No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
งานของผม [เรื่องสั้น]

ความจริงเรื่องสั้น "งานของผม" จะเรียกว่าเป็นงานที่ไม่ได้รับการตีพิมพ์ก้ไม่ตรงนักหรอกค่ะ แต่ไม่ได้รับการรวมเล่ม ได้รับการตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22-29 ก.ย. 2546 พร้อมกับมีคำวิจารณ์ด้วย ก็เลยเอามาจัดรวมไว้ในนี้ด้วยเลยค่ะ ^^

//www.bangkokbiznews.com/weekend/20030904/wef27.shtml

พี่เลี้ยงนอกเวที

การเขียนเรื่องสั้นไม่ได้มีสูตรตายตัว แม้ว่าศาสตร์เรื่องสั้นจะมีทฤษฎีหรือมีแบบแผน แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ใช่บ่งบอกหรือแบ่งให้เห็นรูปร่างหน้าตาของความเป็นเรื่องสั้นในเชิงวิชาการเท่านั้น

เรื่องสั้นมีหลากหลายรูปแบบ...สำหรับเรื่องที่ต้องการเน้นให้ผู้อ่านติดตามเหตุการณ์ นับตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง ไปจนกระทั่งจบเรื่องนั้น กลวิธีหนึ่งที่มักจะนำมาใช้เป็นองค์กระกอบอย่างได้ผลก็คือการสร้างจุดเร้าใจ เป็นการขมวดปมเอาไว้ เพื่อจะได้ยั่วยุให้ผู้อ่านใคร่รู้จนต้องติดตามอ่านไปทั้งเรื่องนั่นเอง

ในแต่ละบทแต่ละตอนสามารถจะสร้างจุดเร้าใจทิ้งไว้ เพื่อให้คนอ่านคอยตามเรื่องต่อไป หรือในทำนองเดียวกันจะเป็นการทิ้งปมปริศนาบางอย่างเอาไว้ก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นประโยคสนทนาของตัวละคร การบรรยายฉาก หรือการแสดงให้เห็นพฤติกรรมบางอย่างตัวละคร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถจะสร้างเป็นจุดเร้าใจ หรือปมปัญหาในแต่ละตอน เพื่อกระชากใจผู้อ่านให้ติดตามเรื่องไปถึงจุดไคลแม็กซ์ จนกระทั่งจบเรื่องไปในที่สุด

โดยเฉพาะเรื่องสั้นแนวสยองขวัญ หรือแนวฆาตกรรมและสืบสวนสอบสวน มักจะนำเอาเทคนิคเหล่านี้มาเป็นองค์ประกอบการเขียนให้เห็นเป็นจำนวนมาก

และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการเขียนเรื่องสั้นในลักษณะเช่นนี้ก็คือ...การผูกเรื่องราวที่น่าสนใจ และควรมีเหตุการณ์ที่ชวนฉงน ยิ่งสามารถใช้ภาษาที่กระฉับ และดำเนินเรื่องฉับไวด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าอ่านมากขึ้น

เช่นเดียวกับ 'เรื่องงานของผม' ของ 'ภูวดี ตู้จินดา' เรื่องนี้ ซึ่งจะเห็นเทคนิคที่ผู้เขียนน้ำมาใช้นั้น เป็นการสร้างปมปริศนาเอาไว้ในแต่ละฉาก แล้วนำผู้อ่านติดตามเหตุการณ์ทั้งหมดไปจนจบเรื่อง

ลองอ่านและพิจารณาดูครับ!



.........

//www.bangkokbiznews.com/weekend/20030904/wef05.shtml

เรื่องสั้น

งานของผม

โดย ภูวดี ตู้จินดา


ดึกแล้ว...ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีดำมืดมิด ไร้แสงของดวงจันทร์และดวงดาว อากาศกลางดึกเย็นเยือกมากขึ้น กลิ่นของดอกราตรีในคืนนี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกปลอดโปร่งเป็นสุขเหมือนอย่างเคย


ผมลัดเลาะแฝงตัวเข้ามาในเขตของบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯอย่างเงียบเชียบ เสียงสุนัขสามสี่ตัวร่วมใจกันเห่าหอนดังสนั่น มันคงรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในบริเวณบ้าน แต่ผมยังคงเคลื่อนตัวอย่างใจเย็นเพราะมั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็น...

