เดินทางสู่สวีเดน แบบ งงๆ








 หลังจากที่คุยกับโฮสว่าวีซ่าผ่านแล้ว  ก็เลยหาวันเดินทาง  ซึ่งเรามีความจำเป็นต้องเดินทางหลังวันที่ 27 ธันวาคมเท่านั้น   นั่นก็คือ 28 ธ.ค. เป็นต้นไป  แต่ตั๋วช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ตั๋วหลังวันที่ 28 ไป จนถึงต้นเดือนมกราคม ราคาแพง  และ ตั๋วขาไปออแพร์ต้องซื้อเองจ้า 

 ( ตกลงกันไว้ว่าคนละขา )


  พอตัดสินใจว่าจะบินวันที่ 28   อ่าววว ปรากฏว่าโฮสต้องไปออสโล จะกลับวันที่ 30 ธค  

 เราด้วยความลังเล ทำไงดี  เพราะถ้าบินต้นๆเดือนมันแพงด้วย  


แต่แล้วเราก็เลือกบินวันที่ 28 /12/15 ไปฝรั่งเศสก่อนสองวัน แล้วบินต่อไปบ้านโฮส    เราจึงได้จองตั๋วของ Air france    เมื่อถึงวันเดินทาง  ก็แน่นอนย่อมมีความตื่นเต้นเป็นธรรมดา   วันนั้นอาขับรถไปส่ง  ก็นั่งคุยกันเพลินจ้า  ขับรถเลยทางเข้าสนามบิน ไปถึงพระจอมเกล้า ลาดกระบัง   ก็เลยรีบกลับรถ แต่ขากลับนี่สิ รถติดมาก นี่ก็นั่งภาวนาไปตลอดทาง ทันเห๊อะๆๆๆ   พอไปถึงสนามบิน รีบเอากระเป๋าไปชั่งก่อน  เอิ่ม น้ำหนักเกินอีก ต้องรื้อกระเป๋า


แต่ !!


ความวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น  เมื่อเราไปเช็คอินก็พบว่า   เค้าจะไม่เช็คอินให้เราจ้า เนื่องจากเราถือการ์ดของสวีเดน แต่เราดันจะเข้าประเทศฝรั่งเศสก่อน  เราก็แบบทำการบ้านมานิดนึง ว่าเข้าได้มั้ย ก็เห็นหลายๆคนบอกว่าเข้าได้  อีกทั้งบางคนเค้าก็ไม่ได้เข้าทางสวีเดน แต่เข้าทางเดนมาร์ค หรือ นอร์เวย์ แล้วต่อรถไฟ หรือ รถบัส ไปสวีเดน  คือความคิดเรามันก็เชงเก้น เหมือนกัน   มันไม่เหมือนกับวีซ่าบางประเทศที่ไปถึงแล้วต้องไปรายงานตัว เพื่อทำการ์ด  อีกที


ตัวอย่าง แต่ข้อมูลอาจเก่านิดนึง



ข้อเท็จจริงแล้วเป็นยังไงไม่รู้    แต่กลับมาเรื่องที่สนามบินก่อนระหว่างที่เรายืนอยู่หน้าเค้าเตอร์นั้น  ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคน เดินมา  ซึ่งเค้าพูดภาษาฝรั่งเศสได้ อาจเป็นซุป หรืออะไร อันนี้ไม่รู้   เค้าก็บอกเราว่าแบบนี้ไม่ได้นะคะ  นี่มันวีซ่าของสวีเดน คุณจะใช้เข้าฝรั่งเศสก่อนไม่ได้    เราเลยถามไปว่า ทำไมไม่ได้คะ  และ ทำไมเพื่อนบางคน ถือ การ์ดแบบเดียวกับเรา แต่ลงที่โคเปน หรือ ออสโล  ได้  (   คือเอาจริงๆมันอาจจะไม่ควร  แต่มันคือเชงเก้นนะ ?  แต่เราก็คือยังงง  ว่าแบบมันคล้ายกับกรณีไปเปลี่ยนเครื่อง  เพราะยังไงมันก็ต้องปั๊มผ่านตม ประเทศที่ เครื่องลง มั้ย ?  )  คุณพนักงานตอบเราแค่ว่านั้น มันเดนมาร์ค ไม่ใช่ฝรั่งเศส  ( เดนมาร์ค สวีเดน นอร์เวย์ มันอยู่ในเครือนอร์ดิก ไม่รู้เกี่ยวมั้ย )  คำตอบโคตรไม่ช่วยไรเลยค่ะ    พนักงานแจ้งว่าขอถามไปที่ ตม ทางนู้น ก่อน   ถามนู่น ถามนี่ ถามนั่น ถามหลายคน  แต่ไม่ได้คำตอบ เพราะ ทางนู้นมันดึก ติดต่อไม่ได้


