีทารกคลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อให้ธรรมชาติการดูด (Sucking reflex) ของเด็กดำเนินต่อไป
2. ไม่ควรให้จุกหลอกแทนที่การดูดนม
3. ไม่ควรใส่จุกหลอกในปากเด็กทุกครั้งที่เด็กร้อง ควรหาวิธีอื่นในการแก้ปัญหา ดูว่าเป็นอะไร หิว ปวดท้อง อยากให้อุ้ม
4. ควรทำความสะอาดจุกหลอก นึ่งฆ่าเชื้อทุกครั้ง หรือไม่ก็ใส่ลงในน้ำเดือด 5 นาทีก่อนการใช้ครั้งแรก และให้แน่ใจว่าจุกหลอกเย็นดีแล้วจึงนำมาใช้งานได้  ทำความสะอาดนึ่งฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังใช้งาน
5. ตรวจสอบจุกหลอกว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน ว่าไม่มีรอยแตก ฉีกขาด ไม่ควรให้ลูกดูดจุกหลอกหลังจากให้ทานยา เพราะยาบางชนิดมีปฏิกริยากับจุกหลอก อาจทำให้จุกแตกฉีกขาดได้ และควรเปลี่ยนจุกหลอกใหม่ทุก 2 เดือน
6. อย่าให้ลูกดูดจุกหลอกทั้งวัน ในขณะที่เริ่มคลาน หรือเดินไปรอบได้แล้ว ซึ่งจะมีผลอาจลดพัฒนาการทางการพูด และก่อเปิดปัญหาต่อฟันได้

ถึงเวลาจะต้องเลิกจุกหลอกแล้ว
1. จำกัดเวลาการใช้จุกหลอก ใช้เฉพาะเวลานอน จนถึง 1 ขวบ ให้เตรียมตัวเลิกได้
2. ไม่ทำโทษหรือทำให้อับอาจ เพื่อบังคับให้เด็กเลิกดูดจุกหลอก
3. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลิกจุกหลอก โดยให้เค้าตัดสินใจว่าจะทิ้งเอง เอาไปวางไกลๆ หรือซ่อนเอาไว้ใต้หมอน
4. ให้รางวัลเมื่อเค้าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
5. ชื่นชมลูกเมื่อลูกเลิกจุกหลอกได้ และบอกเค้าว่าเราภูมิใจในตัวเค้ามาก เค้าโตขึ้นแล้วนะ
6. ให้ลูกได้แสดงความรู้สึก และเมื่อลูกรู้สึกไม่พอใจหรือโมโห ให้กอดเค้าไว้
7. ถ้าลูกถามหาจุกหลอกอีกครั้ง อย่าให้ และบอกว่าจุกหลอกไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว หนูโตแล้ว

 

 




Create Date : 29 สิงหาคม 2556
Last Update : 30 สิงหาคม 2556 10:52:43 น. 0 comments
Counter : 41090 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bigcrab
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 160 คน [?]




Friends' blogs
[Add Bigcrab's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.