ผมเร้นกายขึ้นตึกชั้นที่สองอย่างเงียบกริบ และตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของเจ้าของบ้าน จนได้ยืนอยู่ภายในห้องนอนสีครีม ซึ่งถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แล้วผมก็เห็นเป้าหมาย...


'มัน' เป็นชายวัยเลยกลางคน ร่างอ้วนฉุ ดวงหน้าอวบอูม ผมสองสี กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้องอย่างเป็นสุข พร้อมทั้งผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะช้าๆ ...เสียงหายใจของมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด และอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกขัดใจเหลือเกินที่มันนอนหลับสนิทโดยไม่มีฝันร้ายตามมาหลอกหลอนอย่างที่ควรจะเป็น... ก็คนสาปแช่งมันอยู่ทุกวัน...


ผมได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้สะกดรอยชายคนนี้โดยที่ผมเองก็ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ที่ผมเรียกชายคนนี้ว่า 'มัน' ก็เพราะคำว่า 'เขา' ออกจะดูสุภาพเกินไปที่จะใช้เรียกคนที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้

จากแฟ้มข้อมูลที่ผมได้รับมาศึกษาก่อนรับงาน

ทำให้ผมรู้ว่ามันเล่นการเมืองอย่างสกปรกมาหลายปีแล้ว และปีนี้ที่ได้รับการเลือกเข้ามาเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร ก็เพราะการข่มขู่ซื้อเสียงจากชาวบ้าน และฆ่ากำจัดหัวคะแนนฝ่ายตรงข้าม... เงินที่มันนำมาซื้อเสียง ก็เป็นกำไรจากการค้ายาเสพติดหลายชนิด ตั้งแต่ยาบ้าไปจนถึงเฮโรอีน มันได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีก็เพราะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันซับซ้อน และการพึ่งพาอาศัยกันของพรรคการเมือง

เปลือกของสังคมก็ช่างให้ความยอมรับนับถือมันเสียเหลือเกิน คงจะเป็นเพราะอำนาจและเงินของมันกระมัง ผมมักจะแปลกใจอยู่เสมอที่คนทั่วไปดูเหมือนจะยอมรับความเลวร้ายกันได้ง่ายเหลือเกิน ไม่มีใครคิดจะทำอะไรที่เป็นรูปธรรมสักอย่าง อย่างดีก็แค่ด่าและสาปแช่งลับหลังเท่านั้น ก็แล้วมันจะไปได้ผลอะไร...


ผมควรจะแค่เฝ้าดูมันหลับสนิทอย่างนั้น ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรเกินหน้าที่ แต่ก็อดที่จะขยับไปดูหน้ามันใกลๆ มันไม่ได้ อยากเหลือเกินที่จะปักมีดลงบนพุงอันใหญ่โตเต็มไปด้วยไขมันที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะเวลาเดิน... หรือแม้แต่นอนราบอย่างนี้... วินาทีนั้นเองมันพลิกและผวาขึ้นสุดตัวเหมือนกับฝันร้าย ทำให้ผมต้องกระโดดถอยกลับไปซ่อนอยู่ในมุมมืดข้างตู้เสื้อผ้าอย่างตกใจ

ผมแอบมองมันจากจุดที่ยืนอยู่ และรู้สึกถึงเหงื่อเย็นเม็ดเล็กๆ ไหลซึมมาจากขมับและก็ไหลลงมาเปื้อนข้างแก้มอย่างช้าๆ ...ผมแทบไม่กล้าหายใจ