และคำพูดที่เค้าทำให้เรารู้สึกแย่คือ  อยากจะเข้าไปหน้าเกทก็ได้นะ แต่ถ้าเค้าไม่ให้ขึ้นเครื่องคุณก็ต้องออกมา  หรือ ไม่ก็ ถ้าได้ขึ้นเครื่องไปแล้ว ไปถึง ฝรั่งเศส ก็ไปวัดดวงเอาว่าเค้าจะให้ผ่านมั้ย    นี่ดิฉันเป็นห่วงนะคะ เพราะเคยมีเคสใช้การ์ดอิตาลี  แต่จะเข้าไปในฝรั่งเศสก่อน  แต่ถูก ตม ส่งกลับมา ไม่อยากให้เสียเวลาค่ะ  ห่วงจริงมั้ยนิ ?



และแล้วก็ถึงเวลาต้องไปขึ้นเครื่อง   วันนั้น แม่ น้อง และ อา ไปส่ง เราเลยบอกว่าไม่ลานะ เพื่อออกมาเจอกันอีก 555    อารมณ์ตอนนั้นโคตรตื่นเต้นค่ะ   กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง เครียด ปวดท้อง เวียนหัว  มาครบเลย    แหมแล้ววันนี้ได้เกท E5 ความรู้สึกแบบเอ๊ะ นี่ด่าชั้นรึเปล่าเนี่ย




เห็นเครื่องจอดอยู่ ก็คิดนะ ว่าจะได้ไปมั้ยฟะ น้ำตาไหล แป๊ป  จนในสุดเราก็ได้ขึ้นเครื่องค่ะ  ผ่านไปหนึ่งด่าน  ระหว่างอยู่บนเครื่องก็คิดนะ  จะมาเชิญลงไปจากเครื่องมั้ยนิ  จนประตูปิด  เห้อออ รอดละ บ้าย บาย ไทยแลนด์ อีกสิบกว่าชั่วโมงจะได้รู้กัน ว่าฉันจะกลับมามั้ย






เอาเป็นว่าขึ้นเครื่อง  จนเครื่องขึ้นฟ้าแล้ว  มันก็มีความเครียดนะ กลัวเข้าประเทศไม่ได้แต่เอาเหอะ  มาถึงขนาดนี้ทำไรไม่ได้แล้ว  ดูหนังฟังเพลงไปละกัน  จอก็เก่าได้อีก กดก็ยากหงุดหงิดไปอีก



สักพักอาหารมาเสริฟ   เคยอ่านรีวิวมาแว่ว ว่าสายการบินนี้ จัดหนัก จัดเต็ม

เราเลือกเมนูไก่ มาพร้อมกับขนมปัง ของหวาน น้าเปล่า แล้วก็เหมือนจะเป็นไวน์ หรือ แชมเปญ นี่แหละ ยี่ห้อ porto cruz   และ farmille castel   เราไม่ดื่มค่ะ กลัวเมา 555  ก็ตั้งไว้ดู เฉยๆ




