เที่ยวอังกฤษ - เวลส์ - สก๊อตแลนด์ (วันที่ 4)
วันอังคาร ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553วันที่ 4 Old Trafford Stadium (Manchester) Windermere / Lake District Edinburghวันนี้ก็ออกเดินทางจากโรงแรม 8 โมงเช้า ตามเวลามาตรฐานของกลุ่มเรา ตอนเช้าพวกเราก็ทยอยยกกระเป๋าลงมาวางด้านหน้าโรงแรม แล้วคุณพี่ John ก็ทยอยขนกระเป๋าใส่รถ พอพวกเราขึ้นบนรถเรียบร้อย ก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่รถจะออกเดินทางเสียที หลายนาทีผ่านไปก็แล้ว คนขับไปไหนหว่า ... สักพักพี่ไกด์ก็บอกเราว่า คุณ John เธอบอกว่ายังไม่ 8 โมงตรง ออกรถไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา ตรงนี้เนี่ยพี่ไกด์เค้าก็อธิบายให้พวกเราฟังว่า คนขับรถของที่นี่เค้าจะขับได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะโดนจับ ในรถเค้าจะมีคล้ายๆ มิเตอร์ ที่สามารถพิมพ์ใบรายงานการใช้รถออกมาได้ว่า เริ่มตั้งสตาร์ทเครื่อง จนถึงสุดท้ายว่าใช้รถไปกี่ชั่วโมงแล้ว พวกเราก็เริ่มใช้รถตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปจบที่ 2 ทุ่ม ก็ 12 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ แล้วอีกอย่างนึงที่คนขับรถจะค่อนข้างเข้มงวดกับพวกเรามากก็คือ รถจะไม่ออกเดินทาง ถ้าพวกเราไม่นั่งให้เรียบร้อย คือถ้ามีคนยืน หรือเดินไปเดินมา เค้าก็จะไม่ยอมออกรถ เนื่องจากว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุคนใดคนนึงเกิดพลาดล้มลง คนขับรถจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด พอถึงเวลา 8 โมงเป๊ะ พี่จอห์นแกก็รีบวิ่งตุ๊บตั๊บมาประจำหน้าที่พลขับให้พวกเรา พอรถวิ่งออกไปได้สักพักนึง ประมาณ 30 นาทีได้นะถ้าจำไม่ผิด พี่ไกด์ก็ทำหน้าตกใจ บอกพวกเราว่าเค้าลืมกระเป๋าสะพายประจำตัวไว้ตรง Lobby ในนั้นก็มีหนังสือเดินทาง เอกสารทุกอย่างหมดเลย พี่ไกด์เราก็เริ่มปาดเหงื่อแร๊ะ แล้วพี่ท่านก็เริ่มโทรศัพท์ไปคุยกับเจ้าหน้าโรงแรมให้ช่วยไปเช็คว่ากระเป๋าเค้ายังอยู่หรือเปล่า (เนื่องจากว่าโรงแรม Crowne Plaza ที่นี่จะมี 2 ชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นที่ที่ให้รถเข้ามาส่งผู้โดยสาร แล้วก็มีเก้าอี้นั่งอยู่ 2-3 ชุด แล้วต้องขึ้นไปอีกชั้นนึง (ชั้น 2) เพื่อไปชั้นที่มีพนักงานให้บริการอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เพราฉะนั้นที่ชั้น 1 จะไม่มีพนักงานอยู่เลย และพี่ไกด์เราก็ลืมกระเป๋าไว้ที่ชั้น 1 นี่ละ พี่ไกด์เราก็เลยกังวลมากเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าใครจะเดินเข้ามาแล้วก็หยิบไป) จนสุดท้ายก็เจอกระเป๋า