มันลุกขึ้นนั่งและสะบัดผ้าห่มออกจากตัวอย่างหวาดระแวง ส่วนผมยังคงซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ... แน่ใจว่ามันจะไม่เห็นผมอย่างแน่นอน...มันเอามืออวบใหญ่ปาดเหงื่อที่ไหลโชกออกมาจากหน้าผากและตามรูขุมขนราวกับน้ำรั่ว แม้ว่าห้องนั้นจะเย็นฉ่ำจากการทำงานของแอร์คอนดิชั่นอย่างดี มันมองดูเวลาจากนาฬิกาข้างหัวเตียง เข็มของนาฬิกาบอกเวลา หกโมงเช้า

"ฝันร้ายหรือวะเนี่ย ห่ะ...น่ากลัวฉิบหาย"

ผมได้ยินมันสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เสียงน้ำจากฝักบัวดังแว่วออกมา มันคงจะอาบน้ำและเตรียมตัวไปข้างนอกแน่นอน...


...ผมอดสงสัยไม่ได้...มันฝันว่าอะไร?



ผมสะกดรอยตามรถของมันอยู่ห่างๆ ดูจากทิศทางที่มันมุ่งหน้าไปแล้ว วันนี้มันไม่ได้ตรงไปทำงานที่กระทรวงตรงตามที่ได้รับรายงานไว้ล่วงหน้า ผมสะกดรอยตามดูมันต่อไปอย่างเงียบๆ ตามหน้าที่...เส้นทางนั้นนำไปสู่ถนนที่จะออกนอกกรุงเทพฯขึ้นไปทางทิศเหนือ

ติดตามมันอย่างเบื่อหน่ายประมาณสามชั่วโมง รถของมันก็เลี้ยวเข้ารีสอร์ตขนาดใหญ่ มีหญิงสาวสวยวัยประมาณยี่สิบกว่าปีกุลีกุจอมาต้อนรับมัน และนำมันไปบ้านพักหลังใหญ่หลังหนึ่ง ภายในบ้านหลังนั้นมีชายวัยกลางคนนั่งรออยู่อีกคนหนึ่ง ผมเห็นทั้งสองทักทายกันตามมารยาท

จากการแอบฟังการสนทนาทำให้รู้ว่ามันมาติดต่อเรื่องธุรกิจค้ายาของมันนั่นเอง ผู้ชายอีกคนซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของรีสอร์ตและเป็นนายหน้ารับยาเสพติดมาจากพม่า ผมบังคับตัวเองให้ฟังอย่างมีสมาธิ และพยายามเก็บรายละเอียดของบทสนทนานั้น บางทีผมอาจจะต้องรายงานสิ่งที่ได้ยินให้กับหัวหน้าก็ได้


หลังจากการสนทนาจบสิ้นลง ชายอีกคนหนึ่งก็เดินนำมันไปยังห้องพักด้านใน ผมมองสภาพภายในห้องอย่างสมเพชใจ... มีเด็กสาววัยไม่น่าเกินสิบห้าสิบหกปีร่างเปลือยเปล่าคนหนึ่งนั่งตัวสั่นอยู่มุมห้อง ดวงหน้าสดใสงดงามบริสุทธิ์นั้น เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมขนลุกด้วยความขยะแขยงเมื่อเห็นแววตาหื่นกระหายของมัน จึงหันหลังให้กับภาพนั้น... ให้ตายสิ!! ผมเกลียดมัน แล้วก็เกลียดไอ้งานบ้าๆ นี้จริงๆ แม้ว่าผมอยากช่วยเหลือเด็กสาวคนนั้นมากแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมไม่มีอำนาจขนาดนั้น และที่สำคัญผมจะให้มันรู้ตัวไม่ได้เด็ดขาดว่าสะกดรอยตามมันมา

หลังจากที่มันเสร็จสิ้นภารกิจอันน่าสะอิดสะเอียนแล้ว มันก็ขึ้นรถและสั่งให้คนรถพากลับเข้ากรุงเทพฯ

หัวใจของผมเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ เพราะรู้ว่าเวลาที่รอคอยจะมาถึงในเวลาไม่เกินสองชั่วโมงข้างหน้านี้แหล่ะ... จากรายงานของหน่วยข้อมูลทำให้ผมรู้ว่า ศัตรูทางธุรกิจของมันกำลังรอเวลาแก้แค้นมันอยู่ ผมรู้ว่าจะต้องมีการนองเลือดกันอย่างแน่นอน มันจะต้องคุ้มกับที่ผมต้องมาตามดูมันอย่างใกล้ชิดอย่างนี้


ผมเฝ้าคอยเวลานั้นอย่างอดทน... ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถของมันยังขับไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ บนถนนมีรถเพียงประปรายเท่านั้น

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งทิ้งระยะระหว่างรถของมันกับตัวผมมากขึ้น และแล้วผมก็เห็นรถกะบะกลางเก่ากลางใหม่สีเขียวคันหนึ่ง ไม่มีทะเบียนรถ ขับขึ้นไปประชิดรถของมัน

มือของผมเย็นเฉียบ เหงื่อเย็นไหลจากขมับ ลมหายใจเริ่มจะติดขัด แม้ว่าจะเห็นฉากอย่างนี้ซ้ำซากมาแล้วหลายครั้งหลายหนเพราะงาน แต่ผมก็ยังทำใจให้ชาชินกับมันไม่ได้เสียที




เหตุการณ์ตรงหน้าคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น แต่ภาพตรงหน้าของผมเชื่องช้าราวกับเป็นภาพนิ่งที่เรียงลำดับมาในสายตาการรับรู้ของผม...ทีละภาพ...ทีละภาพ

กระบอกปืนลูกซองสีดำทะมึนยื่นออกมาจากหน้าต่างรถกระบะที่เปิดอยู่ และเล็งตรงไปที่กระจกฝั่งที่มันนั่งอยู่

และแล้วเสียงปืนดั่งสนั่นไปทั่วบริเวณ ตามด้วยประกายไฟแปลบปลาบมาจากปากกระบอกปืนนั้น สีส้มเหลืองแปลบ และควันที่ปรากฏเพราะความร้อน...


...เปรี้ยง...นัดแรกระเบิดกระจกหน้าต่างแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ..

...เปรี้ยง...นัดที่สองพุ่งเข้าไปตุงอยู่เต็มชายโครงขวา...

ลูกปรายตะกั่วเบอร์สิบสองทะลุร่างหนาอย่างโหดเหี้ยม มันทะลึ่งโลดขึ้นในลักษณะของการผงะตาเหลือกกลับเข้าไปในกะโหลกด้วยอาการช็อกจากแรงปะทะของกระสุนที่ยังรวมกลุ่มกันอย่างหนาแน่น มือเท้ากระตุกเกร็งเหยียดออก ...

...เปรี้ยง...นัดที่สามจับเปาะเข้าตรงหัวไหล่

ผลักร่างโสมมให้พลิกกระเด็นไปอัดกับแผงประตูรถอีกข้างหนึ่ง ปากของมันอ้าออก แต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงสำลักครืดคราด กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกบิดเบี้ยวอาการเกร็งเกิดขึ้นทั่วร่างจนมันสั่นไปทั้งกาย


ทันใดนั้นรถของมันก็เสียหลักแฉลบไปด้านข้าง แล้วชนเข้ากับขอบถนนด้านที่ติดกับภูเขา...รถกระบะสีเขียวแล่นไปเลยหน้ารถของมันไปเล็กน้อย แล้วผมก็เห็นปากกระบอกปืนกระบอกเดิมเล็งตรงไปที่รถของมันอีกครั้ง

เปรี้ยง!!!!! เสียงปืนดังกัมปนาทขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถกระบะคันนั้นจะเร่งความเร็วแล้วก็หายลับไปจากสายตาผม


เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ที่ผมหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะรู้สึกตัวและก้าวเข้าไปข้างหน้าช้าๆ ...ทีละก้าว...ทีละก้าว...

สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเดินไปถึงรถของมัน ก็คือคนขับรถที่สลบอยู่จากแรงกระแทก กระสุนดูเหมือนจะเฉียดฉิวเขาไปได้อย่างหวุดหวิด ผมดูแล้วเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ก็คงจะรอดแน่ๆ แต่ยังไงก็ตามคนขับรถก็ไม่ใช่เป้าหมายในงานครั้งนี้

ผมหันไปอีกทางและก้มลงมองดูมันด้วยความสมเพชระคนสะใจ ร่างของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลจากกระสุนสองแห่ง ที่หัวไหล่และที่ชายโครงด้านขวา เหมือนกับก๊อกน้ำ กระสุนอีกนัดคงจะพลาดไปโดนกระจกด้านหลัง เพราะกระจกแตกกระจาย

ผมได้ยินมันครางโอดโอยอย่างเจ็บปวด น่าแปลกใจและก็น่าดีใจจริงๆ ที่มันไม่ได้สลบไปเพราะพิษบาดแผล เพราะคนอย่างมันไม่น่าจะตายง่าย... ตายสบายเกินไปนัก... ผมยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียมและสมใจ...


มันคงจะรู้สึกตัวว่าผมยืนอยู่ใกล้ๆ มันจึงเหลือกตาขึ้นมาสบตาผมอย่างช้าๆ

ผมยิ้มให้มัน


มันพยายามเพ่งมองผมอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนตาของมันจะเหลือกค้าง... ตาขาวของมันดูเด่นชัดเป็นพิเศษ ส่วนตาดำฝ้าฟางไร้แวว...

ผมเดาว่าความกลัวคงจะเป็นสิ่งเดียวที่ครอบงำความรู้สึกของมันทั้งหมดในขณะนี้ ปากของมันพะงาบๆ คล้ายกับพยายามจะสูดเอาอากาศเข้าปอด... คล้ายกับร้องขอความช่วยเหลือ ความเมตตา ขอชีวิต!!


แต่หน้าที่ของผมไม่ใช่เช่นนั้น ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ มันบนเบาะรถยนต์ที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง จมูกสัมผัสกับกลิ่นคาวขื่นผสมกับกลิ่นของโลหะคละคลุ้งของเลือดสดๆ ...ผมถอนใจออกมา ...หลายครั้งแล้วที่ได้กลิ่นเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่ชินเสียที

ผมจ้องมองมันอย่างรังเกียจ ขยะแขยง...มันคือความชั่วร้าย คือขยะของสังคม หาความสุขและความร่ำรวยบนความทุกข์ของคนอื่น ผมเกลียดคนประเภทนี้นักหนา... ถ้าโลกมีตาชั่งแล้วและคนเลวหนักกว่าคนดีจริงๆ โลกคงกำลังจะเลาขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว

ผมก้มลงกระซิบข้างๆ หูของมัน... แผ่วเบา...เยือกเย็น 'แกรู้แล้วใช่ไหม? แกเห็นแล้ว?'


มันไม่ได้ตอบ แต่สีหน้าทุรนทุรายของมันทำให้ผมรู้ว่า มันกำลังรับรู้สิ่งที่ผมบอกมันไป... เวลาของมันมาถึงแล้ว...

ช่วงวาระก่อนที่ใครสักคนกำลังจะตายลง เขาเห็นอะไรหนอ...ผมนิ่งคิด...

ผมมองหน้ามันอีกครั้ง...ขณะนี้ วินาทีนี้

มันจะเห็นภาพความผิดบาปทั้งมวลที่มันได้กระทำมาชั่วชีวิตของมันหรือไม่? ภาพเหล่านั้นจะเรียงร้อยเหตุการณ์ตามลำดับเหมือนกับภาพยนต์ที่ถูกสร้างและเก็บรายละเอียดอย่างบรรจงหรือเปล่า? มันควรจะได้เห็น ได้รู้สึกถึงความชั่วร้ายของตัวเอง ผมได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น...