รูปเบลอไปหน่อย



หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วนั้น  เราก็จำไม่ได้ว่าเสริฟอะไรอีกมั้ย   ความจำเลอะเลือน บวกเครียด นอน เก็บกล้อง เก็บโทรศัพท์ แต่ที่จำได้ขึ้นใจคือ เห้ยย บนเครื่องมีไอติมเอสกิโมให้กิน  เดินไปหยิบเองเองเลยที่ท้ายเครื่องว่าแล้วก็เดินไปจ่ะ  หิวน้ำ อยากกินคุกกี้ หรือ ไอติม 

นู่นเลยค่ะเชิญท้ายเครื่อง  ตามสบาย



นี่คือไอติม  ยืนกินหน้าห้องน้ำ กินไป ดูวิวไป 555







อันนี้น่าจะเป็นคุกกี้ เอากลับไปนั่งกิน แก้เครียด




นั่งดูแผนที่ อีกประมาณ 2 ชม จะถึงฝรั่งเศส  เครียดสิจ๊ะ ทีนี้ จะอ้วกค่ะ  ทำไงดี  เดินไปห้องน้ำ ก็ดันไม่อ้วกอีก   เอาล่ะเครื่องจะลงแล้ว   และแล้วล้อก็แตะสนามบิน cdg   มือสั่น ขาสั้นไปหมด  เห็นรูปนี้ขึ้นมา คิดอยู่ถ่ายไว้ดีมั้ย 55  Au revoir  ไว้เจอกันใหม่ แต่ขอให้ไม่ใช่วันนี้และ วันพรุ่งนี้นะคะ

  ไม่อยากกลับบ้านตอนนี้






 เดินพ้นเครื่องมาได้  เจอตำรวจจ้า  ขอดูพาสปอต กับ วีซ่า ของทุกคนเลย   เราก็เอาให้ดู  ผ่านไปหนึ่งด่าน  ต่อไปนี้แหละ คือการผ่านดานตรวจคนเข้าเมือง   คือแบบคนเยอะ รอนานมาก

 เครียดไปอีก  อยากให้ถึงเร็วๆ จะได้จบๆไป



ใกล้ถึงคิวแล้วเรายืนรอหลังเส้น  จน จนท ว่างแล้ว เราเดินเข้าไป  ยื่นพาสปอต กับ UT CARD  ให้ เจ้าหน้าที่  ( เราเตรียมเอกสารที่พัก  ตั๋วต่อไปสวีเดน  และ สัญญาจ้างจากโฮส  กะว่าถ้าเค้าขอดู จะให้หมดเลย บริสุทธิ์ใจค่ะ )   ทันใดนั้นเองเค้ามองหน้าเรา เทียบกับการ์ด ไม่ถามอะไรเลย พร้อมกับปั๊มพาสปอตให้ นี่ก็คิดในใจ อ้าววว เสร็จแล้ววหรอ  ตอนนั้นยังไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร

 เค้าปั๊มให้แล้วรีบเดินออกมาก่อน เพราะคนอื่นรอคิว



พอออกมาแล้ว เราก็ไปนั่งรอไฟล์ทถัดไป ซึ่งเราจะไปที่ Marseille   แล้วอีกสองวันถึงจะบินต่อไปสวีเดน  ระหว่างนั่งรอก็คิดนะ เออ 10  กว่าชั่วโมง นั่งเครียดมาเพื่ออะไร !!!  