พี่ไกด์ก็เลยให้พนักงานโรงแรมช่วยติดต่อให้เอารถ Taxi ขับเอากระเป๋ามาส่งให้ที่สนามกีฬา Old Trafford ที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไป พี่ไกด์ก็ต้องเสียค่า Taxi รอบนี้ไป 150 ปอนด์ เกือบหายแล้วมั้ยล่ะ ถ้ากระเป๋าหาย หนังสือเดินทางหาย คงต้องเสียเงินมากกว่านี้แน่นอนและแล้วพวกเราก็ถึงสนามกีฬา Old Trafford เสียที หลังจากนั่งรถมาเกือบ 2 ชั่วโมง ระยะทางกว่า 75 กิโลเมตร เนื่องจากพี่ไกด์เราไม่มีเอกสารยืนยันการจองจาก Trafalgar เพราะเอกสารทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าที่ลืมไว้ที่โรงแรม พี่ไกด์เราก็เลยต้องใช้ความสามารถบวกกับประสบการณ์ เจรจากับเจ้าหน้าที่ จนพวกเราเข้าไปชมในสนามได้ เรียบร้อยป้ายด้านหน้าภายในสนามกีฬาเก้าอี้ว่างเปล่า รอฤดูการแข่งขันที่กำลังจะมา ร้านขายของที่ระลึกพวกเราได้รับของชำร่วยติดไม้ติดมือจากสนามกีฬามา 2 ชิ้น ก็มีป้ายห้อยคอ มีบอกราคาค่าเข้าชมเป็นกลุ่มไว้ด้วยอยู่ที่ 11 ปอนด์ ป้ายนี้เค้าให้พวกเราห้อยคอไว้ตลอดการเข้าชม แล้วก็แจก Certificate ยืนยันว่าเราได้เข้าชมสนามกีฬา แล้วอีกคนละใบ พี่ไกด์ปล่อยพวกเราให้อยู่ที่นี่กันนานทีเดียว นานจนเรารู้สึกเบื่อมาก เพราะเป็นคนไม่ชอบดูบอล ก็ได้แต่เดินไปเดินมาในร้านขายของที่ระลึกอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับมานะ เดินไปเดินมาสักพักก็เบื่อ ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินข้างนอกบ้าง รอจนพี่ไกด์เรียกขึ้นรถนั่นล่ะหลังจากนั้นพี่ไกด์ก็พาพวกเราเดินทางไปเมืองวินเดอร์เมียร์ (Windermere) เมื่องนี้เป็นเมืองแห่งเขตเลคดิสทริค (Lake District) อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะอังกฤษ เป็นดินแดนที่เชื่อมต่อกันด้วยทะเลสาบและแม่น้ำ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า หรือประมาณ 135 กิโลเมตร พอเดินทางถึงเมือง Windermere พี่ไกด์พาพวกเราไปทานอาหารที่ ภัตตาคารในโรงแรม Low Wood เป็นภัตตาคารที่สวย และบรรยากาศดีมาก ที่นี่เค้าจะเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส แต่ของพวกเราก็จะเสิร์ฟเป็นคอร์สเล็กๆ จานแรกเค้าจะเสริฟ์ เนื้อปลา จานที่สองก็จะเป็นสเต็กหมู จานที่สามก็จะเป็นของหวาน ด้านหน้า ทางเข้าบรรยากาศในภัตตาคาร พอทานอาหารกลางวันเสร็จสรรพ พี่ไกด์ก็พาขึ้นรถต่อไปยังท่าเรือ เพื่อจะให้พวกเรานั่งเรือล่องทะเลสาบ ชมบรรยากาศของหมู่บ้านริมทะเลสาบ ประมาณ 45 นาที เพื่อไปลงอีกท่าเรือนึง แล้วรถบัสก็จะไปจอดรอรับพวกเราที่นั่นท่าเทียบเรือ ที่กำลังจะเดินไปขึ้นเรือบรรยากาศในเรือบ้านริมทะเลสาบ ถ่ายจากในเรือใกล้จะถึงอีกท่าเรือนึงแล้วล่ะหลังจากนั้นพี่ไกด์ก็พาพวกเรานั่งรถบัสต่อไปอีก