ผมมองดูมันกระเสือกกระสนอย่างเยือกเย็น...เหงื่อของผมหยุดไหล...

เวลาที่แท้จริงใกล้จะมาถึงแล้ว... ชีวิตของมันกำลังไหลจากกายหยาบอย่างช้าๆ ตามจังหวะของหยดเลือด... ผมมองดูเส้นใยสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยววิญญาณกับร่างของมันขาดสะบั้นลง

วินาทีนั้นเอง... ผมกระชากวิญญาณที่สั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวดและความกลัวของมันออกจากร่าง และดึงมันลงต่ำไปสู่ความมืดมิดที่รออยู่เบื้องล่าง...


...ผมส่งมอบวิญญาณของมันให้กับผู้ร่วมงานของผม พร้อมกับรับข้อมูลของคนต่อไปมาอ่าน...เฮ้อ...คนนี้ค่อยดีหน่อย คราวนี้ผมคงจะได้ไปเยือนสวรรค์หลังจากไม่ได้แวะเวียนไปเสียนาน...

ผมหันไปมองดวงหน้าของมันเห็นครั้งสุดท้าย

แววตาอันหวาดกลัวลนลานของมันเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่าง...


ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเดินจากมา...

...ผมคิดว่ารู้แล้ว...เมื่อเช้ามันฝันว่าอะไร...



-- จบ --




Create Date : 30 กันยายน 2548
Last Update : 30 กันยายน 2548 9:11:56 น. 17 comments
Counter : 602 Pageviews.

 
มาแวะอ่านครับ ถือโอกาสมาเยี่ยมเยือนด้วย
คาดไม่ถึงนะครับ ว่าเขียนเรื่องสั้นแนวนี้ด้วยเหมือนกัน...


"ผู้ชายอีกคนซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของรีสอร์ตและเป็นนายหน้ารับยาเสพติดมาจากพม่า"

เรื่องนี้ผมอ่านสะดุดตรงนี้นิดเดียว พม่า ครับ มันเจาะจงกล่าวหาไปนิดนึง

แอบเชียร์อยู่ห่างๆ ครับ


โดย: ชลสิทธิ์ (ชลสิทธิ์ ) วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:9:46:37 น.  

 
รูปสวยได้ใจเลยค่ะ


โดย: เก๋ (KEZIA ) วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:10:06:23 น.  

 
เขียนได้น่าติดตามดีค่ะ

แม้จะพอเดาได้ตอนที่เริ่มขับรถหลังออกมาจากรีสอร์ตน่ะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:10:47:52 น.  

 
แวะมาอ่าน...เยี่ยมเลย...


โดย: Zantha วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:11:26:59 น.  

 
แวะมาเหมือน ชอบมากๆเลย


โดย: josy_girl IP: 202.57.181.222 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:21:25:53 น.  

 
ปรบมือ แปะๆๆๆๆ

ชอบค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:21:40:06 น.  

 
งือตะเอง ฟอนต์มันเล็กหรีอเค้าแก่อะ เค้าอ่านไม่ค่อยออกเลยอะ

นี่ๆๆ แล้วงานหนังสือที่จะไปอะ บอกแต่เวลา ไม่เห็นบอกวันเลย หรือเรามองตกอะ แต่อ่านหลายรอบแล้ว ไอ้ตรงที่มันเลื่อนๆข้างขวาอะ แหม เดี๋ยวนี้ไฮเทคจริงวุ้ย


โดย: มณฑารัตน์ วันที่: 2 ตุลาคม 2548 เวลา:18:54:37 น.  