นึกได้ก็ส่งข่าวคราวไปให้ที่บ้านรู้ก่อนเลย



อันดับต่อมา ขอหาโค้ก ดื่ม ก่อนเลยค่ะ แก้เครียด



เริ่มว่าง หายเครียดก็เดินเล่นไป 55








 เราพักที่ marseille  2 คืน  แล้วบินต่อไปสวีเดนในวันที่ 30 /12/15   แต่ไม่มีบินตรง

  ต้องไปต่อเครื่องที่เยอรมัน


สนามบินเค้ามีทหารเดินถือปืนตรวจ  รักษาความปลอดภัย 




  หลังจากเช็คอินเสร็จแล้ว  ก็เดินไป สแกนสัมภาระ สมบัติ ขึ้นเครื่อง  แต่ ต้องผ่าน ตมอีกครั้ง จ่ะ ปั๊มออกให้ด้วย




Bye Bye  ฝรั่งเศส ไว้เดี๋ยวจะมาอีก


เรานั่งเครื่องไปที่  Düsseldorf  ไปรอต่อเครื่องอีกประมาณ สามชั่วโมง  ไม่มี wifi ไม่มีปลั๊กไฟ  หรือตรงเฉพาะเกทที่เรารอรึเปล่าที่ไม่มี --"


ไม่รู้จะทำไรก็เดินเล่นอีกล่ะ




หิวน้ำไปกดน้ำกิน ดีกว่า  เสียตังอีกแล้ววว   แต่ !!! กดมาผิด อันนี้มันเป็นโซดา --"

(ทีแรกจะไปหาซื้อตามร้าน แต่ด้วยความกลัว เพราะครั้งก่อนที่สนามบินแฟรงค์เฟิต ไปซื้อน้ำกิน แต่ได้เงินทอนมาเป็น แบงค์ปลอม ( 20 Euro )     กดตู้ต่อไปค่ะ



แท่น แท้นน และแล้วเราก็มาถึงจุดหมาย แล้ว  Göteborg Landvetter Airport  ลงจากเครื่องก็เดินเข้าอาคาร  ไม่ต้องผ่าน ตม อะไรอีกแล้ว  เราไปถึงประมาณสองทุ่ม  หนาวสิคะ คุณ 55  ลื่นอีก    พอรับกระเป๋าเสร็จ  ก็มาโฮสมารับ  แต่ มันก็มีความตื่นเต้น อีก เพราะโฮสหน้าตาเป็นไงเราก็ไม่รู้ 555  ระหว่างยืนรอก็คิดนะ ว่าเค้าจะมารับเรามั้ย จะถูกทิ้งไว้นี่มั้ย  แล้วชั้นจะไปไหนต่อ   คือคิดไปเรื่อยเปื่อย  สักพักโฮสแม่ส่งข้อความมา ว่าคนพ่อกำลังมารับ มาพร้อมกับเด็กคนโต   เราก็รอด้วยความลุ้นระทึก  คุณโฮสพ่อ ตัวสูงเดินเท่ห์มาเลย มาถามเราว่าชื่อ .. ใช่มั้ย แล้วการเรียกชื่อ คือเรียกชื่อเต็ม สองพยางค์แรก แต่เรียกแบบสำเนียงภาษาอังกฤษ (  เค้าเรียกเรา ว่า Kani ) คือแบบ เราเลยตอบไปว่าเยส แล้วบอกชื่อจริงเรา ไป  55  ไม่รู้ใครสอนให้เรียกแบบนั้น   ระหว่างทางคือโฮสขับรถซิ่งมากนี่แบบ จะถึงบ้านมั้ยวะ เค้าก็ชวนคุย ถามว่าชอบอ่านหนังสือมั้ย มีหนังสือเยอะ เลย โทรศัพท์มีมั้ย เค้ามีให้ยืมนะ  คุยเยอะมากแต่เราตอบไม่เยอะ เพราะภาษาอังกฤษอ่อนแอ มาก  


จากสนามบินไถึงบ้านใช้เวลาประมาณ 30 นาที  ไปถึงก็เจอคนแม่ทำอาหาร วันนั้นก็ได้กินอาหารเย็นพร้อมกันตอนสี่ทุ่ม  เป็นอันสิ้นสุดการเดินทาง









Create Date : 07 มีนาคม 2560
Last Update : 7 มีนาคม 2560 15:25:04 น.
Counter : 709 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cochonelle
Location :
Île-de-France  France

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]



New Comments
มีนาคม 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31