ประมาณ 220 กิโลเมตร ก็ประมาณ 4 ชั่วโมงเห็นจะได้ เพื่อไปยังเมืองเอดินบะระ (Edinburgh) เมืองหลวงของประเทศสก๊อตแลนด์ เมืองเอดินบะระ เป็นเมืองท่าภาคตะวันออกของประเทศสก๊อตแลนด์ หรือที่เค้าเรียกกันว่า เมืองเอเธนส์แห่งยุโรปเหนือ เป็นเมืองหลวงแห่งแรกที่กษัตริย์ชาวสก๊อตสร้างขึ้น และยังเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษในอดีตโปรแกรมทัวร์รอบนี้พวกเรานั่งรถกันยาวนานมาก เพราะนั่งตั้งแต่ท้ายเกาะ ขึ้นไปยังเกือบด้านบนสุดของเกาะ แล้วก็ลงมาเกือบใต้สุดของเกาะอีกรอบ วิวทิวทัศน์ของประเทศอังกฤษก็จะเป็นทุ่งหญ้าเสียส่วนใหญ่ แทบจะไม่เห็นป่าเลย ไม่ว่าจะเป็นบนภูเขา ก็จะเหมือนภูเขาหัวโล้น มีแต่ทุ่งหญ้า แล้วก็มีการปลูกต้นไม้ให้เป็นแนวยาวเพื่อใช้เป็นรั้วธรรมชาติเตี้ยๆ กั้นเขตแดนที่ดินของแต่ละบ้าน ถ้าไม่เป็นทุ่งหญ้าเพื่อเอาไว้เลี้ยงแกะ ก็จะปลูกมันฝรั่งแทน จะไม่ค่อยเห็นอะไรที่ต่างไปจากนี้เท่าไหร่ ทิวทัศน์มันก็เลยค่อนข้างน่าเบื่อเพราะจะเห็นแต่ทุ่งหญ้ากว้างสุดตา ทุกวัน ช่วงหลังๆ เราก็เลยจะหลับซะเป็นส่วนใหญ่ แต่พอพวกเราเริ่มเข้าเขตประเทศสก๊อตแลนด์ จากที่เห็นเป็นรั้วธรรมชาติใช้ต้นไม้ ก็จะเปลี่ยนเป็นรั้วที่ทำจากก้อนหิน เอามากองๆ ทำเป็นรั้วเตี้ยๆ กั้นเขตแดนแทน แล้วก็จะเห็นแต่ภูเขาเตียนโล่ง ปลูกหญ้า อย่างเดียว อดคิดไม่ได้ว่าถ้าฝนตกมีน้ำป่าไหลหลากนี่คงท่วมอย่างรวดเร็วแน่ๆ หน้าตาภูเขาที่เห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้เลย ทั้งในอังกฤษ และสก๊อตแลนด์ มีการแบ่งพื้นที่บนภูเขาเป็นสัดส่วนชัดเจน พวกเราเดินทางถึงเมืองเอดินบะระ ก็เย็นย่ำแล้ว พี่ไกด์ก็พาไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีน (อีกตามเคย) แล้วก็พาพวกเราเข้าพักที่โรงแรม Marriott Edinburgh โรงแรมนี้ค่อนข้างดีทีเดียว ในห้องจะเป็นเตียง Queen Size สองเตียงสำหรับห้อง Twin ห้องกว้างขวาง ไม่อึดอัด ที่นี่พวกเราเจอกรุ๊ปทัวร์ไทยเยอะมาก พี่ไกด์บอกว่ามีกรุ๊ปทัวร์ไทยมาพักคืนนี้ประมาณ 7-8 กรุ๊ปเห็นจะได้ เพราะฉะนั้นเนี่ย ตอนเช้าควรจะรีบลงมาทานอาหารเช้าเร็วหน่อย ไม่งั้นจะรอโต๊ะว่างนาน รอบนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรม กะห้องพักที่อังกฤษมาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ปกติเราก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นๆ นะ สงสัยว่ารอบนี้ขี้เกียจแน่ๆ ***********************************************ติดตาม วันที่ 5 เอดินบะระ - The Royal Mile - Edinburgh Castle - Scoth Whisky Heritage Center - York
ขอบคุณที่พากลับไป