 
เพิ่งกลับถึงบ้าน เข้ามาแก้ตัววิ่งๆ ก่อนเลย ขอบคุณปุ๋ยมากๆ เน้อ

ตัวมันเล็กมากเลยเหรอ แหะๆๆๆ เราเองก็เพ่งเหมือนกันแหละ แต่รู้สึกว่ามองแล้วมันสวยดี เอิ๊กส์

ขออนุญาตมาตอบคคห.อื่นๆ พรุ่งนี้เน้อ วันนี้ขอไปนอนก่อนค้าบบบบบ ^^


โดย: Clear Ice วันที่: 2 ตุลาคม 2548 เวลา:23:51:26 น.  

 
เคยอ่านแล้วน้า อ่านทีไรก็ชอบทุกที
อิจฉาๆ อยากเขียนได้แบบนี้บ้าง


โดย: เด็กทะเล IP: 133.87.1.154 วันที่: 3 ตุลาคม 2548 เวลา:12:38:08 น.  

 
ชอบค่ะ เดี๋ยวงานหนังสือนี้จะอุดหนุนคำให้การฯ นะคะ (เห็นพี่ติ้นเชียร์ใหญ่ว่าสนุก อิอิ)


โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:2:38:30 น.  

 
แวะมาเยี่ยมครับ จะไปอุดหนุนหนังสือในงานเน้อคุณไอซ์เน้อ...


โดย: ฟิลิปโป้ (Filippo ) วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:15:26:29 น.  

 
แฮ่ๆๆๆ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นเลยนะคะ ไอซ์เขียนเรื่องสั้นแนวสะท้อนสังคมไว้บ้างนิดหน่อย ก็มีเรื่องนี้ เรื่อง "บ้าน" ที่ลงใน "สนามหญ้า 4.1 - เธอเต้นรำอย่างเดียวดาย" แล้วก็ "คนอกหักธรรมดา" ที่ลงใน "เรื่องสั้นอกหัก"

สองเล่มนี้หาอ่านยากแล้วเหมือนกันค่ะ คิดว่าอีกสักพักใหญ่ๆ จะเอามาลงให้อ่านกันนะคะ

ดีใจที่มีคนชอบเรื่องแนวนี้ค่ะ ^^


โดย: Clear Ice วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:8:02:14 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะพี่ไอซ์ แล้วไว้วันเสาร์จะไปทักทายที่บูธนะคะ


โดย: I aM nOt PerFecT IP: 58.10.84.7 วันที่: 6 ตุลาคม 2548 เวลา:21:56:26 น.  

 
ดีใจได้เจอพี่ไอซ์ค้าบ แต่เสียดายอดลายเซ็น ไม่สามารถฝ่าฟันฝูงชนเข้าไปได้จริงๆ ค่ะ ไว้นัดเจอกันใหม่ละกันน้า


โดย: tintin (nyx ) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:20:36:38 น.  

 


ดีใจๆที่ได้เจอพี่ไอซ์อ่ะค่ะ..

แหะ..แหะ... น่ารักจังเล๊ยยย...

หนูล่ะกลัวพี่กลัวหนูจริงๆ...555




โดย: p_jung (P_JUNG_PIGLET ) วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:17:53:16 น.  

 
ปีนี้ได้เจอพี่ไอซ์อีกแล้วคับ เย้ๆ
ดีใจจัง จับฉลากยูก็ได้ moroccan love story ของพี่ไอซ์แหละ
ปีที่แล้วเล่นแฟนพันธุ์แท้ของชมรมก็ได้หนังสือของพี่ไอซ์


โดย: qu-up วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:20:10:07 น.  

 
ดีใจที่ได้เจอเปี๊ยกจ้า เสียดายได้คุยกันแป๊บเดียวโนะ

อิอิ ไว้ค่อยเจอกันนะติ้น ตกลงจะไปญี่ปุ่นด้วยกันเป่า

กร๊ากกก ปุ๊กน่ากลัวตรงไหนอ้ะ

ต๊าย ยูคุงจับฉลากได้เหรอ กิ๊วๆ ดีใจด้วยจ้า พี่นั่งทำเป็นนาน
นะนั่น ((ขนาดนานยังเบี้ยวๆ เอิ๊กส์))

^^


โดย: Clear Ice วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:15:10:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.